บทที่ 889 ต้องการครอบครองภรรยาของข้าหรือ?
หลี่เซียวหลานยืนอย่างสง่าผ่าเผย สีหน้าที่เคยเย็นชาและเย่อหยิ่งเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มภาคภูมิใจและมีความสุข มีเพียงต่อหน้าฉินเฟิงเท่านั้นที่หลี่เซียวหลานจะแสดงด้านอ่อนโยนออกมา
ริมฝีปากของหลี่เซียวหลานขยับเล็กน้อย นางกดกลั้นความดีใจที่ได้พบกันหลังพรากจากเนิ่นนาน แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “เรียนใต้เท้า พวกข้าไม่เพียงแต่ไม่ได้ล่วงเกินพวกเขา ถูกเขากล่าวหา ขอใต้เท้าให้ความยุติธรรม”
ยังไม่ทันที่ฉินเฟิงจะเอ่ยปาก เฉินเปียวที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบค้านขึ้นมาอย่างร้อนรน
“พูดจาเหลวไหล!”
“ท่านโหวฉิน พวกนางตั้งใจหลอกลวงท่านขอรับ”
“บาดแผลบนร่างของน้องชายข้าคือหลักฐาน!”
เฉินเปียวยืนกรานว่า รถม้าของหลี่เซียวหลานชนจางต้าหู่จนเขาบาดเจ็บ และยังปล่อยให้สาวใช้ชั่วร้ายทำร้ายร่างกายหวังกัง ส่วนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เฉินเปียวส่งคนไปจับตัวมาหมดแล้ว ไม่มีพยานบุคคล แต่มีหลักฐานทางวัตถุอยู่ในมือ
นอกจากฉินเฟิงจะตั้งใจเข้าข้างสตรีทั้งสี่คน หาไม่ เฉินเปียวก็มั่นใจว่าจะเอาผิดพวกนางได้แน่นอน
ตอนที่จางต้าหู่กับหวังกังนำปิ่นปักผมทองคำมาหาเฉินเปียวเพื่อแลกเงิน เฉินเปียวตกตะลึงในความงดงาม ปิ่นปักผมนี้ทำจากทองคำบริสุทธิ์ ทั้งยังประณีตมาก ไม่ใช่ของที่ชาวบ้านธรรมดาจะมีได้
พวกลูกน้องโง่เขลาของเขาไม่รู้จักของมีค่า คิดว่าปิ่นปักผมทองคำมีมูลค่าแค่สามสี่ร้อยตำลึง เฉินเปียวไม่ต้องคิดเลย เขารีบรับซื้อปิ่นปักผมทองคำไว้
เครื่องประดับระดับนี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นของภรรยาขุนนางใหญ่ในราชสำนักถึงมีได้ อย่างต่ำก็มีมูลค่าเจ็ดแปดร้อย ตำลึง! เฉินเปียวขายต่อก็จะได้กำไรอีกราวห้าร้อยตำลึง แต่เงินเพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจเติมเต็มความอยากของเขา ครั้นคิดไปมาเห็นว่าแม้แต่เฉินต้าหู่กับหวังกังที่เป็นคนไร้ค่ายังสามารถรีดไถเอาผลประโยชน์มากมายจากหญิงทั้งสี่คนมาได้ขนาดนี้ หากเขาลงมือเองจะไม่สามารถบีบคั้นเอาสิ่งมีค่าทั้งหมดจากร่างกายของพวกนางมาได้หรือ?!
ยิ่งเขาได้ยินว่าหญิงสตรีทั้งสี่นางล้วนงดงามราวนางสวรรค์ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ฮึ ๆ หากสามารถชิงตัวพวกนางกลับไปเลี้ยงดูได้ ด้วยย่อมเป็นเรื่องดียิ่ง
เฉินเปียวจึงตัดสินใจร่วมมือกับจางต้าหู่และหวังกัง ฟ้องร้องหญิงสาวทั้งสี่คน หวังบีบบังคับพวกนางที่ต้องสงสัยว่าเป็นญาติขุนนางทรยศให้ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แย่งชิงทรัพย์สินเงินทองและยึดครองร่างกาย
ฮึ ๆ กินให้เกลี้ยงเช็ดให้แห้ง!
ฉินเฟิงย่อมรู้ว่าเฉินเปียวกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะบทสนทนาอันน่าอัปยศของพวกเขาที่หอหย่งอัน องครักษ์เสื้อแพรได้ยินทั้งหมด และได้รายงานให้ฉินเฟิงทราบทุกถ้อยคำโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
อยากจะครองครองสตรีของเขา? ฮึ ๆ
ฉินเฟิงไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว แค่กล่าวเยือกเย็นว่า “แล้วพวกเจ้าจะอธิบายบาดแผลทั่วร่างของผู้ฟ้องร้องอย่างไร?”
หลี่เซียวหลานกล่าวว่า “พวกเขาทุบตีคนขับรถม้า พยายามจะขึ้นมารถม้า สาวใช้ข้างกายข้าจึงต่อสู้ป้องกันตัว นับว่าสมเหตุสมผล”
ฉินเฟิงพยักหน้าเบา ๆ “หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าหักลบกันได้ ตอนนี้เหลือเพียงเรื่องชนคน ไม่ทราบว่าพวกเจ้าสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้หรือไม่?”
หลี่เซียวหลานตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่ได้ ที่นี่เป็นอาณาเขตของพวกเขา เมื่อเรื่องถึงศาล แน่นอนว่าต้องมีการติดสินบนกันทั้งบนล่างแล้ว ไม่ว่าพยานหรือหลักฐานล้วนเป็นผลร้ายต่อพวกข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉินเปียวภาคภูมิใจขึ้นมา วาจาและความคิดละเอียดลออของหญิงผู้นี้ช่างเหนือชั้นกว่าสตรีสามัญไม่ใช่หรือ? นางต้องเป็นญาติขุนนางต้องโทษที่หลบหนีมาแน่
ได้ยินคำหลี่เซียวหลาน เฉินเถียนพลันลุกพรวดขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก สีหน้าซีดเผือด เขารีบโบกมือไปมาอย่างร้อนรน “เฉินเปียวได้จัดการติดสินบนผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่ ข้าไม่ทราบเรื่องนี้ขอรับ แต่ข้ากล้ารับรองว่าเขาไม่ได้ติดสินบนข้าแน่นอน!”
เฉินเถียนรีบแยกตัวเองออกจากเรื่องยุ่งยาก เขาไม่อยากพัวพันด้วยแม้แต่นิดเดียว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ