บทที่ 806 เตรียมจะใช้หมากสำคัญ แต่กลับถูกขัดขวาง
ตามสัญญาณของจิ่งฉือ ฉีย่ารีบไปหาอ่างทองแดงมาจากร้านค้าริมทาง แล้วใช้ไม้ตีอ่างอย่างบ้าคลั่ง พยายามดึงดูดความสนใจ
“องค์หญิงเสด็จ รีบคุกเข่าคำนับเร็วเข้า!”
สถานการณ์วุ่นวาย แม้จะมีชาวบ้านบางคนสังเกตเห็นฉีย่า แต่ก็ยังคงไหลไปตามกระแสฝูงชน กระทั่งมือปราบที่แทรกตัวอยู่ในฝูงชนรายงานเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ศาลจิงจ้าวที่กำลังมองอยู่ห่าง ๆ เจ้าหน้าที่เลยเบียดฝูงชนออกมาหาจิ่งฉือ
เมื่อยืนยันว่าเป็นองค์หญิงจริง เขาก็รีบคุกเข่าคำนับ
“ข้าน้อยคารวะองค์หญิง ไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จมาจึงไร้ขบวนต้อนรับ ขอพระองค์เมตตาไม่ถือสาพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้จิ่งฉือไม่มีอารมณ์จะวางท่า นางรีบชี้ไปยังฉินเฟิงในฝูงชนแล้วตวาดเสียงแหลม “พวกเจ้าขุนนางศาลจิงจ้าวกินเงินเดือนหลวงแท้ ๆ ยังไม่รีบรักษาความสงบอีก”
“หากฉินเฟิงเป็นอะไรไป สงครามระหว่างเป่ยตี๋กับแคว้นต้าเหลียงจะต้องปะทุอีกแน่”
เผชิญกับคำตวาดของจิ่งฉือ เจ้าหน้าที่ศาลจิงจ้าวเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก รีบแก้ตัว
“องค์หญิงอาจไม่ทราบ ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ล้วนต้องการให้บทเรียนฉินเฟิงเพื่อแก้แค้นที่เขาเคยดูหมิ่นหัวหน้าคณะทูตเป่ยตี๋หลู่จู้กั๋ว”
“อีกทั้งพวกข้าได้ส่งคนแฝงตัวอยู่ในหมู่ชน หากมีผู้ใดคิดลงมือย่อมขัดขวาง หลีกเลี่ยงเหตุการณ์นองเลือด”
ได้ยินคำพูดนี้ จิ่งฉืแยิ่งโกรธ “พวกเจ้าแก้แค้นโจ่งแจ้งเกินไปแล้ว!”
“ตั้งแต่ฉินเฟิงเข้าเมืองเป่ยตี๋ก็ประพฤติตนสงบเสงี่ยม ไม่มีการกระทำใดเกินเลย เขาถูกดูหมิ่นอย่างไม่เป็นธรรม อย่าว่าแต่แคว้นต้าเหลียงเลย แม้แต่อำเภอเป่ยซีก็คงไม่ยอมกลืนความอัปยศนี้ง่าย ๆ”
“บัดนี้ซางโจววุ่นวาย ส่วนซวี่โจวที่มีพรมแดนติดกับซางโจวก็เป็นเหมือนริมฝีปากกับฟัน หากฉินเฟิงใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ยกทัพขึ้นเหนือ โจมตีซวี่โจวแก้แค้น จะทำเช่นไร?”
“อะไรที่เรียกว่าหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นองเลือด? หากฉินเฟิงต้องหลั่งเลือดจริง ๆ กองทัพภายใต้บังคับบัญชาของเขา จะต้องบุกสู้จนถึงที่สุดแน่นอน!”
“เจ้าไม่มีตาหรือ ถึงมองไม่เห็นว่าสถานการณ์วุ่นวายไปใหญ่แล้ว ไหนจะยังเป็นเพียงการซักถามด่าทอ มีแต่เสียงก่นด่าสาปแช่งดังไปทั่วเช่นนี้”
“ขุนนางและราษฎรเมืองหลวงเป่ยตี๋พร้อมใจสาปแช่งโหวอันดับหนึ่งแห่งต้าเหลียง เรื่องนี้จะว่าเล็กก็เล็กได้แต่จะกระพือให้ใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องยากและด้วยนิสัยฉินเฟิง เรื่องนี้จะต้องถูกเขาทำให้ใหญ่โตเกินกว่าเป่ยตี๋จะรับมือแน่!”
เจ้าหน้าที่ศาลจิงจ้าวย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งเหล่าขุนนาง แต่จิ่งฉือพูดถึงขนาดนี้ หลังชั่งใจ เขาก็ตัดสินใจทำตามคำสั่ง แล้วเร่งสั่งการให้รักษาความสงบ
พร้อมกับคำสั่งที่ดังขึ้น มือปราบและเจ้าหน้าที่ที่แฝงตัวอยู่ในฝูงชนก็เริ่มควบคุมผู้คนออกไปตามลำดับ
สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะวุ่นวายเริ่มสงบเรียบร้อยด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัดเจน
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ จิ่งฉือก็ถอนหายใจโล่งอก
ราษฎรที่โกรธแค้นถูกไล่ไปที่ริมถนน เจ้าหน้าที่ศาลจิงจ้าวตะโกนเสียงดัง “องค์หญิงจิ่งฉือเสด็จ ไยพวกเจ้ายังไม่คุกเข่าคำนับ!”
ราษฎรส่วนใหญ่ได้สติ รีบคุกเข่า
ฉินเฟิงไม่พอใจ
ไยไม่ก่อความวุ่นวายต่อ? ก่อความวุ่นวายต่อไปสิ!…อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่เมืองหลวงแคว้นต้าเหลียง ถึงจะวุ่นวายจนพลิกแผ่นดินก็เป็นปัญหาของเป่ยตี๋เอง
ส่วนเรื่องถูกราษฎรทำร้ายกลางถนน ฉินเฟิงอยากให้มีคนหัวรุนแรงสักคนมาฟาดเขาด้วยอิฐสักก้อนจริง ๆ
พึงรู้ไว้ว่า อิฐเพียงก้อนเดียวอาจมีค่าถึงหลายหมื่นหรือแม้แต่หลายแสนตำลึงเงิน
น่าเสียดายที่องค์หญิงเป่ยตี๋ผู้นี้ยังมีสติ รู้ว่าหากปล่อยให้ราษฎรก่อความวุ่นวายต่อไปจะนำหายนะใหญ่มาเยือน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ