บทที่ 961 การโจมตีป้อมปราการมีแต่จะถูกบดเป็นเนื้อ
การโจมตีได้เริ่มขึ้นแล้ว เว้นแต่จะมีการแตกฮือหนีกันไปหมด หาไม่การถอยร่นอย่างเป็นระเบียบแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้แม่ทัพทั้งหลายจะรู้ดีว่า หากสู้ต่อไปย่อมต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่ พวกเขาก็ยังต้องฝืนใจนำทหารบุกเข้าโจมตีเมือง
“แม่ทัพใหญ่มีคำสั่ง ต้องยึดเมืองฉางสุ่ยให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”
“ผู้ใดขี้ขลาดหรือละทิ้งหน้าที่ โทษประหารทันที!”
“ผู้ใดปีนกำแพงเข้าเมืองได้เป็นคนแรกจะได้รับรางวัลหนึ่งหมื่นตำลึง ที่นาอุดมสมบูรณ์หนึ่งร้อยหมู่!”
“ผู้ใดสังหารแม่ทัพฝ่ายศัตรูได้ จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับกองพัน!”
แม้คำกล่าวที่ว่า ‘รางวัลใหญ่สร้างวีรบุรุษ’ จะเป็นที่รู้กัน แต่เสียงตะโกนก้องของผู้คุมกองทัพก็ยังไม่อาจปลุกเร้าขวัญกำลังใจของเหล่าทหารได้ เพียงเพราะเสียงของหน้าไม้ยักษ์ที่ดังไม่หยุดหย่อนจากบนกำแพงเมือง รวมถึงก้อนหินมหึมาที่ถูกขว้างออกมาเป็นและตกลงด้านหลัง สั่นคลอนจิตใจของเหล่าทหารเป่ยตี๋อย่างรุนแรง พวกเขาไม่เคยเผชิญกับการรบดุเดือดรุนแรงเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
พึงรู้ไว้ว่า ผู้ที่ถูกก้อนหินมหึมาตกทับ หรือถูกลูกธนูยักษ์จากหน้าไม้ยักษ์ ล้วนไม่ดเหลือแม้แต่ซาก มีแต่เศษชิ้นส่วนแขนขาที่กระเด็นไปทั่ว
ทหารเป่ยตี๋เบียดเสียดกันอยู่ใต้กำแพงเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ทหารฝ่ายป้องกันบนกำแพงเพียงแค่ต้องยิงธนูและโยนท่อนไม้กับก้อนหินลงมาอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ทหารเป่ยตี๋บาดเจ็บล้มตายไปมาก
กระทั่วพลธนูเดินเท้าเป่ยตี๋เคลื่อนเข้ามาในระยะหนึ่งร้อยก้าว ภายใต้การป้องกันของโล่ใหญ่ พลธนูนับพันนายเริ่มยิงธนูพุ่งเข้าไปในเมือง
ทันใด ก้อนหินมหึมาก็ถูกขว้างออกมาจากในเมือง ตกลงที่ตำแหน่งสามสิบก้าวด้านหลังของกองทหารพลธนู เหล่าพลธนูตกใจ แต่ยังคงรักษาสติได้ เริ่มยิงธนูเป็นจังหวะ
ไม่นาน หินขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากในเมืองอีกรอบ คราวนี้ตกลงในตำแหน่งที่ห่างจากด้านหลังของพลธนูไม่ถึงสิบก้าว!
เหล่าทหารพลธนูตกตะลึง เสียงร้องตกใจดังไม่ขาดสาย
“ทหารป้องกันฝ่ายศัตรูกำลังปรับเปลี่ยนเครื่องยิงหิน!”
“เร็ว! รีบเคลื่อนย้ายแนวรบ!”
พลธนูนับพันคนเริ่มเคลื่อนไปทางขวา และพื่อป้องกันไม่ให้แตกขบวนทัพต้องใช้วิธีเคลื่อนที่แบบขนาน
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าฉินเฟิงที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองจับจ้องอยู่
แทบจะในทันทีที่กองทัพพลธนูเป่ยตี๋หยุดลง ฉินเฟิงก็ส่งคำสั่งลงไป
“กองทัพพลธนูเดินเท้าของข้าศึกเคลื่อนไปทางตะวันออกเจ็ดสิบก้าว!”
“เครื่องยิงหินถอยหลังยี่สิบก้าว”
ทหารส่งสารวิ่งลงจากกำแพงเมืองอย่างรวดเร็วเพื่อแจ้งทหารที่ควบคุมเครื่องยิงหิน ขณะนี้แม้แต่ช่างฝีมือที่ติดตามกองทัพก็ขึ้นสนามรบด้วย พวกเขารับผิดชอบการใช้งานเครื่องยิงหิน พอได้รับคำสั่ง ช่างฝีมือที่ติดตามกองทัพมาก็ให้ชายฉกรรจ์และทหารเคลื่อนย้ายเครื่องยิงหิน เริ่มจากเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกเจ็ดสิบก้าว แล้วเคลื่อนไปทางทิศเหนืออีกยี่สิบก้าว
ภายใต้สภาวะที่แรงตึงของเชือกไม่เปลี่ยนแปลงและน้ำหนักของหินใกล้เคียงกัน
เมื่อหินขนาดมหึมาถูกยิงข้ามกำแพงเมืองอีกครั้ง วาดเส้นโค้งอันสมบูรณ์แบบในอากาศก่อนจะตกลง พุ่งเข้าใส่กองทัพพลธนูของข้าศึกพอดี ทำให้ทหารสิบกว่านายถูกบดขยี้เป็นโคลนเลือด พลธนูโดยรอบตกใจจนหน้าซีด แตกทัพไปคนละทิศละทาง
เมื่อถูกคุกคามจากเครื่องยิงหิน พลธนูของข้าศึกไม่อาจจัดขบวนทัพแน่นหนาได้จึงไม่อาจยิงธนูหนาแน่นได้อีก
การแตกทัพของพลธนูกองทัพใหญ่เป่ยตี๋ ทำให้ทหารต่างคนต่างยิงธนู ผลลัพธ์ที่ได้เลยจำกัดอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน หน้าไม้ใหญ่สองตัวบนกำแพงเมืองกำลังยิงลูกธนูหนักไปยังตำแหน่งที่ข้าศึกหนาแน่นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเผชิญหน้ากับลูกธนูหนักที่ทรงพลัง ทั้งโล่และเกราะกลายเป็นเพียงของประดับไร้ประโยชน์
แม้กองทัพเป่ยตี๋จะสามารถรุกคืบมาถึงกำแพงเมืองได้ แต่กองทัพทั้งหมดถูกรบกวนจนยุ่งเหยิงด้วยเครื่องยิงหินและหน้าไม้ยักษ์ กองทัพเป่ยตี๋จึงไม่สามารถทำการโจมตีเป็นจังหวะพร้อมเพรียงและหนาแน่นได้เลย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ