บทที่ 959 การเดินทัพอย่างรวดเร็ว
ตอนแรกเรื่องที่ฉินเฟิงซื้อม้าพันธุ์ดีมากมายไม่ใช่ความลับอะไรเลย อำเภอเป่ยซีสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับแคว้นเกาชานได้ก็เพราะอาศัย ‘ม้าที่ราบสูง’ เป็นจุดเชื่อมโยง
เรียกได้ว่าฉินเฟิงแสวงหาแหล่งม้าจนถึงขั้นที่…โลภมากเกินไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นม้าที่ราบสูงหรือม้าเป่ยตี๋ ตราบใดที่เป็นม้าดีฉินเฟิงก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน แม้แต่ม้าพื้นเมืองของแคว้นต้าเหลียงก็ไม่รอดพ้น
ไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่าฉินเฟิงใช้เงินไปมากเท่าไรกับเรื่องม้า แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน ค่าใช้จ่ายด้านปศุสัตว์เป็นหนึ่งในรายจ่ายที่สูงที่สุดของงบประมาณทั้งหมดของอำเภอเป่ยซีมาโดยตลอด
อาศัยม้าศึกโตเต็มวัยที่ซื้อมาจากที่ต่าง ๆ รวมกับการเพาะพันธุ์เองของอำเภอเป่ยซี ตอนนี้ฉินเฟิงมีม้าอยู่ในมือกี่ตัวกันแน่ เกรงว่าแม้แต่ฉินเฟิงเองก็คงบอกไม่ได้
ความคิดอันน่าสะพรึงกลัวค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินซือ
“หรือว่า… ฉินเฟิงจัดม้าจำนวนมากให้กับกองกำลังหลักด้วย?”
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในทรัพยากรทางทหารที่สิ้นเปลืองที่สุด การฝึกฝนกองทหารม้าที่มีขนาดเกินหนึ่งพันคนก็ต้องใช้เงินมหาศาลแล้วซึ่งเกินขีดจำกัดที่แคว้นเล็กแคว้นหนึ่งจะรับไหวด้วยซ้ำ
มีเพียงแคว้นต้าเหลียงและเป่ยตี๋เท่านั้นที่มีความสามารถในการฝึกกองทหารม้าจำนวนมาก แต่เป่ยตี๋ก็ต้องอาศัยข้อได้เปรียบจากที่ราบกว้างใหญ่และพันธุ์ม้าที่ดีเยี่ยมจึงสามารถลดต้นทุนในการฝึกกองทหารม้า สร้างกองทหารม้าจำนวนมากได้
ทว่าฉินเฟิงกลับใช้วิธีที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบ ทุ่มเงินสร้างกองทหารม้าจำนวนมากขึ้นมา แม้แต่เฉินซือผู้มีประสบการณ์การรบมามากก็ยังรู้สึกว่า ความเข้าใจกำลังจะถูกพลิกกลับ
ทหารส่งสารวิ่งเข้ามาในกระโจมอีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพใหญ่ มีรายงานด่วนจากเมืองจัวโจว กองกำลังหลักของข้าศึกได้เคลื่อนผ่านเส้นทางโบราณจ่างอวิ๋นแล้ว และเนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนพลของศัตรูรวดเร็วเกินไป กองกำลังจากทุกด้านที่ส่งไปสกัดกั้นล้วนพลาดทั้งสิ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เฉินซือก็แทบจะมั่นใจได้แล้วว่า การวิเคราะห์ของจิ่งเผิงเมื่อครู่ถูกต้องแม่นยำทุกประการ!
เส้นทางจ่างอวิ๋นห่างจากเมืองต้าฉีเพียงแค่สี่วัน และนั่นคือระยะทางสำหรับกองทหารม้า!
สำหรับทหารราบที่เคลื่อนพลเป็นกองใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเดินทางกว่าสิบวัน กลับกัน ระยะทางจากถนนโบราณจ่างอวิ๋นถึงเมืองหนานหัวก็มีระยะทางถึงเก้าวัน กองทหารม้าสามารถเดินทัพอย่างรวดเร็วและลดเวลาลงเหลือสองวัน พอดีกับความเร็วในการเดินทัพของกองกำลังหลักของศัตรู
ความเร็วในการเดินทัพของกองกำลังหลักของศัตรูไม่ด้อยไปกว่ากองทหารม้าเลยหรือ?!
ฉินเฟิงได้นำคำว่าทหารต้องรวดเร็วดั่งสายฟ้ามาใช้ได้จริง ๆ
“แย่แล้ว! แย่แล้ว! แย่แล้ว!”
เฉินซือร้องออกมาถึงสามครั้ง เขาขมวดคิ้วแน่น เอามือไหล่หลัง เดินไปมาหน้าแผนที่ แม้ว่าเขาจะมั่นใจถึงเก้าส่วนในการโจมตีเมืองฉางสุ่ย แต่สถานการณ์ทางทหารทางด้านเมืองจัวโจวก็เกินความคาดหมาย เพียงแค่เมืองต้าฉีเมืองเดียวถูกโจมตีอย่างหนักโดยกองกำลังหลักของกองทัพศัตรูอย่างกะทันหัน แม้จะไม่ถึงกับแตก แต่ก็คงจะกลายเป็นเมืองโดดเดี่ยวอย่างแน่นอน เมืองและป้อมปราการโดยรอบไม่มีทางส่งกำลังมาช่วยเมืองต้าฉีได้ทัน
เมื่อกองทัพศัตรูผ่านเมืองจัวโจวและมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ทั้งเมืองจัวโจวก็ถือว่าตกอยู่ในมือของศัตรูโดยสมบูรณ์แล้ว ถึงตอนนั้น เกรงว่าคงไม่สามารถต้านทานได้เป็นรูปเป็นร่าง ถูกศัตรูโจมตีทีละจุดและค่อย ๆ กลืนกินไปทีละก้าว จนในที่สุดก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของศัตรูอย่างสมบูรณ์
แล้วภาพเหตุการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมในเขตสงครามถัดไป
เฉินซือขมวดคิ้วแน่น เอ่ยเสียงต่ำว่า “กองทัพศัตรูเคลื่อนพลเร็วเกินไป ตอนนี้ส่งทหารไปช่วยเมืองจัวโจวก็เหมือนปิดวัวหายล้อมคอก สายเกินไปแล้ว รีบส่งคำสั่งของข้าออกไป ให้สร้างแนวป้องกันทางเหนือของเมืองต้าฉี ไม่ว่าอย่างไรก็ต้อง…”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ