บทที่ 966 การประจันหน้าและการด่าทอ
พอฉินเฟิงตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเที่ยงของวันถัดมา บนเตียงยังคงมีกลิ่นหอมหลงเหลืออยู่เล็กน้อย แต่เสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิงหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว
“น่าเสียดายจริง ๆ ในที่สุดก็มีเวลาว่าง แต่กลับหลับไปเสียได้ ช่างสิ้นเปลืองโอกาสเสียจริง!”
ฉินเฟิงด่าตัวเองว่าไม่เอาไหน พลางลุกนั่งยืดเส้นยืดสาย นอนหลับสบายเหลือเกิน ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันหายเป็นปลิดทิ้ง
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลังเดินออกจากประตูห้อง เขาก็เห็นว่าลานบ้านว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของหญิงสาวทั้งสี่คนเลย
“แปลก เช้าแบบนี้ พวกนางหายไปที่ใดกันหมด?” ฉินเฟิงเดินออกไป ผลคือเพิ่งเดินเข้ามายังห้องโถงของศาลาว่าการอำเภอก็เห็นหญิงสาวทั้งสี่คนกำลังชะเง้อไปทางประตู
“พวกเจ้ามายืนเบียดเสียดทำสิ่งใดกันอยู่ตรงนี้?” ฉินเฟิงถามออกไปโดยไม่ทันคิด
หญิงสาวทั้งสี่คนมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา
เสี่ยวเซียงเซียงรีบวิ่งเข้ามาหาฉินเฟิง กอดแขนเขาแน่น แล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “คุณชาย ท่านตื่นแล้ว”
“คิก ๆๆ ท่านรีบมาดูเถิด ข้างนอกกำลังสนุกเชียว ทุกคนกำลังเลือกตัวแทนกันอยู่”
เลือกตัวแทน?
ฉินเฟิงสงสัย เลยเดินออกจากประตูใหญ่ตามเสี่ยวเซียงเซียงมา
ตอนนี้บนถนนมีคนรวมตัวกันอยู่หลายสิบคน ทั้งชาวบ้านในท้องถิ่นและทหารพลาธิการ
ทุกคนกำลังถกเถียงกันจนหน้าแดงหูแดง
“ให้ข้าไปเถิด! ข้าอยู่ในเมืองมานาน เบื่อจนอยากจะบ้า พอดีมีโอกาสได้ออกไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”
“พวกเจ้าชาวบ้านอย่ามายุ่งวุ่นวายเลย!” ทหารเป่ยซีคนหนึ่งยืนเท้าสะเอวพลางตะโกนอย่างเย่อหยิ่ง
ชาวบ้านรอบ ๆ ไม่พอใจ แย่งกันโต้เถียงดุเดือด
“ทำไมเป็นเช่นนี้ได้?”
“ฮ่า ๆ ท่านหนิงเชียนฮู่บอกว่า ผู้ใดสามารถด่าจนแม่ทัพนอกเมืองถอยไปได้จะได้รับเงินยี่สิบตำลึง นับเป็นโอกาสดีที่ตกลงมาจากสวรรค์ทีเดียว”
“พูดถึงเรื่องการด่าคน ในเมืองฉางสุ่ยนี้ ข้าขอยกให้ตัวเองเป็นอันดับสอง และไม่มีผู้ใดกล้าอ้างตัวเป็นที่หนึ่งแล้ว”
“ผู้ใดก็ด่าบรรพบุรุษเป็นทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือ เจ้าต้องด่าให้ถูกจุดอ่อนของอีกฝ่ายต่างหาก”
“ฮ่า ๆๆ เพียงแค่ด่าคำหยาบไม่กี่คำก็สามารถหาเงินได้ยี่สิบตำลึง ใต้หล้านี้ยังมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน ฉินเฟิงสนใจขึ้นมา โดยไม่ต้องคิดก็รู้ ศัตรูเห็นว่าการโจมตีเมืองไม่เป็นผลจึงเปลี่ยนจากการโจมตีหนักมาเป็นการล้อมเมืองแทน และเริ่มใช้กลยุทธ์รบกวนข้าศึก และหนึ่งในการรบกวนข้าศึกคงเป็นการด่ากระมัง
หนิงหู่เถียงไม่เก่ง เขาคงถูกด่าจนไม่กล้าเงยหน้า ถึงได้ต้องมาจ้างคนให้ออกไปด่าศัตรุกลับ
ฉินเฟิงชอบสอดรู้สอดเห็น เรื่องแบบนี้จะขาดเขาได้อย่างไร แต่เมื่อรู้สึกถึงสายตาไม่เป็นมิตรของเสิ่นชิงฉือกับหลี่เซียวหลาน เขาก็ไม่กล้าไปอย่างโจ่งแจ้ง ได้แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ แล้วหันหลังเดินไปทางศาลาว่าการอำเภอ
“การด่าทอกันหรือ? ช่างน่าเบื่อ! ข้าจะกลับไปพักผ่อน รักษาบาดแผลแล้ว”
พอเห็นฉินเฟิงเชื่อฟัง เสิ่นชิงฉือกับหลี่เซียวหลานสบตากัน ไม่นึกสงสัยอะไร
ผลคือ ฉินเฟิงเพิ่งกลับถึงเรือนหลังก็ปีนกำแพงหนี รีบวิ่งไปยังกำแพงเมือง กำลังเตรียมปีนขึ้นไป แต่ถูกองครักษ์ค่ายเทียนจีหลายคนขวางไว้เสียก่อน ไม่ยอมให้เขาขึ้นไปได้ไม่ว่าอย่างไร
องครักษ์ค่ายเทียนจีคนหนึ่งพูดเสียงสั่นเครือ “ท่านโหวฉิน ท่านอย่าขึ้นไปเลย หากมีศัตรูฉวยโอกาสโจมตีโดยไม่คาดคิด แล้วท่านเกิดได้รับบาดเจ็บอีก พวกข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ