บทที่ 867 การจัดระเบียบ
แม้เหล่าอู๋จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ในใจประเมินไว้แล้ว…ใต้หล้านี้องครักษ์ค่ายเทียนจีนับเป็นกองทหารราบชั้นยอดที่ไม่มีกองทัพใดเทียบได้
ตราบใดไม่ต้องเผชิญหน้ากับทหารเกราะหนักและกองทหารม้า องครักษ์ค่ายเทียนจีก็สามารถพิชิตทั่วหล้าได้
ส่วนความแตกต่างด้านเกราะและอาวุธไม่สามารถทดแทนได้ด้วยการฝึกวรยุทธ์เพียงอย่างเดียว
พูดตามตรง หากองครักษ์ค่ายเทียนจีปะทะกับทหารราบเกราะหนัก องครักษ์ค่ายเทียนจีฟันฝ่ายตรงข้ามสิบครั้ง ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่เป็นไร แต่ทหารราบเกราะหนักฟันองครักษ์ค่ายเทียนจีครั้งเดียว องครักษ์ค่ายเทียนจีก็ถึงแก่ชีวิตแล้ว ต่อให้มีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใดก็ไร้ความหมาย
ส่วนความแตกต่างกับกองทหารม้ายิ่งห่างไกล มนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่อาจต่อสู้กับม้าศึกได้ เป็นเหตุผลว่า ทำไมไม่เคยได้ยินว่าองครักษ์ค่ายเทียนจีที่มีชื่อเสียงมานานต่อสู้กับทหารเกราะหนักหรือกองทหารม้า
“ฉินเฟิง การฝึกฝนคนต้องรู้จักพอ หากเจ้าอยากให้องครักษ์ค่ายเทียนจีแข็งแกร่งขึ้นจริงก็ให้พวกเขาเปลี่ยนมาสวมเกราะหนัก พลังรบจะเปลี่ยนแปลงในพริบตา”
เหล่าอู๋ไม่เข้าใจเรื่องการทหาร แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเกราะ
ฉินเฟิงหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ค่ายเทียนจีเป็นกองทหารราบเบา จุดนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หากเปลี่ยนมาสวมเกราะหนักก็จะไม่สามารถต่อสู้ตามลำพังได้ และไม่สามารถทำการรบแบบกองโจรได้ เช่นนั้นองครักษ์ค่ายเทียนจีก็จะพินาศ”
“ความคิดของข้าจริง ๆ แล้วง่ายมาก ข้าจะสร้างองครักษ์ค่ายเทียนจีให้เป็นเครื่องจักรสังหาร”
เหล่าอู๋ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่องครักษ์เสื้อแพรหรอกหรือ?”
ฉินเฟิงตอบโดยไม่ต้องคิด “แน่นอนว่าไม่ใช่! แม้องครักษ์เสื้อแพรจะรุนแรง แต่ก็ไม่บริสุทธิ์ แม้จะมีอิทธิพลมาก แต่ก็อันตรายอย่างยิ่ง”
“ข้าสามารถควบคุมองครักษ์เสื้อแพรได้ องครักษ์เสื้อแพรจึงสามารถแสดงคุณค่ายิ่งใหญ่ของพวกเขาออกมาได้ แต่ถ้าวันหนึ่งข้าเกษียณเล่า? คนอื่นมารับช่วงต่อองครักษ์เสื้อแพร เขาจะยังสามารถควบคุมกลุ่มคนบ้าคลั่งได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้”
“คมดาบคม สามารถฆ่าผู้อื่นได้ก็สามารถทำร้ายตัวเองได้”
“อีกอย่าง องครักษ์ค่ายเทียนจีคือหมากสำคัญตัวสุดท้ายที่ใช้ถ่วงดุลองครักษ์เสื้อแพร พวกเขาจงรักภักดีอย่างสมบูรณ์และรุนแรงอย่างที่สุด เพียงแค่คำพูดของข้าคำเดียว ก็สามารถสังหารองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมดได้”
เหล่าอู๋มองฉินเฟิงด้วยความไม่อยากเชื่อ หากไม่ได้ยินกับหู เขาคงไม่มีวันเชื่อว่าฉินเฟิงจะระแวงองครักษ์เสื้อแพรถึงเพียงนี้
ต้องรู้ไว้ว่า เหตุผลที่ฉินเฟิงสามารถประสบความสำเร็จในทุกเรื่องก็เพราะอาศัยองครักษ์เสื้อแพร
ความคิดของคนผู้นี้ช่างแตกต่างจากคนทั่วไปจริง ๆ
เหล่าอู๋อดที่จะพึมพำอกมาไม่ได้ “ผู้มีอำนาจคนใดได้ครอบครองมีดสั้นอย่างองครักษ์เสื้อแพร พวกเขาก็คงจะยิ้มกริ่มแม้แต่ตอนนอนหลับ แต่เจ้ากลับเตรียมพร้อมจะทำลายมีดสั้นเล่มนี้ตลอดเวลา ช่างยากจะเข้าใจจริง ๆ”
“แต่ข้าก็ไม่คิดจะทำความเข้าใจความคิดของเจ้าให้ถ่องแท้หรอก ส่วนเรื่องสอนองครักษ์ค่ายเทียนจี ข้าก็ไม่สนใจเช่นกัน”
พอเหล่าอู๋ปฏิเสธและกำลังจะจากไป ฉินเฟิงไม่ได้ขัดขวางแล้ว เพียงแต่ตะโกนไล่หลังไปว่า “หากผู้อาวุโสยอมสอน ข้าจะช่วยชีวิตชาวบ้านอีกหนึ่งอำเภอ!”
“ผู้อาวุโสอู๋ตั้งใจจะเอาวิชาความรู้ติดตัวลงหลุมไปด้วยหรือจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยเหลือประชาชนเล่า?”
เหล่าอู๋สั่นเทาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หยุดฝีเท้า กระทั่งเกือบลับสายตา น้ำเสียงชราก็ตอบกลับมาว่า
“พรุ่งนี้ ที่นี่ เลือกองครักษ์ค่ายเทียนจีมาสิบคน!”
แล้วเหล่าอู๋ก็เดินลับสายตาไป ฉินเฟิงหัวเราะสุขใจเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน
นี่แหละ…พลังของเงิน!
ฉินเฟิงช่วยเหลือประชาชน เหล่าอู๋ถ่ายทอดวรยุทธ์แก่องครักษ์ค่ายเทียนจี นับว่าเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
พอเหล่าอู๋จากไป องครักษ์ค่ายเทียนจีที่แฝงตัวอยู่ในที่มืดก็มาอยู่ข้างกายฉินเฟิง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ