บทที่ 925 ความหัวรุนแรงไม่แบ่งฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา
สายตายาวไกลของฉินเฟิงไม่อาจโต้แย้งได้ องครักษ์เสื้อแพรก้าวล้ำเส้นเพียงเล็กน้อย เขาก็รับรู้ถึงอันตรายี่อาจตามมาได้ และลงมือจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้วางใจที่สุดอย่างไม่ลังเล
หลังการชำระล้างครั้งใหญ่ของฉินเฟิง องครักษ์เสื้อแพรที่เคยอืดอาดและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานก็‘บริสุทธิ์และทำงานมีประสิทธิภาพ’ มากขึ้น
เหมือนกับสุนัขดุร้ายที่เคยแยกเขี้ยวคำรามใส่ พอถูกเจ้านายฟาดด้วยไม้กระบองก็กลับมากระดิกหาง ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย
การกระทำของฉินเฟิง ราวกับเป็นการส่งสัญญาณเตือนฮ่องเต้เป่ยตี๋ ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง และสร้างมาตรฐาน
การจัดการกับหน่วยสอดแนมต้องไม่มีความปรานีหรือผ่อนปรน เมื่อถึงเวลาที่ต้องกระชับอำนาจก็ต้องทำอย่างเด็ดขาด หาไม่จะเป็นการเลี้ยงเสือไว้ในบ้าน
เหตุการณ์ที่หน่วยนกฮูกราตรีสมคบคิดกับหลู่หลีนับเป็นบทเรียนราคาแพง ฮ่องเต้เป่ยตี๋กล่าวอย่างจริงจัง “ใต้เท้าหลี่ เจ้าก็วางแผนจะลงมือกับหน่วยนกฮูกราตรีเช่นเดียวกับฉินเฟิงหรือ?”
หลี่อวี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาพยักหน้าตอบตามตรง “ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ความจริง… ตั้งแต่หลายปีก่อนกระหม่อมก็มีความคิดเช่นนี้อยู่แล้ว เพราะอำนาจของหน่วยนกฮูกราตรีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ควบคุมไว้ให้ดี สักวันย่อมจะเป็นภัยต่อเจ้าของ”
“แต่กระหม่อมก็ลังเลมาตลอด เกรงว่าจะถูกโต้กลับ”
“ทว่าฉินเฟิงได้สอนบทเรียนให้ ทำให้กระหม่อมเข้าใจว่า ไม่ควรเล่นเกมอำนาจกับหน่วยสอดแนม เพราะพวกหน่วยสอดแนมลับล้วนเป็นพวกเจ้าเล่ห์ เกรงว่าจะพลาดท่าเสียเอง วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับหน่วยสอดแนมลับก็คือ ใช้กำลังอย่างโหดเหี้ยมเด็ดขาด”
“การตีด้วยไม้พลองต้องรวดเร็ว อีกทั้งต้องตีให้ถูกจุดสำคัญ”
“แล้วทุก ๆ ช่วงเวลาหนึ่งก็ต้องตีอีก คอยตีอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้หน่วยสอดแนมรักษาความระแวดระวังและมีวินัยอยู่ตลอดเวลา”
ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ครุ่นคิด ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉินเฟิงไม่สนใจกฎเกณฑ์ เขาใช้อำนาจเผด็จการบีบองครักษ์เสื้อแพรอย่างรุนแรง ตัดไฟเสียแต่ต้นลมอย่างเด็ดขาดรวดเร็ว และก็ได้ผลอย่างยิ่ง
แต่ปัญหาอยู่ที่ฉินเฟิงมีเครื่องจักรความรุนแรงอย่างองครักษ์ค่ายเทียนจีที่สามารถกดดันองครักษ์เสื้อแพรได้
และถ้าพูดกันตามตรง กระทั่งฮ่องเต้ต้าเหลียงก็มีองครักษ์หลวงที่เก่งกาจและจงรักภักดีอยู่เคียงข้าง เทียบกันแล้วรอบตัวฮ่องเต้เป่ยตี๋ขาดหน่วยทหารที่เก่งกล้าสุดโต่ง
ส่วนกองพลพญาอินทรีที่เก่งกาจ ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงกองทัพ แสดงศักยภาพได้เฉพาะในสนามรบ ไม่อาจนำมาใช้ในการเมืองราชสำนัก การจะอาศัยวิธีรุนแรงกำจัดหน่วยนกฮูกราตรีไม่ง่ายเลย ต้องใช้เทคนิควิธีการที่แยบยลจัดการ ดวนหากทำพลาด ก็อาจถูกหน่วยนกฮูกราตรีโต้กลับได้
ฮ่องเต้เป่ยตี๋ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ หน่วยสอดแนม หากใช้ให้ดีผ่อมให้ระโยชน์เป็นเท่าตัว แต่ถ้าใช้ไม่ดี ก็จะกลายเป็นโทษแก่ตัว
ฮ่องเต้เป่ยตี๋จึงตัดสินใจมอบหมายเรื่องการจัดการหน่วยนกฮูกราตรีทั้งหมดให้หลี่อวี้
หลี่อวี้ก็ไม่พูดอ้อมค้อม กล่าวตามตรงว่า “ฝ่าบาท ตอนนี้ภัยหนาวรุนแรง หิมะปิดเส้นทางภูเขา การรบทางด้านเมืองจัวโจวก็หยุดชะงัก ไม่สู้ถือโอกาสนี้เรียกกองพลพญาอินทรีกลับเมืองหลวงเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เป่ยตี๋เข้าใจ หลี่อวี้ไม่ไว้ใจกองทัพประจำเมืองหลวง กังวลว่าหน่วยนกฮูกราตรีอาจสมคบกับแม่ทัพประจำการต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องเรียกกองพลพญาอินทรีกลับเมืองหลวง ข่มขวัญอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่สามารถทำสงครามได้ ฮ่องเต้เป่ยตี๋จึงอนุญาต
“ใต้เท้าหลี่ เจ้ายังมีเรื่องหนึ่งที่อยากบอกเจิ้นใช่หรือไม่? เรื่องอะไรเล่า?”
หลี่อวี้ก้มหน้าลง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “กระหม่อมคิดว่า เราจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับพรรคหัวรุนแรงล่วงหน้า”
คำพูดนี้ทำให้ฮ่องเต้เป่ยตี๋ได้สติ

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ