บทที่ 938 ว่าจ้างด้วยราคามหาศาล
ฉินเฟิงไม่ได้บังคับ เขาโบกมือ แล้วกล่าวว่า “ผู้ที่เต็มใจร่วมป้องกันเมืองกับข้า ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่างานจะสำเร็จ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือประชาชนของเป่ยซีแล้ว!”
“เมื่อเป็นประชาชนของเป่ยซี ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ!”
ภายใต้คำสั่งของฉินเฟิง ทหารเป่ยซีไปยังคลังสินค้า และขนย้ายสินค้าที่เก็บสะสมไว้ล่วงหน้ามา
นอกจากอาหารแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า
ฉินเฟิงอ้างว่าจะค้าขายผ้า แต่ความจริงแล้วผ้าที่ขนมาทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป ตั้งแต่แรก สงครามฤดูหนาวเป็นแผนสำรองของฉินเฟิง และหากต้องการทำสงครามฤดูหนาวเสื้อผ้ากันหนาวย่อมขาดไม่ได้ นอกจากเสื้อผ้ากันหนาวก็ยังมีเกราะจำนวนมากด้วย
แต่เมื่อเทียบกับชุดเกราะที่ทหารสวมใส่ เกราะเหล่านี้ล้วนเรียบง่าย และส่วนใหญ่เป็นเกราะหน้าอก
สองรถบรรทุกเสบียง กองสุมเป็นภูเขาลูกเล็กเบื้องหน้าฉินเฟิง
ฉินเฟิงออกคำสั่งเสียงดัง “นับจำนวนคน!”
องครักษ์เสื้อแพรที่เตรียมพร้อมรออยู่ก่อนแล้ว เดินตรงเข้ามาในลานฝึก นับจำนวนชายฉกรรจ์ที่สมัครใจเข้าร่วมป้องกันเมืองทั้งหมดหนึ่งรอบ รวมทั้งสิ้นหนึ่งร้อยห้าสิบสองคน ฉินเฟิงตั้งใจตะโกนเสียงดัง เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าผู้ที่เต็มใจติดตามเขาจะไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย
“แจกจ่ายเสบียงให้ชายฉกรรจ์ที่เต็มใจปกป้องเมือง!”
“แต่ละคนจะได้รับชุดกันหนาวหนึ่งชุด เกราะอกหนึ่งชิ้น อาหารสิบชั่ง และเงินสองตำลึง”
ภายใต้การจัดการขององครักษ์เสื้อแพร ชายฉกรรจ์หนึ่งร้อยห้าสิบสองคนเข้าแถว เดินมาหาฉินเฟิงทีละคนเพื่อรับเสบียงและอุปกรณ์ของตน
ชายร่างใหญ่ที่อยู่หัวแถวเมื่อรับเสบียงที่หนักอึ้งมายังคิดว่าตนเองกำลังฝันอยู่ ในความเข้าใจของเขา ชายฉกรรจ์กับสัตว์ใช้งานไม่มีอะไรแตกต่างกัน ทั้งหมดถูกไล่ต้อนขึ้นสนามรบ ชีวิตและความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา ความร่ำรวยอยู่ที่ฟ้าลิขิต แต่เมื่อมองดูเสบียงที่ฉินเฟิงแจกจ่าย ชายร่างใหญ่ตระหนักได้ทันที ฉินเฟิงไม่ได้มองข้าเป็นเพียงเนื้อหมูเนื้อปลา ทั้งยังใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่พวกเขาที่เป็นเพียงชาวนาธรรมดาคนหนึ่ง
เกราะอก…
สิ่งนี้ใช้สำหรับป้องกันชายฉกรรจ์ที่ขนส่งเสบียงไปยังแนวหน้าถูกลูกธนูที่ยิงเข้ามาจากนอกเมือง
เพียงแค่เกราะอกที่ทำอย่างประณีตชิ้นนี้ก็มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งตำลึง และยังเป็นยุทโธปกรณ์ทางทหารที่แม้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้
สายตาของชายร่างใหญ่ที่เดิมทีลังเลสับสนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแน่วแน่มั่นคง เมื่อการแจกจ่ายเสบียงให้ชายฉกรรจ์หนึ่งร้อยห้าสิบสองคนเสร็จสิ้น ฉินเฟิงก็ตะโกนถามองครักษ์เสื้อแพรอีกครั้ง
“เสบียงที่สะสมไว้ในเมืองจะพอให้พวกเราประทังชีวิตได้นานเพียงใด?”
องครักษ์เสื้อแพรรีบตอบ “พอประทังได้สองปีขอรับ!”
ฉินเฟิงพยักหน้า “ไม่จำเป็นต้องนานขนาดนั้น หากก่อนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้ากองทัพของข้าจากชายแดนเหนือต้าเหลียงยังไม่สามารถมาถึงเชิงกำแพงเมืองได้ หมายความว่าสงครามฤดูหนาวคราวนี้เราล้มเหลวแล้ว”
“พูดให้ชัดคือ ฤดูใบไม้ผลิเป็นวันตายของพวกเรา”
“เป้าหมายของพวกเราคือต้องยืนหยัดให้ได้สามเดือน! เสบียงมากมายไม่มีทางใช้หมด ให้ทหารและชายฉกรรจ์ทั้งหลายได้กินอิ่มทุกมื้อ”
“คัดเลือกทหารจากเป่ยซีสิบคน รับผิดชอบการรับรองพลาธิการและอาหาร นอกจากนี้…” ฉินเฟิงมองไปยังชายฉกรรจ์หนึ่งร้อยห้าสิบสองคนตรงหน้า แล้วกล่าวเสียงดัง “ยังต้องการคนครัวอีกห้าสิบคนเพื่อช่วยงาน ภรรยาของพวกเจ้า หากไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุก็สามารถมาช่วยงานได้ จะได้รับเงินค่าตอบแทนหนึ่งตำลึงต่อเดือน”
หนึ่งตำลึง…


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ