บทที่ 849 ความอัปยศของเป่ยตี๋
เมื่อครู่จิ่งฉือสิ้นหวังไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะเฉินซือมาถึงทันเวลา พลิกสถานการณ์วิกฤติ สิ่งที่รอคอยแคว้นเป่ยตี๋อยู่ย่อมหนีไม่พ้นสงคราม ความยากลำบากจากสงครามและลมหนาวจะกัดกินเป่ยตี๋ให้ทุกข์ทรมานแสนสาหัส
จิ่งฉือไม่สนใจคำเตือนขององครักษ์ ฝืนเดินมาที่ประตูเมือง มองฉินเฟิงที่ยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางครุ่นคิดในใจ…จิตใจของเขานี่อย่างไร?
เพิ่งเกิดเรื่องใหญ่โตไปเมื่อครู่ แต่เขากลับนิ่งนัก
“ฉินเฟิง เจ้า…เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกือบจะจุดชนวนสงครามแล้ว?”
“หรือว่าสำหรับเจ้า ชีวิตของประชาชนนับหมื่นแสนของเป่ยไร้ค่า?”
เผชิญหน้ากับคำถามของจิ่งฉือ ฉินเฟิงยักไหล่แล้วถามกลับ “แล้วชีวิตของข้าไม่มีค่าหรือ?”
จิ่งฉือถึงกับพูดไม่ออก
แม้ว่าฉินเฟิงจะซ่อนเจตนาร้ายไว้ และเตรียมพร้อมที่จะฉวยโอกาส แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลิวอี้หาเรื่องก่อน ฉินเฟิงจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือหรือ?
พูดถึงที่สุดแล้ว ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ ก็ยังคงอยู่ที่พ่อลูกผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธา
แต่พ่อลูกผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธาก็ถูกลงโทษไปแล้ว ถึงจะอยากสืบสวนต่อก็ไม่มีที่ให้สืบสวนอีกแล้ว องค์หญิงจิ่งฉือส่ายหน้าถอนหายใจ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยั้งปากไว้
เฉินซือถอนหายใจยาว แล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “พี่ฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ข้าขอร้องท่านอย่าได้ถือโทษโกรธอีกเลย ตอนนี้สองแคว้นเรากำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี ไม่มีผู้ใดอยากเห็นไฟสงครามปะทุอีก”
“การที่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะในคืนนี้ได้ นับว่าเป็นบุญของแผ่นดินแล้ว”
“แต่ทั้งในและนอกเมืองกำลังวุ่นวาย ข้ายังต้องไปปลอบขวัญทหารประจำการณ์ คงต้องขอตัวก่อนแล้ว”
เฉินซือพยักหน้าเบา ๆ แล้วหมุนตัวจากไป เกือบจะทันทีที่หลุดพ้นจากสายตาของฉินเฟิง ดวงตาของเฉินซือเย็นชาอย่างยิ่ง
เมื่อครู่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรั้งฉินเฟิงไว้ แต่มองดูบ้านเรือนที่ถูกเผาไหม้รอบ ๆ เฉินซือก็ตระหนักอย่างลึกซึ้งว่า คนต่างเผ่าย่อมมีจิตใจที่แตกต่าง
ฉินเฟิงเป็นคนแคว้นต้าเหลียงแท้ ๆ ถึงความสัมพันธ์พวกเขาจะดีแค่ไหนก็เป็นเพียงเพื่อผลประโยชน์ ไม่มีทางที่จะกลายเป็นมิตรแท้
ความแค้นจากการตายของเฉินโหมวกับเฉินหลี่ค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมาในใจของเฉินซือ
เขาสาบานกับตัวเองเงียบ ๆ หากมีโอกาส เขาจะต้องกำจัดฉินเฟิงให้ได้
อีกด้านหนึ่ง ภายใต้การชี้นำของฉินเฟิง หนิงหู่นับจำนวนคน และนำทหารชายแดนเหนือที่บุกยึดประตูเมืองได้กลับไปยังที่พัก
เนื่องจากทหารชายแดนเหนือเป็นฝ่ายลงมือก่อน อีกทั้งทั้งสองฝ่ายไม่ได้ปะทะกันในการสู้รบระยะประชิดทหารชายแดนเหนือจึงไม่ได้บาดเจ็บล้มตายมากนัก
ตามกฎของอำเภอเป่ยซี ทหารหลายสิบคนที่เสียสละชีวิตถูกส่งกลับไปยังชายแดนเหนือเพื่อฝังศพอย่างสมเกียรติ
ขณะเดียวกัน ก็ส่งองครักษ์เสื้อแพรออกไปติดต่อทูตส่งสารที่ควบม้าเร็วออกไปก่อนหน้านี้ให้กลับมา และยกเลิกคำสั่งระดมพลทำสงคราม
กองทัพประจำการณ์ในเมืองหลวงเป่ยตี๋ทยอยกลับเข้าค่ายภายใต้การบัญชาการของเฉินซือและจางปิ่งกั๋ว นอกเหนือจากทหารรักษาณ์ประตูเมืองที่ถูกสังหาร และบ้านเรือนที่ถูกเผาทำลาย สงครามสั้นนี้ปิดฉากลงแล้ว
และผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดก็คือฉินเฟิง เขายืนเอามือไพล่หลัง ยิ้มให้จิ่งฉือ
“เวลายังพอเหลือ ไปเรือนตระกูลหวัง เข้าร่วมงานชิมสุรากันเถอะ”
จิ่งฉือไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ยังมีอารมณ์จะไปร่วมงานชิมสุราอีกหรือ?
ในหัวเขาบรรจุอะไรไว้กันแน่? จิ่งฉือไม่สนใจงานชิมสุรานัก แต่เพื่อปลอบประโลมฉินเฟิง นางจำต้องพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ แล้วเดินตามเขาไปยังเรือนตระกูลหวัง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ