บทที่ 808 เป่ยตี๋สามฝ่าย
เมื่อฉินเฟิงและจิ่งฉือแสดงท่าทีเป็นศัตรูกัน ชาวบ้านโดยรอบก็เริ่มสงบลง
เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองที่พร้อมจะต่อสู้กัน ผู้คนจึงตระหนักว่าพวกเขาเข้าใจจิ่งฉือผิด ในชั่วขณะนั้น หลายคนในที่เกิดเหตุต่างหน้าแดงก่ำด้วยความอาย ส่วนคนที่ขี้ขลาดกลัวว่าจะถูกเอาผิด ถึงกับรีบเผ่นหนี
จิ่งฉือไม่เคยคิดมาก่อนว่าการแสดงละครตบตาจะได้ผลจริง ๆ
นางสับสน ไม่รู้ว่าควรทึ่งกับความโง่เขลาของชาวบ้าน หรือควรขอบคุณฉินเฟิงที่แอบช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
เพื่อปลอบประโลมฝูงชน จิ่งฉือจำต้องแสดงละคร
“ยกเลิกการแลกเปลี่ยน? ได้! เมื่อถึงเวลาที่สองแคว้นทำการค้า ไม่ว่าจะเป็นใครในตระกูลฉินของเจ้าจะถูกห้ามเข้ามาค้าขายในแคว้นเป่ยตี๋ของข้า ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะแข็งข้อไปได้แค่ไหน!”
คำพูดจี้ตรงจุดของฉินเฟิง
ฉินเฟิงเย็นเยือกไปถึงหัวใจ โชคดีที่จิ่งฉือแค่ด้นสดไปตามสถานการณ์ ไม่ได้จริงจังกับคำพูด
แต่ฉินเฟิงก็ไม่กล้าแสดงต่อแล้ว เกรงว่าการแสดงจะกลายเป็นเรื่องจริง
ภายใต้สายตาของผู้คน ฉินเฟิงสะบัดแขนเสื้อ เดินหนีไปโดยไม่หันกลับมอง
ความเงียบครอบงำทั้งพื้นที่อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากความเงียบ เสียงโห่ร้องพลันดังสนั่น
“ฮ่า ๆๆ ฉินเฟิง เจ้าหัวขโมบตัวน้อย เจ้าไม่ใช่คนเก่งกาจหรอกหรือ? พอเจอองค์หญิงของเราเข้าไปก็หมดปัญญาเสียแล้ว ฮ่า ๆ”
“ฮึ! ที่นี่คือดินแดนเป่ยตี๋จะยอมให้พวกเจ้าอวดเบ่งได้อย่างไร!”
“สมแล้วที่องค์หญิงแห่งเป่ยตี๋!”
“องค์หญิงจิ่งฉือจงเจริญ!”
ได้ยินเสียงโห่ร้องดังมาจากทุกทิศทาง จิ่งฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย มองตามแผ่นหลังฉินเฟิงไป ในใจสับสนนัก
หากเมื่อครู่ ฉินเฟิงไม่ยื่นมือช่วยเหลือ นางคงเสียทั้งชื่อเสียงและศักดิ์ศรีแล้ว
เรื่องการเมืองและประชาชน ก้าวพลาดเพียงก้าวเดียวก็อาจตกลงไปในเหวลึกนับหมื่นจั้งได้แล้ว
จิ่งฉือซาบซึ้งใจ แต่พอนึกถึงว่านางเป็นองค์หญิงแห่งเป่ยตี๋ ส่วนฉินเฟิงเป็นขุนนางคนสำคัญฝ่าย ‘ศัตรู’ ความรู้สึกขอบคุณที่เพิ่งก่อตัวก็ถูกแทนที่ด้วยความเป็นปรปักษ์
ละครที่เพิ่งจบไปไม่เพียงแต่เป็นการแสดง แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนสำหรับจิ่งฉือ
ไม่ว่าอย่างไร ในฐานะประชาชนเป่ยตี๋ นางจำเป็นต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉินเฟิง ต้องกำจัดความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นในใจให้สิ้นซาก
แทบจะในทันทีที่ฉินเฟิงเดินออกจากฝูงชน จางปิ่งกั๋วรีบร้อนนำกำลังทหารจากกรมกลาโหมมาถึงที่เกิดเหตุ
พอเห็นว่าความวุ่นวายในที่เกิดเหตุสงบลง จางปิ่งกั๋วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วรีบคำนับฉินเฟิง “ข้าคือเสนาบดีกรมกลาโหมแห่งเป่ยตี๋ จางปิ่งกั๋ว คารวะท่านโหวฉิน”
“ข้าจัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับไว้ที่หอสุราที่ดีที่สุดในเมืองหลวงแล้ว เชิญ”
งานเลี้ยงต้อนรับ?
ฉินเฟิงมองจางปิ่งกั๋วตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจแอบคิด…สมแล้วที่เป็นคนที่นั่งในตำแหน่งเสนาบดี…เจ้าจิ้งจอกเฒ่า
มาถึงก็พูดดีทันที ไม่พูดถึงความวุ่นวายที่เพิ่งเกิดขึ้นสักคำ
ฉินเฟิงแทบไม่อยากจะแสร้งทำเป็นสนใจจางปิ่งกั๋ว เขาตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ พลางพูดอย่างจริงจัง “ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของท่านเสนาบดีจางนัก แต่เกรงว่าจะไม่สะดวกร่วมงาน”
“ข้าเพิ่งได้สัมผัสถึงความกระตือรือร้นของประชาชนเป่ยตี๋ ส่วนคำสาปแช่งและคำด่าทอข้าจะทำเป็นไม่ได้ยิน และจะไม่ทำให้เรื่องใหญ่โตก็แล้วกัน”
“รบกวนท่านเสนาบดีจางส่งข้อความถึงแม่ทัพเฉิน วันนี้ข้าจะเลี้ยงสุราแม่ทัพเฉินสักหน่อย หนึ่งเพื่อพบปะสังสรรค์สหายเก่า สองเพื่อขอขมา”
“ด้วยข้าเพิ่งรู้เมื่อมาถึงเมืองหลวงเป่ยตี๋ว่า เฉินโหมวกับเฉินหลี่ล้วนเป็นญาติของแม่ทัพเฉิน”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ