บทที่ 830 โกลาหลไปทั่ว
ฉินเฟิงเข้าใจหลักการทางการแพทย์อยู่บ้าง คนที่ป่วยบ่อย ๆ ย่อมกลายเป็นหมอที่ดี แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหล่าอู๋ใช้พิษอะไร แล้วเขาจะรักษาตัวเองได้อย่างไร?
ขณะที่ฉินเฟิงกำลังสับสน เว่ยเซียวก็หยิบขวดกระเบื้องเล็ก ๆ ออกจากเอว แล้วโยนให้ฉินเฟิง
“ข้ากับเหล่าอู๋มากจากสำนักเดียวกัน ใช้พิษเหมือนกัน”
“พิษที่ทาบนเข็มเหล็กคือพิษงู”
โชคดีที่มีเว่ยเซียวอยู่ ฉินเฟิงไม่กล้าลังเล รีบเปิดขวดกระเบื้องตามคำแนะนำของเว่ยเซียว แล้วกระดกยาเข้าไป ก่อนจะโยนขวดไปให้หนิงหู่
พอฉินเฟิงหันกลับมา ตั้งใจจะขอบคุณก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเว่ยเซียวแล้ว
“พี่ฉิน เจ้าเว่ยเซียวคนนี้ช่างลึกลับจริง ๆ”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีวันที่เขาช่วยเราไว้”
หนิงหู่มองไปตามทางที่เว่ยเซียวหายไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ฉินเฟิงเองก็ประหลาดใจอยู่บ้าง ตอนแรก ภารกิจของเว่ยเซียวคือการลอบสังหารเขา ฉินเฟิง แต่เพราะหลี่เซียวหลาน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเลยเป็นทั้งศัตรูทั้งมิตร
เกรงว่าเว่ยเซียวคงก้าวข้ามกำแพงในใจไม่ได้ ไม่อยางนั้นเขาคงไม่รีบร้อนจากไปเช่นนี้
“ข้าคนนี้ยังไม่ถึงคราวตาย!”
ฉินเฟิงที่เพิ่งเดินผ่านประตูผีมาได้ หัวใจเต็มไปด้วยความภาคภูมิ แต่เมื่อคิดถึงว่า เหล่าอาวุธมืดที่ซุ่มอยู่ข้างกายมาตลอดถูกเหล่าอู๋สังหารจนหมดสิ้นเสียแล้ว ความโกรธแค้นก็พลุ่งพล่านขึ้นมา “เหล่าอู๋ แค้นนี้หากไม่ชำระ ข้า ฉินเฟิง ก็ไม่นับว่าเป็นคน!”
“หนิงหู่ เรารีบกลับที่พักเถิด ต้องตรวจสอบจำนวนคนของหน่วยอาวุธมืดที่เหลือ!”
ฉินเฟิงกับหนิงหู่ประคองกันเดินโซเซกลับที่พักอย่างยากลำบาก
เหล่าอู๋มีฝีมือสูงส่ง และลอบลงมือกะทันหัน เรื่องการลอบสังหารฉินเฟิงจึงไม่ได้แพร่กระจายออกไป
ราตรียังไม่สิ้นสุด แต่ฉินเฟิงกลับไม่ง่วงแม้แต่น้อย ตืนนี้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องน่ายินดีและเรื่องเศร้า โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงการสูญเสียเหล่าอาวุธมืดไปถึงแปดคน เขาก็ปวดใจนัก
ด้านเฉินซือเองก็ไม่อาจข่มตาหลับ หลังการเจรจาเขาก็เริ่มเข้าใจจุดยืนของฉินเฟิง ฉินเฟิงไม่ได้ต้องการทำลายเป่ยตี๋ แต่หวังจะเปลี่ยนเป่ยตี๋ให้เป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขตอำนาจของเขา
ไม่ว่าจะเป็นแผนการอันน่าละอายที่ทำลายเกียรติของแคว้นเป่ยตี๋ หรือการตายของเฉินโหมวกับเฉินหลี่ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เฉินซือยอมรับไม่ได้
แต่เพื่ออนาคตของเป่ยตี๋ เขาจำต้องอดทน
ขณะเดียวกัน หลี่อวี้เดินทางเข้าวังเพื่อรายงานผลการเจรจาแก่ฮ่องเต้เป่ยตี๋
“ฝ่าบาท เงื่อนไขที่ฉินเฟิงเสนอ เป่ยตี๋เราล้วนแต่เสียเปรียบ เขาขุดหลุมพรางไว้ไม่น้อย แต่กระหม่อมพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ยังคิดว่าความเสี่ยงเหล่านี้อาจคุ้มที่จะลองเสี่ยง”
คำพูดของหลี่อวี่นุ่มนวลอย่างยิ่งจนฮ่องเต้เป่ยตี๋ได้แต่ส่ายหน้า เขายิ้มขมขื่น
คุ้มที่จะเสี่ยงหรือ? แท้จริงแล้วเป่ยตี๋ไม่มีทางเลือกใดอีกแล้ว
แม้จะรู้ว่าเป็นหลุมพรางก็ต้องเดินลงไป ยอมดื่มยาพิษเพื่อดับกระหาย
“แล้วทางจิ่งอวี้ซูเป็นอย่างไรบ้าง?”
สิ่งที่ฮ่องเต้เป่ยตี๋ให้ความสนใจมากที่สุดตอนนี้คือ เรื่องของ ‘ฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้นอกอำนาจ’ เพราะเมื่อเทียบกับปัญหาระยะยาวอื่น ๆ ฝ่ายสนับสนุนราชวงศ์นอกอำนาจคุกคามต่ออำนาจการปกครองของฮ่องเต้เป่ยตี๋ที่ใกล้เข้ามาแล้ว
หลี่อวี้เรียบเรียงคำพูดในหัว แล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ กระหม่อมเกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมเจรจา เรามีเพียงสองทางเลือกคือ ยอมรับโดยปริยาย หรือไม่ก็ใช้กำลังทหารพ่ะย่ะค่ะ”
“ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับการกล่าวหาซางโจว เกรงว่าอีกไม่นานความจริงจะถูกเปิดเผย ด้วยอีกไม่นานนโยบายช่วยเหลือประชาชนที่ฉินเฟิงดำเนินการในซางโจวจะกระจายไปทั่วเป่ยตี๋ ถึงตอนนั้น เรื่องที่แต่ละมณฑลจะต่อต้านฝ่านสนุบสนุนฮ่องเต้นอกอำนาจได้มากเพียงใด หรือแต่ละมณฑลจะต่อต้านหรือไม่ กลายเป็นปัญหาใหญ่”
ฮ่องเต้เป่ยตี๋เข้าใจดี หากเพิกเฉยต่อสถานการณ์ก็เหมือนกับการปล่อยให้ถูกกลืนกินและค่อย ๆ ตายไปอย่างช้า ๆ
แต่หากใช้กองทัพเข้าปราบปรามก็อาจจบต้องชีวิตลงอย่างฉับพลัน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ