บทที่ 986 พบองค์หญิงจิ่งฉืออีกครั้งบนสนามรบ
ฉินเฟิงเดินเข้าไปดึงหนิงหู่ลงจากตำแหน่งเก้าอี้นายอำเภอ แล้วลากเขาออกไปนอกศาลาว่าการ ก่อนจะกระซิบเสียงต่ำ “องค์หญิงจิ่งฉือมาทำไม?”
พอเห็นฉินเฟิงเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ หนิงหู่นึกสะใจเป็นที่สุด “ฮ่า ๆ ข้าจะรู้ได้อย่างไร? แต่พูดก็พูดเถอะ พี่ฉิน เจ้าที่ไม่เคยกลัวฟ้าเกรงดิน ไยพอพูดถึงสตรีในบ้านถึงได้ขนาดเพียงนี้?”
เผชิญหน้ากับการเย้าแหย่ไม่เลิกของหนิงหู่ ฉินเฟิงไม่พูดมาก กำหมัดชกเข้าที่อกของเขาไปหนึ่งที แล้วกล่าวว่า “นี่เรียกว่าลูกผู้ชายตัวจริง อย่างเจ้าจะเข้าใจอะไรเล่า! จะว่าไป องค์หญิงจิ่งฉือมาฉางสุ่ยกะทันหันในช่วงเวลาสำคัญของสงครามจะเป็นเพราะจางเฉาหรือไม่? หรือฮ่องเต้เป่ยตี๋ยังไม่ยอมแพ้ อยากใช้องค์หญิงจิ่งฉือมาโน้มน้าวข้า?”
หนิงหู่ยักไหล่ “เจ้าไม่รู้ แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ข้าก็แค่ทหารคนหนึ่งเท่านั้น”
ฉินเฟิงไม่สนใจคำพูดเพ้อเจ้อของหนิงหู่ เขาเดินไปทางประตูศาลาว่าการพลางครุ่นคิด ตามการคาดการณ์ของฉินเฟิง หากฮ่องเต้เป่ยตี๋ตั้งใจจะช่วยเหลือจางเฉาก็ไม่จำเป็นต้องส่งองค์หญิงจิ่งฉือเข้ามาในถ้ำเสือ
อย่างไรนางก็เป็นถึงองค์หญิงเป่ยตี๋ หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน มิใช่จะเสียทั้งสองฝ่ายหรอกหรือ?
แต่หากฮ่องเต้เป่ยตี๋ต้องการใช้องค์หญิงจิ่งฉือมาโน้มน้าวเขาให้ยุติสงครามฤดูหนาว ก็นับว่าฮ่องเต้เป่ยตี๋ประเมินฉินเฟิงต่ำเกินไป กลอุบายหญิงงามไม่มีผลใด ๆ ต่อเขาแม้แต่น้อย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชมชอบหญิงงามหรือองค์หญิงจิ่งฉือไม่งาม แต่เพราะเขาอยู่ร่วมกับสตรีห้าคนและสาวใช้สองคนมาตลอด อีกทั้งสตรีรอบกายเหล่านี้ยังงดงามนัก ทำให้ฉินเฟิงมีภูมิต้านทานได้เห็นได้ชิมมาหมดแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะเสียสติเพราะหญิงงาม
สงครามฤดูหนาวสำคัญอย่างยิ่ง ต่อให้ฉินเฟิงจะโง่เขลาก็ไม่มีทางละเลยภาพรวม ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ย่อมต้องทราบดีว่าสตรีคนหนึ่งไร้ความหมายสำหรับฉินเฟิง แต่ก็ยังส่งองค์หญิงจิ่งฉือมา ย่อมซ่อนเร้นแผนร้ายไว้
ทว่าฉางสุ่ยถูกทหารม้าเบาเป่ยตี๋ปิดล้อม ขาดการติดต่อกับโลกภายนอก ฉินเฟิงไม่รู้ความเคลื่อนไหวทางการทหารทางใต้ของเป่ยตี๋เลย หมายความว่า เขาไม่มีเบาะแสใด ๆ เกี่ยวกับแรงจูงใจของฮ่องเต้เป่ยตี๋
แต่เมื่อจิ่งฉือมาแล้วก็ต้องรับมือตามสถานการณ์ แม้ฉินเฟิงจะไม่เก่งกาจ ก็ไม่ถึงกับต้องถอยหนีเพราะสตรีนางหนึ่ง
เขาขึ้นไปบนกำแพงเมือง ไม่ได้รีบออกหน้า แต่ให้หนิงหู่เป็นตัวแทนสื่อสารกับองค์หญิงจิ่งฉือ ส่วนเขาก็ฟังอยู่เงียบ ๆ
เชิงกำแพงเมืองมีกองกำลังห้าสิบคนรวมตัวกันอยู่ นอกจากกรรมกรและคนขับเกวียนม้าขนส่งของกำนัล คนที่เหลือคือทหารองครักษ์คุ้มกันองค์หญิงจิ่งฉือ รถม้าโดดเดี่ยวหยุดอยู่ใกล้กำแพงเมือง ฉีย่ายืนเงยหน้ามองความเคลื่อนไหวบนกำแพงเมือง
พอนางเห็นหนิงหู่ หัวใจของฉีย่าพลันบีบรัด ทว่ายังต้องแสร้งทำเป็นสงบ ก่อนจะกล่าวว่า “หนิงเชียนฮู่ ไม่ได้เจอกันนานท่านยังสบายดีหรือไม่?”
หนิงหู่พยายามแสดงท่าทีไม่ใส่ใจ น่าเสียดายที่ฝีมือการแสดงของเขาย่ำแย่ ฉินเฟิงมองออกทันทีว่าหนิงหู่หวั่นไหวกับฉีย่า
“อะแฮ่ม ๆ ฉีย่า เจ้าเป็นนางกำนัลขององค์หญิงเป่ยตี๋ ข้าเป็นแม่ทัพภายใต้การบังคับบัญชาของโหวฉิน แท้จริงแล้วพวกเราเป็นเหมือนน้ำกับไฟไม่อาจอยู่ร่วม เจ้าจะมาแสร้งทำเป็นสนทนาทักทายไปไย? เจ้ามีธุระใดจะพูดก็พูดมา”
เผชิญหน้ากับความไร้เยื่อใยของหนิงหู่ ฉีย่าไม่ได้แสดงออกว่าผิดหวัง ด้วยเหตุที่ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่คนละฝั่ง ศัตรูที่พบกันในสนามรบ แค่ไม่ได้โกรธแค้นกันก็นับว่ายากแล้ว จะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดให้กล่าวถึงอีก?
ฉีย่าสูดหายใจลึก แล้วเอ่ยเสียงอ่อนหวาน “การทำสงครามเป็นหน้าที่ของทหาร องค์หญิงของข้าเสด็จมาฉางสุ่ยวันนี้ก็เพื่อเยี่ยมเยียนโหวฉินด้วยสายสัมพันธ์ส่วนตัวในอดีต”
“ไม่ทราบว่าโหวฉินจะกรุณาให้เกียรติพบหน้าสักครั้งได้หรือไม่?”
ได้ยินแบบนี้ หนิงหู่ตวาด “สายสัมพันธ์ส่วนตัว? โหวฉินกับองค์หญิงของเจ้ามีสายสัมพันธ์ส่วนตัวอันใดกัน?!”
“ที่นี่คือสนามรบ เป็นสถานที่เป็นตาย ใช่สนามเด็กเล่นที่พวกเจ้าจะมาวิ่งเล่นสบายใจหรือ?”
“หากไม่มีเรื่องสำคัญใดก็กลับไปเสียเถิด!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ