บทที่ 851 แม้อยู่ต่างแดนก็ยังไม่หวั่น
เดิมเหล่าผู้ร่วมงานก็หัวใจเต้นรัวด้วยความระทึกอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดพึมพำของฉินเฟิงก็พลันตื่นตระหนก
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าตอบรับ แม้แต่จิ่งฉือก็ยังขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าฉินเฟิงต้องการจะทำอะไรกันแน่
รับรู้ถึงบรรยากาศหนักอึ้งที่ฉินเฟิงสร้างขึ้น ฉีย่าอดครุ่นคิดในใจไม่ได้
‘ที่นี่คือแคว้นเป่ยตี๋ หรือว่าแค้วนต้าเหลียงกันแน่?’
‘ทูตต่างแดนคนหนึ่งมาถึงดินแดนของแคว้นเป่ยตี๋ ไยถึงได้มั่นอกมั่นใจเช่นนี้?’
ฉินเฟิงรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าบรรยากาศยังคงเงียบสงัด เขาไม่รออีกต่อไป คว้าตะเกียบขึ้นมา แล้วพลิกไก่ทั้งตัวที่หนาและสุกยากต่อไป
ขณะพลิกไปมา เขาก็พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าสละสิทธิ์ก็อย่าเสียเวลาอีกเลย พวกเรามาเปิดอกคุยกันตรง ๆ เถอะ”
“ข้ารู้ดี ข้ามีชื่อเสียงอย่างไรในแคว้นของพวกเจ้า พวกเจ้าที่มาร่วมงานชิมสุราวันนี้ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติข้า และคงไม่ได้มาเพื่อองค์หญิง ที่มาที่นี่ก็เพียงเพราะต้องการหาเรื่องข้าเท่านั้น”
“พวกเจ้าเตรียมกลอุบายอะไรมา หรือคิดอะไรอยู่ในใจ พูดตามตรงว่า…ข้าไม่สนใจ”
“เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ พวกเจ้าก็เห็นกันหมดแล้ว ความจริงพิสูจน์แล้วว่า เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่เหนือกว่า แผนการลับใด ๆ ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี”
“บุตรชายของผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธา นายกองกองทหารตรวจการ รวมถึงทหารยามเฝ้าประตูเมืองหลวง พวกเขาล้วนถูกตัดศีรษะ มีตัวอย่างให้เห็นมากมายเช่นนี้ คาดว่าพวกเจ้าคงเรียนรู้ได้ หากยังมีผู้ใดไม่ยอมเชื่อฟัง คิดจะท้าทายกฎหมายก็เชิญได้เลย แต่หากพวกเจ้าต้องการอยู่ร่วมกับข้าอย่างสงบสุข ฉินเฟิงก็ยินดีต้อนรับด้วยสองมือ”
หวังฟู่กุ้ยก้มหน้าลง อดกลืนน้ำลายไม่ได้
ตามหลักการแล้ว ฉินเฟิงเป็นเพียงทูตต่างแคว้น สถานะของเขาในเมืองหลวงเป่ยตี๋ขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้มีอำนาจ
แต่ความจริงตอนนี้ชัดเจนว่าไม่ใช่เช่นนั้น
ไม่ว่าจะเกียรติยศหรือความอัปยศของฉินเฟิง เขาไม่ได้รับผลกระทบจากผู้ใด การที่พ่อลูกผู้ช่วยเสนาบดีกรมโยธาถูกสังหารก็เพียงพอพิสูจน์ได้ว่า แม้แต่ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ยังเกรงกลัวฉินเฟิง กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าฉินเฟิงจะอยู่ต้าเหลียงหรือเป่ยตี๋ก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก
เงิน ทหาร และแม่ทัพในมือของเขา ทั้งหมดล้วนสามารถทำให้ใต้หล้าสั่นสะเทือนได้ ผู้ใดกล้ายั่วยุฉินเฟิง ย่อมต้องตายไร้ที่ฝัง
หวังฟู่กุ้ยเงยหน้ามองแขกคนทุกคนที่นั่งอยู่
พวกเขาล้วนเป็นพวกหัวแข็ง มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ตอนนี้กลับเชื่องอย่างผิดวิสัย บ้างก็ก้มหน้าไม่พูดจา บ้างก็แกล้งทำเป็นพลิกไก้ในหม้อทองแดงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดพูดแทรก หรือก่อความวุ่นวาย
เหมือนว่าทุกคนจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้วว่า พวกเขาไม่อาจยั่วยุฉินเฟิงได้
พอเห็นปฏิกิริยาของผู้คน ฉินเฟิงพอใจนัก อย่างน้อยแบบนี้ก็จะประหยัดเวลาไปได้มาก
“พวกเจ้ามีใครเป็นขุนนางบ้างหรือไม่? ยกมือขึ้นให้ข้าดูสักหน่อย”
ได้ยินคำพูดนี้ ชายวัยกลางคนสามคนลังเลอยู่บ้าง แต่ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า แล้วยกมือขึ้น
ฉินเฟิงยิ้มพลางพยักหน้า “ดำรงตำแหน่งใด?”
ทั้งสามคนเริ่มแนะนำตัวเองตามลำดับ”ข้าเป็นเลขาธิการกรมคลัง”
“ข้า รองนายกองลาดตระเวนเมือง”
“ข้าดำรงตำแหน่งว่างในสำนักงานเมืองหลวง”
ไม่เกินความคาดหมายของฉินเฟิง คนที่มาคืนนี้ล้วนเป็นคนที่ไม่สลักสำคัญนัก
เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้ทั้งสามคนไม่ต้องกลัว แล้วกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยนว่า “หากพวกเจ้าสามคนประสงค์จะอยู่ก็จงอยู่ หากต้องการกลับไป ข้าก็จะไม่บังคับ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน”
คำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา ทั้งสามคนราวกับได้รับการอภัยโทษ รีบลุกขึ้นคำนับและออกไปอย่างรวดเร็ว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ