บทที่ 810 เป็นทั้งสหายและศัตรู
ก่อนหน้านี้จิ่งฉือรู้เพียงว่า เฉินซือคือยอดแม่ทัพแห่งเป่ยตี๋ เป็นคนเดียวที่ต่อกรกับฉินเฟิงได้ ความเข้าใจของนางต่อเฉินซือ จำกัดอยู่แค่ด้านการทหารเท่านั้น
แต่พอได้ที่ฉินเฟิงประเมินเฉินซือ
จิ่งฉือก็เข้าใจแล้วว่า เฉินซือมีความหมายต่อแคว้นเป่ยตี๋อย่างไร
อาจกล่าวได้ว่า เฉินซือคือ ‘ฉินเฟิง’ แห่งเป่ยตี๋ เพียงแต่นอกจากด้านการทหารที่เฉินซือหักเหลี่ยมกับฉินเฟิงได้อย่างไม่ด้อยกว่า ด้านอื่น ๆ ล้วนแตกต่างจากอย่างยิ่ง
กระนั้นความเฉียวฉลาดของเฉินซือก็ยังคงเป็นของจริง
สำหรับจิ่งฉือ คำพูดของฉินเฟิงไม่ต่างจากท่อนไม้ที่ตีศีรษะนาง ทำให้นางตาสว่าง นางตระหนักได้ว่า ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างแคว้น นางตัวจ้อยเพียงใด
ส่วนฉินเฟิงที่อยู่ตรงหน้า จิ่งฉือยังคงเกลียดเขา แต่เทียบกับความเกลียดชัง ความชื่นชมมีมากกว่า
หากไม่ใช่เพราะการชี้แนะของฉินเฟิง นางคงไม่มีวันตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้
จิ่งฉือมีโอกาสได้พบปะกับฉินเฟิงเพียงไม่กี่วัน แต่การได้สนทนากับเขากลับได้รับประโยชน์มากมาย และนางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดจิ่งเชียนอิ่งถึงหลงรักชายตรงหน้านาง
อารมณ์ของจิ่งฉือค่อย ๆ สงบลง นางมองฉินเฟิงเป็นทั้งศัตรูตัวฉกาจ คู่แข่งที่แข็งแกร่ง และครูที่ดีที่สุด
ไม่ว่าจะยอมรับโจรเป็นบิดาหรือยอมรับโจรเป็นอาจารย์
จิ่งฉือไม่สนใจ ขอเพียงได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่ประชาชนและแคว้นเป่ยตี๋ แม้จะต้องแบกรับคำสบประมาท นางก็จะไม่เสียใจและไม่เสียดาย
“เฮ้อ…”
จิ่งฉือถอนหายใจเบา ๆ สายตาที่มองฉินเฟิงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
สีหน้าและแววตาของจิ่งฉืออยู่ในสายตาของฉินเฟิงตลอด คำกล่าวที่ว่าเป่ยตี๋จะรุ่งโรจน์รุ่งเรืองขึ้นอยู่กับสองตระกูลใหญ่ อย่างตระกูล ‘จิ่ง’ กับตระกูล ‘เฉิน’ เหมือนจะไม่เกินจริงสักนิด
ตระกูลเฉินให้กำเนิดนักรบผู้กล้า ส่วนทายาทตระกูลจิ่งล้วนเฉลียวฉลาด
จิ่งฉือเรียนรู้รวดเร็ว กล่าวได้ว่า…เร็วเกินไปด้วยซ้ำ หากฉินเฟิงถ่ายทอดวิชาทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง ไม่นานเด็กสาวที่ดูไร้เดียงสาผู้นี้อาจเก่งกาจเหนือกเขา
สอนศิษย์จนหมดวิชา อาจารย์อดตาย
ฉินเฟิงย่อมไม่ใจกว้างถึงขนาดนั้น อะไรควรสอน อะไรไม่ควรสอน ภายในใจของเขามีเกณฑ์กำหนดอยู่ก่อนแล้ว
สำหรับฉินเฟิง จิ่งฉือเป็นเพียงเครื่องมือที่เขาสามารถใช้ประโยชน์ได้
แม้นางกับจิ่งเชียนอิ่งจะมีแซ่จิ่งเหมือนกัน แต่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
“องค์หญิง วันนี้สถานที่ที่ข้าจะจัดงานสังสรรค์กับเฉินซือต้องรบกวนท่านช่วยจัดการแล้ว ด้วยชื่อเสียงอื้อฉาวของข้า อย่าว่าแต่โรงเตี๊ยม แม้แต่แผงชาก็เกรงว่าจะเช่าไม่ได้”
คำขอเล็กน้อย จิ่งฉือย่อมตอบตกลงง่ายดาย
นางมองฉินเฟิง แล้วถามอย่างสงสัย “ข้าไม่เข้าใจ ก่อนพบเฉินซือเจ้าไม่ควรเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อนหรือ?”
“หากเรื่องนี้แพร่งพราย อาจมีผู้ฉวยโอกาสใส่ร้ายว่าเฉินซือสมคบคิดกับเจ้า”
พอได้ยินเช่นนั้น ฉินเฟิงพลันหัวเราะ “ฮ่า ๆ ใส่ร้ายหรือ? องค์หญิง ท่านเข้าใจผิดอะไรหรือไม่? แม้ข้ากับเฉินซือจะชื่นชมกัน แต่ก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างไม่ต้องสงสัย ไยข้าต้องคิดแทนเขาเล่า?”
“หากเฉินซือถูกขุนนางชั่วใส่ความ แทนที่จะเศร้าโศก ข้าจะยิ่งยินดี”
คำพูดน่ารังเกียจ ถึงขั้นทำให้จิ่มฉือขยะแขยง
ทว่าไม่ผิด ฉินเฟิงเป็นขุนนางต้าเหลียง เขาจะต้องเป็นห่วงขุนนางผู้จงรักภักดีของแคว้นเป่ยตี๋ไปทำไม?
พอได้ยินคำตอบฉินเฟิง จิ่งฉือพลันสงสัย
“เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เฉินซือจะมาพบเจ้า?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ