บทที่ 818 แล้วตอนนี้ไม่ใช่หรอกหรือ?
“ใต้เท้าหลี่ ตลาดยิ่งเสรีก็ยิ่งดึงดูดพ่อค้าทั่วสารทิศได้มาก มีเพียงวิธีนี้จึงจะช่วยฟื้นฟูแคว้นเป่ยตี๋ได้อย่างรวดเร็ว”
“ผู้คนทั่วหล้าต่างกล่าวหาว่าข้า ฉินเฟิง มีใจคิดล้มล้างเป่ยตี๋ไม่เลิกรา แต่พวกเขาหารู้ไม่ ข้าห่วงใยแคว้นเป่ยตี๋เป็นที่สุด ด้วยถ้าเศรษฐกิจของแคว้นเป่ยตี๋ท่านรุ่งเรือง พวกข้าที่อยู่ชายแดนและพึ่งพาการค้าระหว่างแคว้นก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย”
“กลับกัน สงครามและความวุ่นวายคือสิ่งที่ข้าไม่อยากเห็น”
“ยามนี้แคว้นเป่ยตี๋ท่านขาดแคลนเงินทองมิใช่หรือ? หากเปิดตลาด พ่อค้าจำนวนมากจะหลั่งไหล นำเงินทองมากองให้ถึงที่ แก้ปัญหาเร่งด่วนของแคว้นเป่ยตี๋ได้อย่างถาวร”
“แค่เก็บภาษีการค้าก็ร่ำรวยแล้ว”
ภาษีการค้าไม่ใช่สิ่งใหม่ที่ฉินเฟิงคิดค้น แต่ไหนแต่ไร การค้าระหว่างแคว้นล้วนต้องเสียภาษี
แต่ภาษีการค้าสำหรับแคว้นส่วนใหญ่นับเป็นผลประโยชน์เล็กน้อย รายได้หลักยังคงมาจากการเก็บภาษีจากประชาชนในแคว้น
ทว่าวิธีที่ฉินเฟิงเสนอสามารถเพิ่มภาษีการค้าได้อย่างมหาศาล เป็นยาบำรุงใจเศรษฐกิจที่อ่อนแอของเป่ยตี๋ได้
หลี่อวี้นิ่งเงียบไป สมองหมุนวนทำงานอย่างรวดเร็ว
เดิมเขาจะปฏิเสธข้อเรียกร้องที่สองอย่างเด็ดขาดซึ่งก็คือภาษีการค้า
“แล้วเหตุใดภาษีการค้าต้องถูกกำหนดโดยแคว้นต้าเหลียงท่าน?
หลังจากฉินเฟิงหว่านล้อมมานาน หลี่อวี้เริ่มหวั่นไหวบ้างแล้ว หากแคว้นต้าเหลียงกับแคว้นเป่ยตี๋เป็นผู้นำ แคว้นรอบข้างเข้าร่วมคึกคัก ขนาดการค้าจะเพิ่มขึ้น แค่รายได้จากภาษีการค้าที่เห็นได้ชัดเจนก็เป็นโชคลาภมหาศาลแล้ว
แต่สิ่งสำคัญคือ เรื่องภาษีการค้า ฉินเฟิงไม่อาจยุ่งเกี่ยว
ด้วยเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการคลังของเป่ยตี๋ คนนอกไม่อาจแทรกแซงแม้แต่น้อย
“แล้วเรื่องนี้… ภาษีการค้า จะกำหนดอย่างไร?”
พอเห็นว่าหลี่อวี้สนใจบ้างแล้ว ฉินเฟิงยินดีนัก เอ่ยวาจาคล่องแคล่ว บอกทุกสิ่งอย่างไม่ปิดบัง
“โดยทั่วไป ภาษีการค้าจะคิดเป็นร้อยละสองส่วนของกำไร ส่วนยามสงคราม ภาษีการค้าจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าจะไม่นับรวมในการอภิปรายนี้”
“ส่วนภาษีการค้าร้อยละสองส่วนก็นับว่าคลุมเครือเกินไป”
“ภาษีการค้าไม่ใช่การเก็บภาษีจากการค้าเพียงอย่างเดียว แต่ประกอบด้วยภาษีหลายประเภท เช่น ภาษีตลาด ภาษีศุลกากร ภาษีเข้าเมือง ภาษีผ่านชายแดน ภาษีคุ้มครองสินค้า และอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการบีบคั้นพื้นที่การทำมาหากินของพ่อค้าวิณิช”
“อย่างที่เขาว่ากัน ขุนนาง ชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า พ่อค้ามักถูกมองว่าเป็นอาชีพระดับล่าง ความสำคัญอยู่ในลำดับสุดท้าย การไม่ได้รับความสำคัญเป็นที่เข้าใจได้ แต่ใครเล่าจะไม่อยากได้เงิน? หากต้องการทำเงิน ก็ต้องปลดปล่อยข้อจำกัดที่มีต่อพ่อค้าวาณิช”
“ข้าจึงอยากเสนอเบื้องต้นว่า สำหรับพ่อค้าต่างแดนให้ยกเลิกภาษีที่มีความหลากหลายซับซ้อน เหลือไว้เพียงสองประเภท คือ ภาษีตลาดและภาษีผ่านชายแดน”
“ภาษีตลาดให้คงไว้ที่ร้อยละสองส่วน แต่ภาษีผ่านชายแดนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละแปดส่วน”
“พูดตามตรงก็คือ ให้พ่อค้าที่ผ่านชายแดนจ่ายภาษีหนึ่งในสิบของกำไร”
หลี่อวี้พลันตื่นเต้น การเก็บภาษีหนึ่งในสิบของกำไรจะส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของแคว้นเป่ยตี๋อย่างไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน
เดิมทีหลี่อวี้กังวลว่าฉินเฟิงจะหาช่องทางในด้านการค้า
แต่เมื่อฟังทั้งหมดแล้วหลี่อวี้ก็คิดว่า ฉินเฟิงล้วนหาวิธีเพื่อแคว้นเป่ยตี๋จริง หวังให้แคว้นเป่ยตี๋รุ่งเรืองเพื่อจะได้รับผลประโยชน์
เขาไม่เลยรู้ว่าฉินเฟิงได้วางกับดักไว้มากมายนัก
ประการแรก การเก็บภาษีหนึ่งในสิบส่วนของกำไร อัตรานี้ไม่นับว่าสูง แต่ก็ไม่ต่ำเกินไป รวมกับค่าใช้จ่ายพิเศษในการค้าข้ามแดน ย่อมสามารถคัดกรองพ่อค้าที่มีกำลังทรัพย์ต่ำออกได้
ป้องกันไม่ให้พ่อค้าจำนวนมากได้ยินข่าวแล้วหลั่งไหลเข้ามาในเป่ยตี๋จนสภาพแวดล้อมทางการค้าของต้าเหลียงเสียหาย
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ