บทที่ 882 สถานการณ์ของแคว้นต้าเหลียง
จิ่งเชียนอิ่งมองไปทางหลี่จางกลับพบว่า หลี่จางไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ราวกับไม่ใส่ใจความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเลย เหมือนว่าผู้ที่ตายไปเป็นเพียงทหารธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่แม่ทัพ
หลี่จางมองดีแล้ว ห้องโถงมีเพียงเขากับจิ่งเชียนอิ่ง เขาถึงได้แสดงออกตรงไปตรงมาเช่นนี้
หากมีผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ เขาย่อมต้องแสดงท่าทีตอบสนองรุนแรง ด้วยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับขวัญกำลังใจ
แม้หลู่ฉือจะเป็นเพียง ‘เครื่องมือ’ ที่มีไว้แค่ใช้ประโยชน์ ไม่ได้นับว่าเป็นพวกเดียวกันจริง ๆ แต่ก็ต้องแสดงออกให้สมบทบาท ไม่อาจทำให้ฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้นอกอำนาจเสียความรู้สึกและรู้สึกแปลกแยกได้
“คุณหนูสี่ หลู่ฉือคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของมณฑลซางโจวกับจัวโจวได้”
“แม้ว่าหลู่ฉือจะตายไปหรือแม่ทัพฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้นอกอำนาจทั้งหมดถูกกำจัดก็ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการใหญ่ของพี่ฉิน”
“ตราบใดซางโจวอยู่ในการควบคุม พวกเราก็ไม่มีวันพ่ายแพ้”
“ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแนวหน้า เพียงดำเนินการตามขั้นตอนปกติให้พอเป็นพิธีก็พอแล้ว แม้หลู่ฉือไม่สำคัญ แต่ก้ต้องปลอบประโลมผู้ติดตามของหลู่ฉือ จากนั้นค่อยเลือกรองแม่ทัพสักคนขึ้นมาแทนตำแหน่งแทน”
“แต่การโจมตีของศัตรูคราวนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมองข้ามได้ นับว่าเป็นการเตือนสติพวกเรา”
“ฝ่ายตรงข้ามสามารถบุกเข้าค่ายทหารยามค่ำคืน ทั้งยังสังหารแม่ทัพได้ง่ายดาย หมายความว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือ ดังคำกล่าวว่า ความระมัดระวังช่วยให้ล่องเรือได้นานหมื่นปี เทือกเขาสยงอิงเราและค่ายทหารในสังกัดควรเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและการป้องกันให้มาก”
“และช่วงนี้ หากไม่จำเป็นคุณหนูสี่ไม่ควรออกจากป้องปราการเทือกเขาสยงอิง ด้วยหากเผชิญหน้ากับทหารชั้นยอดที่มากันหลายคน โจมตีอย่างเป็นระบบและมีกลยุทธ์ แม้ท่านมีวรยุทธ์ก็ยังนับว่าอันตรายอย่างยิ่ง”
จิ่งเชียนอิ่งพยักหน้า ฟังหลี่จางอย่างไม่อิดออด แต่นางก็ยังอดกังวลไม่ได้ ด้วยความคืบหน้าทางด้านจัวโจวช้าเกินไปจริง
นับตั้งแต่หลู่ฉือกับหลี่โฉวบุกเข้าจัวโจว พวกเขาก็วนเวียนอยู่แถบชายแดนจัวโจว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถยึดเมืองสำคัญได้แม้แต่เมืองเดียว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้นอกอำนาจจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นได้เมื่อใด แล้วเขานางจะได้ไปยังเมืองหลวงเป่ยตี๋เมื่อใด
หลี่จางเป็นคนเฉลียวฉลาด เขาสังเกตเห็นความกังวลของจิ่งเชียนอิ่งพลันก็ยิ้มและอธิบาย
“การยกทัพออกรบแท้จริงก็เพื่อชิงขวัญและกำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นกำลังรบ พลาธิการหรือความพร้อมของอาวุธยุทโธปกรณ์ ล้วนเป็นไปเพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจทั้งสิ้น สาเหตุที่จัวโจวไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จนถึงตอนนี้ก็เพราะขวัญกำลังใจตกต่ำ อีกทั้งยังเป็นการรบเพื่อเอาชนะด่านสำคัญ ทำให้มีการสูญเสียมาก พอเจอกับอุปสรรค แม้เล็กน้อยก็ต้องถอยกลับแล้ว”
“จากสถานการณ์นี้ การจะยึดครองจัวโจวคงใช้เวลาสักสามถึงห้าปีได้”
“แต่นี่ก็คือสิ่งที่พี่ฉินคาดไว้แล้ว”
“การจะยึดเมืองจัวโจวสำหรับพี่ฉินง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ ไม่จำเป็นต้องส่งกองกำลังหลักออกรบ แค่ส่งทหารชั้นยอดเพิ่มเติมไปยังกองทัพฉือโฉว กระจายพวกเขาเข้าไปในแต่ละหน่วย ภายใต้การนำของทหารทหารชั้นยอดที่มีประสบการณ์ ขวัญกำลังใจของทหารจะเพิ่มขึ้นเอง”
“แต่หลังจากยึดจัวโจวได้แล้ว เป่ยตี๋จะต้องเจรจากับแคว้นต้าเหลียงแน่นอน ถึงตอนนั้นเราจะไม่มีข้ออ้างในการทำสงคราม สิ่งที่เรากินเข้าไปมากมาย สุดท้ายจะต้องคายออกมา”
ได้ยินคำอธิบายของหลี่จาง จิ่งเชียนอิ่งตระหนักถึงบางสิ่ง ดวงตาของนางเปล่งประกาย “หมายความว่า หลู่ฉือไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีเมืองจัวโจวจริง ๆ ตั้งแต่แรกหรือ?”
หลี่จางพยักหน้า แล้วหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ตราบใดเมืองจัวโจวยังต้องทำสงครามก็จะสามารถกดดันเป่ยตี๋ได้อย่างต่อเนื่อง”
“ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์โดยรวมชัดเจนมาก กองกำลังของหลู่ฉือไม่มีกำลังพอจะกลืนกินจัวโจว ยุทธวิธีทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่การโจมตีก่อกวน เป่ยตี๋ก็จะไม่ทุ่มสุดตัว เพียงส่งกำลังทหารเพิ่มไปยังจัวโจว สงครามใหญ่จะไม่เกิดขึ้น และยังตัดโอกาสที่เป่ยตี๋จะใช้แนวทางการเมืองแก้ไขเรื่องนี้กับแคว้นต้าเหลียงบนโต๊ะเจรจาด้วย”
“ด้วยวิธีการเช่นนี้ เราจะสามารถกดดันและสร้างความเสียหายให้เป่ยตี๋ได้อย่างต่อเนื่อง”
พูดตามตรงก็คือ การโจมตีมณฑลจัวโจวเป็นเพียงการทำแบบฉาบฉวย ไม่ตัดสินแพ้ชนะในคราวเดียว มุ่งเน้นกลยุทธ์ก่อกวนและกัดกินอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการทำสงครามใหญ่ แล้วฝ่ายฉินเฟิงก็จะได้ประโยชน์สูงสุด



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ