บทที่ 906 ฆ่าไปตลอดทาง
อย่างพลหอกที่พบได้บ่อย ผิวเผินพลหอกเหมือนจะสามารถต้านทานกองทหารม้าได้ เพียงแค่ปักหอกลงบนพื้นและรอให้กองทหารม้าพุ่งชนเข้ามาก็เพียงพอแล้ว
แต่การปักหอกลงบนพื้นที่เป็นการกระทำที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กลับเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับทหารส่วนใหญ่
เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างรวดเร็วของกองทหารม้า นอกจากทหารผู้ผ่านศึกร้อยสนามรบ แทบไม่มีใครสามารถเผชิญหน้ากับกองทหารม้าได้อย่างใจเย็น
ตรงกันข้าม ส่วนใหญ่แล้วพลหอกมักจะแตกกระเจิงก่อนที่กองทหารม้าจะมาถึง เพราะการเผชิญหน้ากับการโจมตีของ กองทหารม้าเป็นการทดสอบทางจิตใจที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับมือได้
พลหอกกว่าร้อยคนภายใต้การบังคับบัญชาของจ้าวหลิง อาศัยความได้เปรียบด้านจำนวนและการป้องกันจากโล่ขนาดใหญ่ด้านหน้า ยังคงรักษาความสงบได้พอสมควร
ขณะที่กองทหารม้า ของฝ่ายตรงข้ามเหลือระยะห่างไม่ถึงร้อยก้าว ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนหยัดรักษาแนวและเตรียมพร้อมที่จะรอคอยโอกาส สถานการณ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นสามสิบคน องครักษ์ค่ายเทียนจีพร้อมใจกันเอาธนูออกมา ยิงเข้าใส่แถวหน้าพร้อมกันในคราวเดียว จากนั้นก็บังคับม้าหันหัวกลับ มุ่งหน้าไปทางปีกขวา เนื่องจากกองทหารม้า มีจำนวนน้อย การหันหัวม้ากลับจึงทำได้สะดวก ด้วยเหตุนี้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กลับทำให้กองทัพของจ้าวหลิงตั้งตัวไม่ทัน
การยิงธนูรอบแรกนี้ เจ็ดส่วนของลูกธนูถูกโล่ใหญ่กันไว้ได้ ส่วนอีกสามส่วนที่เหลือ ครึ่งหนึ่งเฉียดผ่านร่างของทหารไป มีเพียงไม่กี่ดอกเท่านั้นที่ยิงถูกทหารได้สำเร็จ
แต่ลูกธนูเพียงไม่กี่ดอกนี้ กลับก่อให้เกิดความสูญเสียไม่น้อย เนื่องจากทั้งหมดเป็นหัวธนูเจาะเกราะ ทำให้มีทหารห้าคนถูกยิงล้มลง
เมื่อเกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นรอบตัว สภาพจิตใจของทหารก็จะถูกทดสอบ การที่สามารถเพิกเฉยต่อการเสียชีวิตของสหายร่วมรบและสู้รบต่อไปได้คือเส้นแบ่งระหว่างกองกำลังชั้นยอดกับกองกำลังธรรมดา
และกองทัพของจ้าวหลิงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพียงฝนธนูรอบเดียว ยิงคนล้มไปห้าคน แนวรบก็เริ่มสั่นคลอน
เสียงตะโกนดังขึ้นไม่หยุดจากกองทัพใหญ่
“ทหารม้าข้าศึกโจมตี! ทหารม้าข้าศึกโจมตี!”
“พลธนูเดินเท้าอยู่ที่ใด? พลธนูเดินเท้าอยู่ที่ใด?!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของทหาร จ้าวหลิงโกรธจนหน้าแดงก่ำ ตวาดเสียงดัง “ผู้ใดกล้าทำให้คำสั่งทหารวุ่นวาย จะถูกประหารโดยไม่ละเว้น!”
“พวกเจ้าทั้งหมดหุบปากเสีย!”
ภายใต้เสียงตะโกนด้วยความโกรธของจ้าวหลิง แถวทหารที่วุ่นวายกลับมาเป็นระเบียบอีกครั้ง จ้าวหลิงไม่มีอารมณ์สนใจทหารที่ตะโกนโวยวายอีก
เมื่อเห็นกองทหารม้าของศัตรูวนรอบหนึ่งแล้วบุกกลับมาอีกครั้ง จ้าวหลิงรีบออกคำสั่งทันที “เปลี่รูปแบบ! เปลี่ยนรูปแบบ! จัดทัพรูปแบบกระดองเต่า!”
แถวทหารที่เดิมเรียงตามแนวยาวและแนวขวางเปลี่ยนแปลงทันที ทหารแถวหน้าที่ถือโล่ใหญ่รวมตัวกันเป็นวงกลม ปกป้อทหารที่อยู่ตรงกลาง นอกจากทหารหอกที่เหลือไว้บางส่วน ทหารราบที่เหลือทั้งหมดวางแหลนลงแล้วเปลี่ยนมาใช้ธนูเดินเท้า เริ่มยิงโต้กลับใส่กองทหารม้า
เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามตอบโต้ด้วยธนู จางเจิ้นไห่ก็ไม่ลังเล “ยกเลิกการโจมตี มุ่งหน้าไปด่านที่สาม!”
องครักษ์ค่ายเทียนจีสามสิบคนตัดสินใจทิ้งกองทัพของจ้าวหลิงที่ด่านที่สอง พวกเขาควบม้าต่อไปตามพื้นที่รกร้าง เมื่อหลุดพ้นจากระยะยิงของกองทัพจ้าวหลิง พวกเขาก็กลับขึ้นถนน มุ่งหน้าตรงไปยังด่านที่สามที่หลู่หลีอยู่
จ้าวหลิงมองดูกองทหารม้าที่วิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ ด้วยความโกรธ เขากระทืบเท้า “ไอ้พวกหนูสกปรก!”
“ข้าโกรธจนจะตาย พวกทหารม้าน่าตาย ตีแล้วก็วิ่งหนี รังแกพวกข้าที่ไม่มีกองทหารม้า!”
แม้จะด่าไปอย่างนั้น แต่ในใจของจ้าวหลิงอดกังวลไม่ได้ เพราะแม่ทัพฝ่ายศัตรูออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ไม่ยอมพัวพันกับเขา กองทหารม้านี้เพิ่งโจมตีพังด่านแรกมา แล้วก็มาปะทะกับเขาที่ด่านที่สอง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังด่านที่สาม แต่กลับไม่มีใครตายเลยแม้แต่คนเดียว
กองทหารม้ากลุ่มนี้เป็นกองกำลังชั้นยอดอย่างแน่นอน! เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จ้าวหลิงก็ถอนหายใจ “หากอยากทำลายล้าง กองทหารม้านี้ให้ราบคาบก็คงต้องส่งกองทหารม้าเบาออกไป ถึงแม้ทหารราบจะสามารถป้องกันตัวเองได้ แต่การใช้สองขาไล่ตามสี่ขาก็เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน”
ขณะที่จ้าวหลิงกำลังกังวลเกี่ยวกับกองทหารรักษาการณ์ด่านที่สาม จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ