บทที่ 848 สลายฝ่ายเหยี่ยว
ตัวการเบื้องหลัง?
วาจานี้ไม่ธรรมดา…
ไม่นานเฉินซือก็เข้าใจ ฉินเฟิงมีเจตนาซ่อนเร้น สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ตัวการที่แท้จริงในเรื่องวางเพลิง แต่ต้องการใช้โอกาสนี้กดดันฝ่ายเหยี่ยว
พูดตามตรงก็คือไม่ว่ากรมโยธาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ พวกเขาก็ต้องแบกรับข้อกล่าวหาผู้อยู่เบื้องหลัง
เฉินซือมองด้วยสายตาซับซ้อน แล้วตะโกนตรงไปตรงมา “พี่ฉิน เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเองไม่ได้!”
ฉินเฟิงก็ไม่อ้อมค้อม “ข้าให้เวลาหนึ่งก้านธูป”
ได้ยินเช่นนี้ เฉินซือหมดหวังแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางเจรจาต่อรองได้อีก เฉินซือรีบส่งม้าเร็วมุ่งหน้าสู่พระราชวัง เข้าเฝ้าฮ่องเต้เป่ยตี๋
พอฮ่องเต้เป่ยตี๋ทรงทราบก็ทรงกริ้วนัก ทรงตบเสียงดัง
“ไร้เหตุผลสิ้นดี! ฉินเฟิง เจ้าคนน่ารังเกียจ!”
“เพื่อปลอบประโลมเขา เจิ้นจะต้องทำร้ายขุนนางผู้จงรักภักดีหรือไร?!”
หลี่อวี้ที่อยู่ในห้องทรงพระอักษรด้วยรีบกล่าว
“ฝ่าบาท เมื่อมีสองสิ่งที่ส่งผลร้าย เราย่อมต้องเลือกสิ่งที่เบากว่า!”
“ฝ่าบาทก็ทรงได้เห็นแล้ว ฉินเฟิงมีแผนการชั่วมากมาย ผู้ใดจะคิดได้ว่าตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าเมืองหลวงมา ก็เริ่มขุดอุโมงค์ใต้ดิน ช่างเป็นความคิดที่ละเอียดรอบคอบและน่าสะพรึงกลัวนัก”
“แม้แต่หน่วยนกฮูกราตรีก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าฉินเฟิงวางแผนสำรองไว้มากน้อยเพียงใดอีก”
“หากปล่อยให้ฉินเฟิงออกจากเมืองหลวงไป การจะจับตัวเขาได้คงเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ไม่อาจเสี่ยงได้พ่ะย่ะค่ะ”
“อีกอย่าง กรมโยธาไม่ได้นับว่าเป็นข้าราชการที่จงรักภักดี คราวก่อนก็พยายามขัดขวางข้อตกลงทางการค้าระหว่างสองแคว้นอย่างสุดกำลัง เห็นได้ชักว่า ขุนนางเหล่านั้นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แม้แต่ผลประโยชน์ของแคว้นก็เพิกเฉยได้”
“การผลักดันขุนนางกรมโยธาออกไปหนึ่งคน แลกกับรั้งฉินเฟิงไว้ได้ นับเป็นการรักษาประโยชน์แผ่นดิน ทั้งยังได้เตือนให้กรมโยธาระมัดระวังตัว นับว่าได้ผลประโยชน์สองต่อ”
ได้ยินหลี่อวี้ให้คำแนะนำเช่นนี้ อารมณ์ของฮ่องเต้เป่ยตี๋ค่อย ๆ สงบลง
แต่ผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธาก็ตายไปแล้ว ฉินเฟิงยังไม่พอใจ หรือจะต้องผลักเสนาบดีกรมโยธาออกไปด้วย?
ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี!
ตำแหน่งขุนนางชั้นสูงอย่างเสนาบดีนับเป็นกระดูกสันหลังของแคว้น อย่าว่าแต่ข้อกล่าวหาลอย ๆ ต่อให้มีหลักฐานชัดเจน ก็ต้องผ่านการพิจารณาคดีสามครั้งถึงจะตัดสินความผิดของเสนาบดีได้
การสังหารเสนาบดีโดยพลการ เป็นความผิดร้ายแรงที่แม้แต่ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็รับไม่ไหว ไม่เพียงแต่พระองค์ ไม่ว่าฮ่องเต้พระองค์ใดในใต้หล้า ไม่เว้นแม้แต่ฮ่องเต้ต้าเหลียง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจรับผิดชอบได้!
แต่หากแค่ลงโทษปลาตัวเล็ก ๆ ก็คงไม่อาจสนองความต้องการของฉินเฟิง
ฮ่องเต้เป่ยตี๋ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
หลี่อวี้มองออกถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ของฮ่องเต้เป่ยตี๋ จึงเสนอความคิดอีกครั้ง “หากฝ่าบาทไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับกรมโยธา ก็คงต้องหาวิธีอื่น”
“กระหม่อมขอบังอาจทูลเช่นนี้ กรมโยธาและฝ่ายเหยี่ยวต่างขัดขวางเราไม่ใช่หรือ?”
“เพียงแค่ฝ่ายเหยี่ยวไม่ขัดขวางข้อตกลงอีก เป้าหมายก็จะบรรลุ”
“หากฝ่าบาทโปรดเห็นชอบ ข้าน้อยจะส่งคนไปกรมโยธา ท่านเสนาบดีกรมโยธาไม่โง่เขลาถึงขนาดไม่รู้กาลเทศะ”
ฮ่องเต้เป่ยตี๋รุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ทรงพยักหน้า “ก็คงต้องทำเช่นนั้น”
หลี่อวี้ไม่กล้าประมาท รีบส่งคนไปยังกรมโยธา
เสนาบดีกรมโยธาเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องโถงใหญ่ มือไพล่หลัง เหตุการณ์ลุกลามใหญ่โตเกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
เดิมเขาคิดว่า ส่งผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธาออกหน้าน่าจะเพียงพอกู้สถานการณ์ได้ ไม่คาดคิดว่า ฉินเฟิงจะก่อเรื่องรุนแรงเพียงนี้ ถึงขั้นบุกยึดประตูเมืองได้
เสนาบดีกรมโยธาสะบัดแขนเสื้อพลางถอนหายใจ ปากพึมพำบ่น “เจ้าโง่! พวกโง่!”
“ฉินเฟิงช่างเจ้าเล่ห์นัก!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ