บทที่ 870 ช่างพูดมากเสียจริง
ประโยคสั้น ๆ กลับทำให้บรรยากาศเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณืตาเบิกโต ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉินเฟิงไม่ได้มองอู๋ฉีสักนิด เพียงเดินตรงไปยังกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่ไม่ไกล
อู๋ฉียืนงงอยู่กับที่ มองตามแผ่นหลังของฉินเฟิง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกำลังจะวิ่งตามไป แต่กลับถูกมือใหญ่แข็งแกร่งคว้าบ่าไว้ ร่างกายเขาพลันเสียการทรงตัว ก่อนจะลอยละลิ่วไปด้านหลัง กระแทกเข้ากับเสาหินหน้าศาลาว่าการอำเภอ
อู๋ฉีแทบสลบคาที่
พอได้สติ เขาพบว่าชายในชุดเกราะแม่ทัพกำลังจ้องมองเขาพลางเหยียดยิ้มเย็นชา
หนิงหู่มองสำรวจอู๋ฉีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ท่านโหวฉินมีธุระสำคัญ จะมาเสียเวลากับเจ้าได้อย่างไร?”
แล้วเขาก็โบกมือไปทางนายอำเภอเฉินเถียน “ท่านโหวฉินมีคำสั่งแล้ว พวกเจ้าปฏิบัติตามเสีย”
เฉินเถียนลังเลอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าฉินเฟิงอันตรายเพียงใด แต่ถึงอย่างไรฉินเฟิงก็เป็นเพียงขุนนางต่างแดน ส่วนเฉินเถียนเป็นขุนนางของเป่ยตี๋ จะให้เชื่อฟังคำสั่งของขุนนางต่างแดนได้อย่างไร?
ทว่าพอนึกย้อนถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงนำทหารบุกโจมตีประตูเมืองหลวงเป่ยตี๋ แต่กลับไม่ได้รับโทษใด ๆ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ทั้งราชสำนัก ขุนนางบนล่างต่างเกรงกลัวฉินเฟิง เขาเป็นเพียงนายอำเภอตัวเล็ก ๆ ยังจะกล้าแข็งข้อได้อย่างไร
เฉินเถียนไม่ลังเลอีก ตะโกนสั่งหัวหน้าโจว “ยังยืนเหม่ออยู่ไย? โหวฉินมีคำสั่งให้ประหารชีวิตเจ้าสุนัขที่กดขี่ข่มเหงราษฎร เจ้าไม่ได้ยินหรือ?!”
เสียงตวาดทำเฉินเถียนสะดุ้งตื่นจากภวังค์
เมื่อครู่ฉินเฟิงเพียงพูดประโยคเดียวอย่างไม่ใส่ใจ ก็ตัดสินชะตาชีวิตของเขาแล้ว
อู๋ฉีไม่ยอมรับ ไม่ว่าจะอย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองฉางสุ่ย เป็นอาณาเขตของตระกูลอู๋ ฉินเฟิงจะมีชื่อเสียงเพียงใด ก็เป็นเพียงทูตจากแคว้นต้าเหลียงเท่านั้น
ทูตต่างแดนไม่เพียงแต่มาอาละวาดในอำเภอฉางสุ่ย แต่ยังสั่งประหารคนสนิทของคหบดีท้องถิ่นหรือ?!
ไร้เหตุผลสิ้นดี!
อู๋ฉีถอยหลังสองก้าวแล้วกัดฟันพูดขึ้นว่า “เฉินเถียน! ข้าคือพ่อบ้านตระกูลอู๋ หากเจ้ากล้าสังหารข้า นายท่านของข้าย่อมไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้!”
“เจ้าอย่าลืม เจ้าสามารถขึ้นเป็นนายอำเภอ ทั้งยังอยู่ได้อย่างสงบสุขมาหลายปี ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการสนับสนุนจากนายท่านของข้า!”
เผชิญกับคำขู่ของอู๋ฉี เฉินเถียนลังเลอีกครั้ง
ดบราณมีคำกล่าวว่า มังกรแข็งแกร่งก็ไม่อาจกดข่มงูเจ้าถิ่น หากวันนี้เฉินเถียนช่วยฉินเฟิงฆ่าอู๋ฉี พอฉินเฟิงปัดก้นจากไป อู๋ต้ากุ้ยย่อมต้องมาเอาเรื่องกับเขา
เฉินเถียนเป็นเพียงนายอำเภอตัวเล็ก ๆ แม้ในนามจะเป็นขุนนางที่ราชสำนักแต่งตั้ง แต่ในท้องถิ่นยังต้องเกรงใจคหบดี
เฉินเถียนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อยากขัดใจฉินเฟิง แต่ก็ไม่อยากสร้างความขุ่นคืองให้อู๋ต้ากุ้ย
ด้วยความจนใจ เฉินเถียนรวบรวมความกล้าขอร้องหนิงหู่ “ท่านหนิงเชียนฮู่ ตระกูลอู๋แค่ช่วยโหวฉินทำงาน เพียงแต่วิธีการรุนแรงไปสักหน่อย ความผิดไม่น่าถึงตายกระมัง”
“ไม่เช่นนั้น ให้ตระกูลอู๋เผาสัญญาที่เคยทำไว้ทั้งหมด แล้วชาวบ้านจะไปเป็นแรงงานที่เมืองหลวงหรือไม่ก็ให้เป็นไปตามความสมัครใจดีหรือไม่? ดังคำกล่าวที่ว่า หลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู”
อู๋ฉีที่เมื่อครู่ยังตกใจกลัว พอเห็นเฉินเถียนเป็นเช่นนี้ เขาก็ถอนหายใจโล่งอก มองไปทางหนิงหู่ ท่าทีภาคภูมิใจ
“ฮึ! ตระกูลอู๋ของข้าทุ่มเททำงานให้โหวฉินอย่างสุดความสามารถ โหวฉินไม่ขอบคุณก็แล้วไป กลับยังเนรคุณ ช่างทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ”
“โชคดี นายอำเภอเฉินยังคงมีวิสัยทัศน์ ก็อย่างว่าควรหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู เห็นแก่หน้านายอำเภอเฉิน เรื่องวันนี้ข้าก็จะปล่อยผ่านไป”
“อย่างไรหลังจากเผาสัญญาแล้ว ตระกูลอู๋ก็ยังต้องทำสัญญาใหม่กับโหวฉิน คิดตามจำนวนคน ทุก ๆ หนึ่งแรงงาน โหวฉินต้องจ่ายเงินให้ตระกูลอู๋หนึ่งร้อยอีแปะ โหวฉินได้แรงงานที่ต้องการ ตระกูลอู๋ของข้าก็ได้เงินทอง ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ