บทที่ 844 ดึงผมเส้นเดียวสะเทือนไปทั้งร่าง
พวกเขาทุกคนรู้ดี ความมั่นใจของหนิงหู่มาจากฉินเฟิงที่อยู่เบื้องหลัง
ทว่าตั้งแต่ฉินเฟิงมาถึงเมืองหลวงเป่ยตี๋ เขาก็ประพฤติตัวอย่างสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด ไม่เคยก่อเรื่องใด ๆ แม้แต่ตอนที่ถูกชาวบ้านสาปแช่งและรุมล้อม ฉินเฟิงก็ไม่ได้ไล่เบี้ยเอาความ
ถึงขนาดที่หลายคนคิดว่า ฉินเฟิงไม่ได้โหดร้ายอย่างที่เล่าลือกัน
พวกเขาถึงกับมองว่าฉินเฟิงอ่อนแอไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่แล้ว้หตุการณ์ตรงห้นาก็เหมืนฉุดพวกเขาขึ้นมาจากความฝัน อย่างไรฉินเฟิงก็ยังคงเป็นฉินเฟิง เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู เขาไร้ความปรานี ถ้าไม่ลงมือก็แล้วไป แต่ถ้าลงมือย่อมทำให้อีกฝ่ายได้รู้ซึ้ง
ส่วนเหตุที่ฉินเฟิงวางตัวอยู่ในกรอบเกณฑ์มาตลอดตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงเป่ยตี๋ ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะ…เขาไม่สนใจจะลงมือกับสามัญชน
พอเจอกับหลิวอี้ที่เป็นบุตรหลานขุนนางทำตัวเย่หยิ่งหมิ่นเกี่ยรติ ฉินเฟิงก็ไม่ลังเลที่จะแสดงความโหดร้ายออกมา
จิ่งฉือพลันขมวดคิ้ว ความโหดเหี้ยมของฉินเฟิงนางไม่แปลกใจ ถึงอย่างไรนางก็เคยเห็นกับตาว่าฉินเฟิงสั่งตัดลิ้นกระเรียนขาวแห่งเมืองอวี่อย่างไร แต่ในตอนนี้คนตรงหน้าเป็นบุตรหลานของขุนนางเมืองหลวง บุตรชายคนเดียวของผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธา แต่เขาก็ยังลงมืออย่างโหดเหี้ยมไม่ลังเล จิ่งฉือคาดไม่ถึงจริง ๆ
ต่อให้เป็นพระญาติของฮ่องเต้ ถ้ากล้ายั่วโทสะฉินเฟิง จิ่งฉือเชื้อว่าเขาจะแสดงด้านที่โหดเหี้ยมอย่างไร้ความปรานีเช่นกัน
เสียงร้องโหยหวนของหลิวอี้ดึงดูดความสนใจของเหล่าทหารตรวจตราความสงบ นายกองที่อยู่หัวแถวเป็นฝ่ายสนับสนุนขุนนางฝ่ายเหยี่ยวนามว่า จ้าวผู่
พอเห็นหลิวอี้ฃแขนหัก สีหน้าของจ้าวผู่ก็ไม่สู้ดี แต่ด้วยคำนึงถึงว่าองค์หญิงอยู่ด้วย เขาจึงไม่ได้แสดงอาการใดออกมา แล้วประสานมือคำนับ
“นายกองกองทหารตรวจตรา จ้าวผู่ คารวะองค์หญิง”
“ข้าไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดบุตรชายของผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธาถูกปฏิบัติเช่นนี้?”
ขณะที่พูด จ้าวผู่ก็ใช้สายตาดุดันจ้องมองไปทางฉินเฟิง
ฝ่ายเหยี่ยวทั้งหมดล้วนตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉินเฟิงแบบที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า
ฉินเฟิงทำให้แขนของหลิวอี้หัก ศัตรูพบหน้า ความโกรธแค้นรุนแรง
จิ่งฉือกำลังจะอธิบาย แต่ฉินเฟิงกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน “คนผู้นี้ไม่เคารพข้าจึงถูกลงโทษ”
ดวงตาของจ้าวผู่ราวกับมีไฟลุกโชน “ฉินเฟิง เจ้าเป็นถึงโหวขอต้าเหลียง แต่กลับมาก่อเหตุร้ายในเมืองหลวงเป่ยตี๋เรา เจ้าช่างกล้าหาญนัก!”
ฉินเฟิงพลันหัวเราะออกมา แล้วถามว่า “จากการแต่งกายของเจ้า คงเป็นนายกองคนหนึ่ง เป็นแค่นายกองธรรมดา ยังไม่ทันสอบถามเรื่องราวให้กระจ่างก็มาตะโกนใส่หน้าข้าแล้ว หรือว่าเจ้าก็กำลังข่มขู่ข้าด้วย?!”
จ้าวผู่กัดฟันกรอด ตอบกลับด้วยความโกรธ “ข้าเพียงบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม!”
“โอ้” สายตาฉินเฟิงพลันเย็นชา “ทำตามกฎหมายอย่างยุติธรรม? เช่นนั้นเจ้าก็ควรรักษาความสงบเรียบร้อย แล้วรอให้คนจากศาลเมืองหลวงมาถึง และไกล่เกลี่ย สอบสวน เจ้าเป็นเพียงนายกองกองทหารตรวจตรา เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?!”
กฎหมายโดยทั่วไปแล้วก็คล้ายคลึงกันทั้งนั้น
ฉินเฟิงสามารถท่องกฎหมายต้าเหลียงได้คล่องแคล่ว เขาย่อมรู้กฎหมายเป่ยตี๋ทะลุปรุโปรง
นายกองกองทหารตรวจตราความสงบ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุย่อมต้องรักษาความสงบเรียบร้อยก่อน ปกป้องสถานที่เกิดเหตุ ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ แล้วจึงส่งมอบให้ศาลเมืองหลวงดำเนินการต่อไป
พูดตรง ๆ ก็คือ จ้าวผู่ไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย!
เผชิญกับคำถามมากมายของฉินเฟิง จ้าวผู่พูดไม่ออก แต่เมื่อรู้สึกถึงสายตาอาฆาตของหลิวอี้เขาก็ไม่อาจถอย หาไม่ หากกรมโยธาโกรธแค้น เขาจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องช่วยหลิวอี้ระบายความแค้นนี้ให้ได้
“ฮึ ช่างพูดจริง ๆ เจ้าพูดไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด!”
“ข้าเป็นนายกองไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายก็จริง แต่นั่นก็เพียงกับประชาชนเป่ยตี๋ ส่วนเจ้าเป็นคนต่างแดน มาก่อเรื่องวุ่นวายใต้ฝ่าบาทของโอรสสวรรค์ ข้าย่อมต้องจับกุม!”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ