บทที่ 831 สงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพประจำการณ์เมืองหลวง
ค่ายตะวันออกและตะวันตกต่างก็รวบรวมทัพหน้าได้สามพันคน ไม่ใช่ว่ารวบรวมได้แค่เท่านี้ แต่เป็นเพราะขีดจำกัดการบัญชาการของแม่ทัพสามารถควบคุมได้เพียงสามพันคน
ขณะที่ทัพหน้าสองฝ่ายกำลังมุ่งหน้าไปยังค่ายของกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ กองกำลังสนับสนุนด้านหลังก็กำลังถูกระดมพลและเตรียมความพร้อม
ทุกสิ่งเกิดขึ้นนอกเมืองจึงแทบไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
ทัพหน้าของค่ายตะวันออกเดินทางมาถึงที่หมายแล้ว ทว่าการต่อสู้ยังไม่เกิดขึ้น ทั้งเหล่าทหารยังต้องงุนงง ด้วยค่ายของกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ แต่กลับไร้ทหารเฝ้าประตูค่าย
“แย่แล้ว!”
แม่ทัพตะโกนเสียงต่ำ ตระหนักได้ว่า กองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์เตรียมการป้องกันไว้ เกรงว่าจะวางกับดักรอพวกเขาไว้รอบด้านแล้วด้วย
แม่ทัพของค่ายตะวันออกเพิ่งตระหนักถึงปัญหา เสียงโห่ร้องฆ่าฟันก็ดังขึ้นจากทุกทิศ
ลูกธนูพุ่งเข้ามาหนาแน่นราวกับห่าฝน
หลังฝนธนูหลายระลอก แนวรบของทัพหน้าค่ายตะวันออกก็เริ่มแตก กองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ที่ขึ้นชื่อว่ากองทหารม้าที่เก่งกาจที่สุดในบรรดากองทัพประจำการณ์เมืองหลวงกำลังเฝ้ารอโอกาส พอได้จังหวะก็บุกเข้าโจมตีทัพหน้าของค่ายตะวันออกอย่างรวดเร็ว
ทัพหน้าของค่ายตะวันออกรีบตั้งรับศึกกะทันหัน แต่แนวทหารราบแตกไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับการบุกของกองทหารม้าชั้นยอดพวกเขาไม่สามารถต้านทานได้เลย ไม่นานก็ถูกฉีกทึ้ง ตกตาย แนวหน้าของค่ายตะวันออกจำต้องถอยทัพ ยอมเสี่ยงกับการสูญเสียครั้งใหญ่จากการไล่ล่าของกองทหารม้า แต่ก็เพื่อรักษากำลังรบไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทว่ายังไม่ทันได้ถอนกำลังออกจากค่ายกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์ ภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาจมดิ่งสู่ความสิ้นหวัง
เส้นทางถอยทัพเพียงหนึ่งเดียวถูกกองทหารม้าสีดำทะมึนปิดกั้น เป็นกองทหารม้าทมิฬค่ายเทียนจีมาสมทบ!
ผู้ที่ยืนองอาจอยู่หน้าสุดไม่ใช่ใครอื่น ย่อมต้องเป็นจ้าวอวี้หลงในชุดเกราะสีดำทมิฬ
ในมือถือแหลนม้า สายตาคมกริบดั่งคมดาบ น้ำเสียงแข็งกร้าวตวาดด้วยความโกรธ “ยอมจำนนเสีย แล้วข้าจะเมตตาสักหน่อย หากยังขัดขืนต่อต้าน สังหารไม่ไว้หน้า!”
เสียงคำรามด้วยความโกรธทำลายขวัญกำลังใจสุดท้ายของทัพหน้าของค่ายตะวันออกลงอย่างราบคาบ
ก่อนหน้านี้ กองกำลังค่ายตะวันออกก็มีทหารบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย ตอนนี้ แม่ทัพค่ายตะวันออกตะโกนจนเสียงแหบแห้ง ก็ไม่อาจฉุดกำลังใจของเหล่าทหารขึ้นมาได้
จ้าวอวี่รองแม่ทัพแห่งค่ายตะวันออก นับตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพไม่เคยอับอายขายหน้าเช่นนี้มาก่อน
แต่เมื่อมองทหารค่ายตะวันออกที่ได้ชื่อว่าเป็นกองกำลังชั้นยอดแห่งเมืองหลวงแตกพ่าย เขากลับไม่มีวิธีใดปลุกใจเหล่าทหารได้เลย
นับตั้งแต่ตระกูลใหญ่ทางใต้ต่อต้านเมืองหลวง กองทัพประจำการณ์เมืองหลวงที่ควรจะถูกส่งไปฝึกที่ชายแดนเหนือก็ต้องอยู่ประจำการณ์ในเมืองหลวงตลอดด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน สุดท้ายชายแดนเหนือก็ตกอยู่ใต้อำนาจของฉินเฟิง โอกาสสุดท้ายในการฝึกทหารของพวกเขาถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง
กองทัพประจำการณ์เมืองหลวง แม้มีอาวุธยุทโธปกรณ์ยอดเยี่ยม แต่ขวัญกำลังใจกลับตกต่ำ
ยามนี้เผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีของกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์และการปิดล้อมของกองทหารม้าทมิฬก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ…
เช่นนี้ยังกล้าเรียกตยว่าเป็นกองทัพประจำการณ์เมืองหลวงได้หรือ? หากข่าวนี้แพร่สะพัด เกรงว่าจะถูกคนทั่วหล้าหัวเราะเยาะแล้ว
ขณะที่จ้าวอวี่กำลังครุ่นคิด จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนถูกกระชากอย่างจนเสียหลักร่วงจากหลังม้า
บริเวณลำคอเย็นเฉียบรับรู้เพียงเท่านั้นศีรษะสะบั้นจากร่าง
ทหารราบจากค่ายตะวันออกคนหนึ่งถือดาบด้วยมือซ้าย มือขวากำศีรษะของจ้าวอวี่ วิ่งหอบแฮ่ก ๆ มาหยุดเบื้องหน้าจ้าวอวี้หลง “หัวของจ้าวอวี้ รองแม่ทัพค่ายตะวันออกผู้รับหน้าที่เป็นแม่ทัพทัพหน้าถูกตัดมาแล้วขอรับ”
จ้าวอวี้หลงแทงแหลนม้าเข้าที่หัวของจ้าวอวี่แล้วยกขึ้น พิจารณาจนแน่ใจว่าไม่ผิดตัวก็โยนศีรษะจ้าวอวี่ให้ทหารข้าง ๆ ก่อนจะเสียงเย็นจะสั่งการ “เอาหัวของหัวหน้ากบฏไปให้แต่ละกองทัพดูเป็นเยี่ยงอย่าง”
ทหารส่งสารถือหัวจ้าวอวี่ตรงไปยังแนวหลัง ไม่นานก็พบกับทัพหน้าของค่ายตะวันออกที่กำลังเร่งเดินทัพมาสมทบ
ทหารส่งสารชูหัวจ้าวอวี่ขึ้นสูง แล้วตะโกนเสียงดัง “แม่ทัพกบฏจ้าวอวี่แห่งค่ายตะวันออกถูกสังหารแล้ว หากพวกเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมจำนนย่อมต้องพบจุดจบเช่นเดียวกัน”
“แม่ทัพจ้าวอวี้หลงแห่งกองทหารม้าทมิฬมีคำสั่ง หากพวกเจ้ายกทัพกลับค่าย จะได้รับการลงโทษสถานเบา หาไม่ เลือดจะเจิ่งนองทั่วเมืองหลวง ผู้ก่อความวุ่นวายจะต้องสังหารทั้งหมด!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ