บทที่ 883 ยึดอำนาจโดยไม่ต้องนองเลือด
ตอนนี้ฮ่องเต้ต้าเหลียงกับฉินเฟิงมีเป้าหมายที่สอดคล้องกันอย่างยิ่ง ทั้งคู่กำลังคิดหาวิธีกำจัดตระกูลหลินและตระกูลใหญ่ทางใต้ อาจกล่าวได้ว่าตระกูลฉินเป็นตัวแทนของราชสำนัก หากมีกลุ่มอิทธิพลใดมาขวางหน้าตระกูลฉินย่อมถูกตระกูลฉินและราชสำนักร่วมมือกันปราบปราม
แม้หลี่เจิ้งจะควบคุมอำนาจทางทหารของพรรคสนับสนุนฮ่องเต้ในจงหยวน แต่เขาก็ไม่กล้าหยิ่งผยองคิดว่าตนเองมีความสามารถพอจะรับมือกับตระกูลฉินและราชสำนักพร้อมกันได้
ฉินเทียนหู่ยื่นคำขาดครั้งสุดท้ายมาแล้ว
หลี่เจิ้งไม่มีทางเลือกอื่น หากเขายังดื้อดึงไม่ยอมส่งมอบอำนาจทางทหาร ผลลัพธ์ก็มีเพียงอย่างเดียว…ถูกตระกูลฉินและราชสำนักปราบปราม ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นหายนะสำหรับพรรคสนับสนุนฮ่องเต้แห่งจงหยวน แต่หลี่เจิ้งเองก็จะต้องชดใช้ด้วยเลือดและชีวิต ไม่มีทางรอดพ้นได้เพียงเพราะเป็นพระญาติของฮ่องเต้ต้าเหลียง
แม้หลี่เจิ้งจะโลภในความสุขและความร่ำรวย แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าฉินเทียนหู่พยายามเจรจาอยู่ เพราะไม่ต้องการจะปราบปรามพรรคสนับสนุนฮ่องเต้แห่งจงหยวน จนทำให้แผนการโจมตีเจียงหนานและตระกูลหลินต้องล่าช้าออกไป
แม้ราชสำนักและตระกูลฉินจะร่วมมือปราบปรามฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้แห่งจงหยวนก็ไม่อาจทำได้ในชั่วข้ามคืน แล้วไหนหลังสงครามใหญ่ยังต้องใช้เวลาฟื้นฟู กว่าจะรวบรวมกำลังโจมตีตระกูลหลินได้เกรงว่าคงเป็นเรื่องอีกหลายปีข้างหน้า
หลี่เจิ้งรู้ว่าตนเองยังมีทุนในการเจรจา เขาสูดหายใจลึก แกล้งทำเป็นสงบ ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านมหาเสนาฉิน ท่านเป็นขุนนางอาวุโสในราชสำนัก ทั้งยังเป็นบิดาของโหวฉิน และเป็นขุนนางที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยที่สุด”
“ส่วนข้า เป็นเชื้อพระวงศ์ตระกูลหลี่ โลหิตภายในกายข้าเป็นโลหิตของราชวงศ์”
“ระหว่างท่านกับข้า ความจริงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม พูดกันตรงไปตรงมาเถิด”
“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องถามให้กระจ่างก่อน…คำพูดของท่านมหาเสนามีน้ำหนักมากเพียงใด? ท่านมหาเสนาสามารถเป็นตัวแทนของโหวฉินและฝ่าบาทได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเทียนหู่ยังคงรักษาท่าทีเยือกเย็น ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แต่ในใจกลับลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยหลี่เจิ้งก็ไม่ดื้อรั้นจนถึงขั้นเดินหน้าดื้อดึงไปในทางที่มืดมน แค่เขายอมเจรจา ก็เป็นข่าวดีที่สุดแล้ว
ฉินเทียนหู่ยังคงรักษาท่ทีเยือกเย็น “ทางฝั่งบุตรชายข้าไม่จำเป็นต้องพูดถึงมาก แค่คำพูดของข้าก็เพียงพอ เขาเป็คนกตัญญู ย่อมไม่ขัดคำสั่งของข้าผู้เป็นบิดา”
“ส่วนฝ่าบาท พระองค์ไม่สนพระทัยในกระบวนการ ทรงสนพระทัยก็แต่ผลลัพธ์”
“ตราบใดสามารถกวาดล้างตระกูลหลินได้ การเสียสละบางอย่างไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ได้รับคำตอบเช่นนี้ หลี่เจิ้งมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาถอนหายใจยาว สีหน้าจริงใจ
“ข้า หลี่เจิ้ง ถึงจะโง่เพียงใดก็ไม่มีวันเป็นศัตรูกับมหาเสนา แต่ต่อให้ข้าพูดจนปากฉีก ทั้งมหาเสนาและฝ่าบาทก็ไม่มีทางเชื่อข้า ตราบใดข้ายังคุมอำนาจใหญ่ของฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้แห่งจงหยวน สิ่งที่รอข้าอยู่ก็มีแต่ทางตาย เพราะคนตายเท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด”
“หากข้าสามารถมีชีวิตรอดได้ และยศถาบรรดาศักดิ์ ความมั่งคั่งทั้งก่อนและหลังความตายไม่ถูกตัดทอน การค้าคราวนี้ก็คุยกันได้”
“ข้าจำได้ว่าฉินเฟิงชอบเจรจาการค้านักไม่ใช่หรือ? กิจการบ้านเมืองใหญ่โต พูดตามตรงก็เป็นเพียงการค้าอย่างหนึ่ง คิดเช่นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรซับซ้อน”
สายตาของฉินเทียนหู่ยิ่งเปล่งประกาย เพราะค่าใช้จ่ายในการทำสงครามโดยตรงกับฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้แห่งจงหยวนแม้ฉินเทียนหู่รับไหว แต่ก็อาจต้องพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการกวาดล้างตระกูลหลิน
การจะยกทัพไปปราบตระกูลหลินแห่งเจียงหนาน วิธีที่ดีที่สุดคือต้องรุกคืบอย่างรวดเร็วในคราวเดียว ป้องกันไม่ให้กำลังทัพอ่อนล้า นับเป็นข้อสำคัญในการต่อสู้ครั้งใหญ่ ถ้าสามารถเจรจากับหลี่เจิ้งลงตัวได้ก็จะสามารถยึดครองพรรคสนับสนุนฮ่องเต้ในจงหยวนได้โดยไม่ต้องนองเลือด นับเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้าขออนุญาตยืมคำพูดของใต้เท้า”
“แม้ข้าจะพูดอย่างเด็ดขาด แต่หากไร้หลักฐานใต้เท้าก็คงไม่เชื่อ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ