บทที่ 892 ชำระล้างพิษร้ายในอำเภอฉางสุ่ย
เป็นตามที่ฉินเฟิงคาดไว้ ญาติพี่น้องของเฉินเปียวต่างอาศัยชื่อเสียงอันเลวร้ายของเขา วางอำนาจบาตรใหญ่ ฉินเฟิงก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หากผู้ใดเคยกระทำการข่มเหงรังแกผู้อื่นหรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บพิการล้วนมีได้ีรับประหาร และญาติพี่น้องของเฉินเปียวก็ถูกประหารไปอีกแปดคน
ด้วยวิธีนี้เรียกได้ว่า จัดการกับอิทธิพลตระกูลเฉินได้เกือบหมดแล้ว
ฉินเฟิงมองดูเฉินเปียวและอีกสามคนที่นั่งหน้าซีดเผือดราวกับคนตาย ร่างกายอ่อนปวกเปียกเหมือนโคลนตม เขาชี้ไปที่จางต้าหู่กับหวังกัง แล้วถาม “การลงโทษที่โหดร้ายที่สุดในเป่ยตี๋คืออะไร”
เฉินเถียนรีบตอบ “ห้าม้าแยกร่างขอรับ”
ฉินเฟิงทำเสียงจุ๊ ๆ ห้าม้าแยกร่างนับว่าโหดร้ายนัก การลงโทษรุนแรงที่สุดที่ฉินเฟิงยอมรับได้จริง ๆ ก็แค่ตัดศีรษะ เพราะการทำให้คนตายร่างกายสมบูรณ์ เป็นสิ่งที่ขัดต่อมนุษยธรรม
“ช่างเถอะ ตัดหัวไปเลยจะได้สบายใจ”
“ส่วนเด็กรับใช้ นายอำเภอเฉิน เจ้าคิดว่าควรจัดการอย่างไร?”
เฉินเถียนมองเด็กรับใช้ที่ตกใจจนตัวแข็งทื่อไป แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ท่านโหวหน้าตาของเด็กคนไม่คุ้น อีกทั้งยังอายุน้อย คงเพิ่งมาอยู่กับเฉินเปียวได้ไม่กี่วัน คาดว่ายังไม่ทันได้ทำความชั่วใด”
ฉินเฟิงพลันโบกมือ “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยไปเถิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้คงทำให้จดจำได้ ถ้าบังอาจทำชั่ว สักวันก็ต้องชดใช้ หวังว่าจะกลับตัวกลับใจได้”
เมื่อรู้ตัวว่ารอดตาย เด็กรับใช้ก็ตื่นจากภวังค์ คุกเข่าลงกับพื้นพลางก้มหัวคำนับ ร้องไห้โฮออกมา “ขอบพระคุณท่านโหวฉิน ข้าน้อยไม่กล้าเดินทางผิดอีกแล้ว จะกลับบ้านเกิดไปทำนาเดี๋ยวนี้”
สายตาฉินเฟิงจับจ้องเฉินเปียว แล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฆ่าเจ้าทันทีก็ง่ายไป แต่หลักศีลธรรมของข้าก็ไม่อนุญาตให้ข้าทรมานเจ้าด้วยวิธีโหดร้าย ช่างเป็นทางเลือกที่ยากลำบากจริง ๆ”
หลังต่อสู้กับความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินเฟิงยอมประนีประนอม ล้มเลิกความคิดโหดร้ายทารุณ สั่งให้หลิ่วหมิงพาเฉินเปียวไปที่ลานประหาร
นับตั้งแต่ฉินเฟิงเริ่มจัดการกับเฉินเปียว จนถึงตอนนี้ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แต่กลับมีคนหลายสิบคนตกตายไปแล้ว การตัดสินโทษประหารเช่นนี้มีเพียงฝ่าบาทองค์ปัจจุบันที่เทียบได้
ทว่าเรื่องราวที่ควรจะจบลงแล้ว กลับยังไม่จบ
พอเฉินเถียนมองฉินเฟิง เขาหนาวสั่นไปทั้งแผ่นหลัง ฉินเฟิงกำลังจ้องมองเขา สายตาเย็นชา เขาไม่รู้ว่าตนเองทำผิดพลาดตรงไหนถึงทำให้ท่านโหวฉินไม่พอใจ ไม่กล้าคิดให้ลึกซึ้ง เขารีบเดินไปกลางโถง คุกเข่าลงบนพื้นอย่างสั่นเทา
“ท่านโหวฉิน หากข้าน้อยพูดผิดประการใดไป ขอโปรดชี้แนะ นับแต่ท่านโหวฉินมาถึงอำเภอฉางสุ่ย ข้าน้อยไม่เคยมีใจคิดทรยศ ขอท่านโหวฉินโปรดนึกถึงว่า แม้ไม่มีความดีความชอบ แต่ก็มีความเหนื่อยยาก โปรดละเว้นโทษด้วยเถิด”
เมื่อเห็นเฉินเถียนตกใจจนพูดจาสับสน ฉินเฟิงแค่นเสียงเย็นชา จงใจลากเสียงยาว
“นายอำเภอเฉิน เจ้าบอกข้าสิ คนที่ข้าฆ่าไปเมื่อครู่สมควรฆ่าหรือไม่?”
เฉินเถียนไม่กล้าลังเลรีบตอบ “สมควรขอรับ”
“พวกอันธพาลไร้เหตุผล กดขี่ข่มเหงชาวบ้าน ทำความชั่วร้ายทุกอย่าง ท่านโหวฉินลงมือกำจัดภัยให้ประชาชนด้วยตัวเองสมควรได้รับการสรรเสริญจากชาวอำเภอฉางสุ่ย”
ฉินเฟิงตวัดสายตาดุดัน แล้วเอ่ยถามเสียงเย็นชา “เมื่อพวกมันล้วนเป็นภัยพาลที่สมควรถูกลงโทษ เหตุใดต้องรอให้ข้าลงมือ? เจ้าที่เป็นนายอำเภอคนกินเงินเดือนมัวทำอะไรอยู่?”
“หรือหลังจากได้เป็นนายอำเภอแล้วก็เหลือแต่การแสวงหาความสำราญ กอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัว? ลืมเรื่องการมอบความเป็นธรรมให้ประชาชนไปจนหมดสิ้นแล้ว?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ