บทที่ 890 เหตุใดยังไม่แนะนำตัว?
เฉินเปียวไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นได้ เขาชี้ไปที่หลี่เซียวหลาน และกล่าวว่า “ท่านโหวฉิน ราษฎรผู้ต่ำต้อยต้องการสตรีนางนี้ นางทำให้คนขับรถม้าชนพี่น้องของข้าบาดเจ็บ และยังปล่อยให้หญิงรับใช้ทำร้ายผู้คนของข้า นางช่างเป็นคนชั่วร้ายเหลือเกิน ให้นางทำงานใช้หนี้ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล”
พอเห็นว่าเฉินเปียวต้องการพาตัวนางไป หลี่เซียวหลานไร้ท่าทีตระหนก หนำซ้ำบนใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มที่ทั้งน่าสงสารและน่าเศร้า
เมื่อสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มของหลี่เซียวหลาน เฉินเปียวลิงโลดนัก…ยิ้มไปเถิด รอจนเจ้ามาอยู่บนเตียงของข้า ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะยังยิ้มออกหรือไม่
ทว่าขณะนั้นเอง ฉินเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นาง? เกรงว่าจะไม่ได้”
เฉินเปียวพลันคิดว่าฉินเฟิงอาจจะสนใจหญิงผู้นี้ ก็ไม่แปลก บุรุษทั่วหล้าล้วนมีนิสัยเช่นนี้
เขาเลยรีบเปลี่ยนเป้าหมาย ชี้ไปที่เสิ่นชิงฉือ “ท่านโหวฉิน นางก็ใช้ได้ขอรับ”
ฉินเฟิงยังคงส่ายหน้า “นางก็ไม่ได้”
เฉินเปียวสบถในใจ
เจ้าชั่วฉินเฟิง ถึงกับคิดจะกลืนกินหญิงสูงศักดิ์ดื้อรั้นทั้งสองคนไว้คนเดียว เฮอะ เอาเถิด ยังดีที่สาวใช้สองคนก็งดงามมาก อีกอย่างชูเฟิงก็เป็นคนลงมือทำร้ายคน เฉินเปียวตัดสินใจว่าเมื่อกลับไปจะสั่งสอนนางที่ชอบใช้ความรุนแรงคนนี้ให้ดี
“ท่านโหวฉิน เช่นนั้นเป็นนาง คนได้กระมังขอรับ?”
ตุบ!
ขณะที่เฉินเปียวและฉินเฟิงกำลังต่อรองกันเฉินเถียนก็นั่งไม่มั่นคงจนตกลงเก้าอี้ หัวหน้าโจวที่อยู่ข้าง ๆ ก็ขาสั่นไม่หยุด เดินโซเซเข้ามาพยุงเฉินเถียน
ทว่าความสนใจเฉินเปียวอยู่กับสตรีทั้งสี่คนอย่างเต็มที่ ไม่มีเวลาสนใจเฉินเถียกับหัวหน้าโจว รอคอยเพียงคำสั่งฉินเฟิงอย่างใจจดใจจ่อ
ฉินเฟิงยกยิ้ม มองยังเฉินเปียวอย่างเหนือกว่า
“เจ้าของร้านเฉิน ข้าจะบอกตามตรงก็แล้วกัน สตรีสี่คนนี้เจ้าไม่สามารถพาผู้ใดไปได้ทั้งนั้น”
ฉินเฟิงไม่สนใจสีหน้าผิดหวังของเฉินเปียว เขายิ้มตาหยีมองยังหญิงทั้งสี่คน
“แย่จริง ข้าถึงกับลืมเรื่องสำคัญไป ก็อย่างว่า งานนายอำเภอไม่ใช่ว่าผู้ใดก้ทำได้จริง ๆ”
“จำเลย เหตุใดยังไม่แนะนำตัวอีก?”
หลี่เซียวหลานยืดหลังตรง ท่างท่าสง่างาม ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อย แต่เสียงทรงพลังดังก้องไปทั่วโถงศาลาว่าการ
“ข้า บุตรีคนที่สามของตระกูลฉิน องค์หญิงหมิ่งเยว่แห่งแคว้นต้าเหลียง ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร พี่หญิงสามของฉินเฟิงผู้ปกครองชายแดนเหนือต้าเหลียง”
ครั้งสิ้นเสียงหลี่เซียวหลาน ทั้งภายในและภายนอกศาลาว่าการอำเภอพลันเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง
เฉินเปียวยืนนิ่ง ตะลึงงันอยู่กับที่ จ้องมองหลี่เซียวหลานอย่างเหม่อลอย สมองว่างเปล่าไปหมด เฉินเถียนกับหัวหน้าโจว แม้จะรู้มาก่อนแล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นญาติของฉินเฟิง แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้!
องค์หญิงหมิ่งเยว่?! ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร?! พี่สาวคนที่สามของฉินเฟิง?!
สวรรค์!
ฐานะสูงส่งนี้ทำให้เฉินเถียนกับหัวหน้าโจวขาอ่อนนางไม่ใช่แค่ญาติธรรมดา!
เหล่าขุนนางและทหารคนอื่น ๆ หน้าซีดเผือด มือกำแน่นสั่นเทาอย่างรุนแรงราวกับถูกน้ำร้อนลวก
ตอนนั้นเอง หลิ่วหมิงเปิดม่านเดินออกมาจากด้านหลัง ภายใต้สายตาตื่นตระหนกของทุกคน เขาคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าหลี่เซียวหลาน ท่าทางนอบน้อมอย่างที่สุด
“หัวหน้าหน่วยอาวุธมืดหลิ่วหมิง คารวะท่านผู้บัญชาการ!”
สิ้นเสียงหลิ่วหมิง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังมาจากนอกประตูศาลาว่าการอำเภอ และแม้แต่บนหลังคาของศาลาว่าการอำเภv ชั่วพริบตา ลานศาลาว่าการอำเภอเต็มไปด้วยผู้คน
ตึง!
พวกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง หน่วยองครักษ์เสื้อแพร หน่วยอาวุธมืด ทูตส่งสารและองครักษ์ค่ายเทียนจีรวมแล้วมีมากกว่าร้อยคน แล้วทุกคนก็เปล่งเสียงกึกก้องพร้อมเพรียง “คารวะท่านผู้บัญชาการ!”
เสียงคำรามดังสนั่น สั่นสะเทือนวิญญาณของผู้คน
เฉินเปียวไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับองครักษ์เสื้อแพรมาก่อน แต่เขาเข้าใจดีว่าตนเองได้ก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว ส่วนเฉินเถียนรู้สึกเหมือนนั่งบนยอดหนาม หัวใจหนักอึ้ง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ