บทที่ 981 ผลลัพธ์กำหนดแล้ว ปราบปรามเป่ยตี๋
ตามหลักการแล้ว สองกองทัพทำศึกกันจะไม่สังหารทูตผู้มาเจรจา แต่เงื่อนไขคือกำลังรบของทั้งสองฝ่ายต้องสูสีกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความได้เปรียบอย่างเด็ดขาดย่อมถือสิทธิ์ในการควบคุมสถานการณ์โดยสมบูรณ์ ไม่ต้องพูดถึงแค่การกักตัวจางเฉา ต่อให้ฆ่าเขาทิ้งแล้วอย่างไร เป่ยตี๋จะทำอะไรได้? รวมกำลังทหารเข้าล้อมโจมตีฉางสุ่ยหรือ? ฉินเฟิงกลับยิ่งหวังให้เป่ยตี๋รุกโจมตีเสียอีก จะได้ตัดกำลังของพวกเป่ยตี๋ให้ยิ่งอ่อนแอลง
ตอนนี้เป่ยตี๋มีจุดอ่อนสามประการ ประการแรกคือ คลังหลวงร่อยหรอ เสบียงอาหารขาดแคลน ประการที่สอง หิมะตกหนักปิดเส้นทางลำเลียง ยากจะระดมพล ประการที่สาม ความวุ่นวายในราชสำนักและความไม่มั่นคงของราษฎร
สองประการแรกเป็นกุญแจสำคัญในการทำศึก ส่วนประการที่สาม คือ ฟางเส้นสุดท้ายที่จะทำให้อูฐล้ม
หน่วยนกฮูกราตรีก่อกบฏ เหล่าขุนนางมีแผนการของตน ราชสำนักแตกความสามัคคี การทำสงครามจิตวิทยาจึงมีอานุภาพร้ายแรงยิ่งกว่าการยกทัพทำศึกโดยตรง
ต่อให้ต้องตายฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ไม่ยอมสละบัลลังก์ ฉินเฟิงก็จะใช้ทุกวิถีทางทำลายขวัญกำลังใจเป่ยตี๋จนฮ่องเต้เป่ยตี๋ต้องยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพัง!
ตอนนี้ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้ว สิ่งที่ฉินเฟิงยังกลัวไม่ใช่เฉินซือ แต่เป็นกองพลพญาอินทรี
ตามเวลาที่คำนวณ กองพลพญาอินทรีน่าจะเดินทางกลับถึงเมืองหลวงแล้ว แม้จะไม่อาจเข้าร่วมการปิดล้อมได้โดยตรง แต่ย่อมเป็นหนึ่งในหมากสำคัญที่ฮ่องเต้เป่ยตี๋ใช้รักษาเสถียรภาพ หากส่งไปยังเอ้อโจว ให้อยู่ในการบังคับบัญชาของเฉินซือย่อมส่งผลกระทบต่อสงครามแดนใต้ของเป่ยตี๋
น่าเสียดายที่เขาฉินเฟิงติดอยู่ที่ฉางสุ่ย ไม่อาจติดต่อกับโลกภายนอก หาไม่เขาจะให้องครักษ์เสื้อแพรสืบข่าวของกองพลพญาอินทรี และหาทางกำจัดทิ้งเสีย
ทว่าต่อให้เป็นฉินเฟิงก็ไม่อาจคาดการณ์ทุกสิ่งได้ เช่นเดียวกับที่เขาไม่ได้คิดว่าหลี่เซียวหลานจะตั้งครรภ์เร็วเช่นนี้
คืนนั้นฉินเฟิงเรียกหนิงหู่และเหล่าแม่ทัพพร้อมกับทหารอีกสามร้อยคนจัดงานเลี้ยงฉลองที่ศาลาว่าการอำเภอ สุรากบั่นที่เตรียมไว้บังหน้าถูกยกออกมา เหล่าทหารดื่มกินสนุกสนาน กระทั่งหลับไป
ในฐานะผู้นำฉินเฟิงย่อมไม่อาจดื่นจนคอพับ แม้ปลื้มปีติเพียงใดก็ทำได้แค่จิบสุราเล็กน้อยพอเป็นพิธี
ฉินเฟิงสั่งให้เหล่าทหารผลัดเปลี่ยนกันเฉลิมฉลองวันละสามร้อยคน ห้ามไม่ให้ทั้งเมืองร่วมสนุกจนลืมเฝ้าระวังสถานการณ์ ทหารที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองต้องอยู่ครบทุกคน ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว เพราะรอบเมืองฉางสุ่ยยังคงมีกองทัพศัตรูตั้งค่าย หากมีหน่วยลาดตระเวนข้าศึกได้ยินเสียงหัวเราะรื่นเริงในเมืองแล้วฉวยโอกาสโจมตีจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
หลายวันต่อมา ฉินเฟิงร่วมดื่มกินกับเหล่าทหารอย่างรื่นเริง แต่ก็มีสติอยู่เสมอ พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นทุกเมื่อ
ส่วนเรือนพักจางเฉา จางเฉาได้ยินเสียงงานรื่นเริงจากภายนอกมาหลายวันก็อดถอนหายใจไม่ได้
“เมืองนี้ถูกปิดล้อมมาเกือบสองเดือนแต่ยังดื่มกินรื่นเริงได้แสดงว่าเสบียงในเมืองอุดมสมบูรณ์ ต่อให้รบยืดเยื้อหลายเดือนก็ไม่มีปัญหา”
“กลับกัน เป่ยตี๋ที่ต้องรับมือกับการโจมตีหนักทางใต้จะต้านทานได้นานเพียงใดก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้”
เมื่อนึกถึงเงื่อนไขที่ฉินเฟิงยื่นมา จางเฉาถอนหายใจอีกครั้ง เงื่อนไขของเขาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจยอมรับได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนแล้ว แม้ไม่ยอมรับ ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน
หากข้าศึกตีฝ่าแนวป้องกันที่เอ้อโจวได้ ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ต้องออกจากเมืองหลวง หนีขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ ส่วนพรรคสนับสนุนฮ่องเต้นอกอำนาจและองค์หญิงอวี้ซูก็คงฉวยโอกาสเข้ายึดครองอำนาจในเมืองหลวง ถึงเวลานั้นจะยังมีผู้ใดจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เป่ยตี๋อีกหรือ?
จางเฉาคร่ำครวญในใจ ตอนรู้ว่าหลู่หลีมีแค้นเลือดกับฉินเฟิงพวกเขาน่าจะระวังหลู่หลีไว้ ไม่ควรตามใจ ไม่สิ! ตอนนั้นไม่ควรให้ฉินเฟิงมาเจรจาสันติภาพที่เป่ยตี๋ กระทั่ง…ไม่ควรส่งกองทัพไปตีแคว้นต้าเหลียงตั้งแต่แรก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ