บทที่ 929 เหล่าอู๋ลงมือ
เฉินซือพูดไม่ออก สิ่งที่เขากังวลที่สุดเกิดขึ้นจนได้
ตอนนี้เอง หนิงหู่กลับมา แล้วพยักหน้าให้ฉินเฟิง เป็นสัญญาณว่าได้ส่งทหารส่งสารออกไปแล้ว และได้ปลอบโยนผู้ติดตามที่ไว้ใจได้ของเฉินซือที่อยู่นอกเมืองเรียบร้อย ต่อไปก็แค่ทำตามแผนที่วางไว้ สังหารเฉินซือ แล้วถอยกลับไปยังอำเภอฉางสุ่ยอย่างเป็นระเบียบ
พูดตามตรง ฉินเฟิงเสียดายที่ต้องสูญเสียเฉินซือ หวดตามองทั่วทั้งเป่ยตี๋ คนที่นับได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขาก็มีเพียงเฉินซือคนเดียว
และในแง่หนึ่ง เฉินซือถือเป็นครูผู้ชี้นำชีวิตของฉินเฟิง เฉินซือสอนให้ฉินเฟิงรู้วิธีแยกแยะระหว่างสนามรบกับชีวิต
ไม่ให้ความรู้สึกส่วนตัวครอบงำสงคราม และไม่ให้ความเจ็บปวดจากสงครามทำร้ายชีวิต ฉินเฟิงซาบซึ้งกับคำแนะนำของเฉินซือมาตลอด แต่ตอนนี้เขาจำต้องสังหารเฉินซือ เพราะยิ่งเฉินซือมีความสามารถมาก ฉินเฟิงก็ยิ่งไม่อยากเจอในสนามรบ
“ท่านแม่ทัพเฉิน ท่านมีคำสั่งเสียใดหรือไม่?” ฉินเฟิงถามเสียงเบา สายตาทอดมองเฉินซืออย่างจริงใจ
เฉินซือส่ายหน้า สายตาเศร้าโศกอยู่บ้าง แต่ชัดเจนว่าเขาไม่อาจยอมรับ
ไม่เพียงเขาถูกฉินเฟิงหลอกมาสังหารที่ชิงซาน แต่ความแค้นส่วนตัวของหลู่หลีที่ลากทั้งแคว้นสู่ก้นเหวยังค้างคาใจ
หากทุกอย่างราบรื่นตามแผนของเฉินซือ เพียงแค่อดทนจนถึงฤดูใบไม้ผลิ เมื่อทุกสิ่งฟื้นคืน แคว้นเป่ยตี๋ก็จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ เมื่อเผชิญหน้ากับฉินเฟิงหรือแม้แต่แคว้นต้าเหลียงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลัง แต่น่าเสียดาย…
เวลา สถานที่ และผู้คน ไม่มีอะไรเป็นใจแก่เฉินซือและเป่ยตี๋แม้แต่สิ่งเดียว
ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วกระมัง? ไม่ใช่ว่าสวรรค์อยากทำลายแคว้นเป่ยตี้หรอกหรือ?
“ฉินเฟิง ข้าตกตายในมือเจ้าย่อมไม่เสียดายชีวิต แต่น่าสงสารประชาชนของแคว้นเป่ยตี๋ของข้านัก…”
“ตอนนี้เผชิญกับความหนาวเหน็บรุนแรงที่เกิดขึ้นในรอบร้อยปี ลำบากยากเข็ญจนเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว ยังต้องเผชิญกับสงครามฤดูหนาว ไม่รู้ว่าต้องมีประชาชนมากเพียงใดตกตายในฤดูหนาวนี้”
“ฉินเฟิง เจ้าไม่ได้พูดอยู่ตลอดหรอกหรือว่า เจ้าต้องการมอบแคว้นที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งไว้ให้องค์หญิงใจฮ่องเต้องค์ก่อนของเป่นยตี๋?”
“หรือเจ้า…เปลี่ยนใจแล้ว?”
สายตาฉินเฟิงยังมุ่งมั่น “ข้าเพียงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม”
“รอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า กำลังของแคว้นเป่ยตี๋ย่อมฟื้นคืนแล้ว ถึงเวลานั้นทำสงคราม สงครามก็ยืดเยื้อและรุนแรงยิ่ง ยิ่งแคว้นของท่านพ่ายแพ้เร็วเท่าไร ความทุกข์ทรมานของประชาชนก็ยิ่งน้อย”
“หากฮ่องเต้เป่ยตี๋ยอมสละบัลลังก์และยอมแพ้ นั่นจะเป็นโชคของประชาชนแคว้นเป่ยตี๋ท่าน”
ฉินเฟิงถอนหายใจ ไม่มีความลังเลใด ค่อย ๆ ยันร่างกายอ่อนล้าลุกยืน แล้วประสานมือคำนับเฉินซือ
“พี่เฉิน ขอท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ”
เฉินซือยอมรับชะตากรรมแล้ว เขาลุกขึ้นยืน ยืดอก เชิดหน้า ไร้ความหวาดกลัว
แม้รู้ว่าความตายมาถึงแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ของเขา ฉินเฟิง เฉินซือไม่พูดสักคำ ส่วนคำอำลา เลิกคิดเสียเถิด! ระหว่างเฉินซือกับฉินเฟิงมีเพียงความแค้นของแคว้นและตระกูล ไม่มีความผูกพันใด ๆ ให้กล่าวถึง
ภายใต้สายตาของฉินเฟิง เฉินซือหมุนตัวจากไปอย่างเย็นชา พอมาถึงลานกว้างของศาลาว่าการอำเภอ เขายืนตระหง่าน เงยหน้ามองดวงจันทร์กลางฟ้า แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “หนิงเชียนฮู่ เจ้าลงมือได้เลย แม่ทัพผู้นี้จะไม่มีวันคุกเข่า ข้าพร้อมรับความตายแล้ว”
แววตาของหนิงหู่เกรงขามอยู่บ้าง แม่ทัพอย่างเฉินซือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ล้วนสมควรได้รับความเคารพนับถือ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ