เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 995

บทที่ 995 เจอพญายมยังจัดการง่ายกว่าผีรับใช้

ชายแซ่หวังกอดอก มองสำรวจฉินเฟิงขึ้นลง สายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน

“พูดมากมายไปก็ไร้ประโยชน์ จัดการไม่ได้ก็คือจัดการไม่ได้”

“คนตระกูลโจวที่แจกจ่ายเสบียง ตอนแรกเป็นผู้นำพาชายฉกรรจ์จากในเมืองไปเข้าร่วมกับท่านโหวฉินจนได้รับความไว้วางใจ ในฐานะผู้มีความดีความชอบ ถ้าจะยักยอกเสบียงบ้าง เอนเอียงไปทางตระกูลโจวบ้าง ต่อให้ร้องเรียนไปถึงท่านโหวฉิน เพื่อรักษาความสงบ เขาก็คงจะทำเป็นมองไม่เห็น”

“ฉางสุ่ยก็ไม่ได้ใหญ่โต อีกทั้งผ่านมานานแล้วตั้งแต่สงครามครั้งล่าสุด ถึงท่านโหวฉินจะปิดหูหลับตาก็น่าจะได้ยินเสียงร้องทุกข์ของราษฎรบ้างแล้ว”

“ข้าว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าท่านโหวฉินจัดการไม่ได้ แต่ไม่อยากจัดการต่างหาก”

“พวกข้าเป็นเพียงสามัญชนจะมีค่าเทียบเท่าพวกข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์เหล่านั้นได้อย่างไร?”

ได้ยินคำพูดของนายหวัง ความโกรธในใจของฉินเฟิงลดลงไปกว่าครึ่ง เหมือนว่าชาวเมืองจะมีความแค้นเคืองอยู่ลึก ๆ

หากเกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนก็มีโอกาสสูงที่จะนำไปสู่ปัญหาที่คาดไม่ถึง

ฉินเฟิงให้ความสำคัญกับการปะทะที่ไม่คาดคิดนี้มากขึ้น เขาจ้องมองชายแซ่หวัง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องเหล่านี้เจ้าได้เห็นกับตาตัวเองหรือเพียงได้ยินมาจากคนอื่น?”

นายหวังตอบโดยไม่ต้องคิด “เรื่องแบบนี้ต้องเห็นด้วยหรือ ชาวเมืองทุกคนต่างก็พูดเช่นนี้”

ได้ยินแบบนี้ ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เขากล่าวว่า “หมายความว่า เจ้าไม่มีหลักฐาน ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของเจ้า?”

เผชิญกับน้ำเสียงที่เด็ดขาดขึ้นเรื่อย ๆ ของ ฉินเฟิง ท่าทีของชายแซ่หวังก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

แต่เมื่อได้ก้าวออกมาแล้วเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว อย่างมากก็แค่ตาย!

เพื่อต่อรองให้ได้เสบียงเพียงพอสำหรับคนตระกูลหวัง นายหวังจึงกล่าวเสียงทุ้มว่า “แม้ว่าตั้งแต่ท่านโหวฉินมาถึงฉางสุ่ยจะปฏิบัติต่อชาวบ้านในท้องถิ่นด้วยความเมตตา ช่วยร้องทุกข์ให้ชาวบ้านหลายครั้ง แน่นอนว่าพวกข้าจดจำบุญคุณใส่ใจไว้ทั้งหมดแล้ว”

“แต่ผู้ที่มีสติดีย่อมเข้าใจ ชาวฉางสุ่ยมีนับพันคน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะได้ติดตามโหวฉินไปยังแคว้นต้าเหลียงทั้งหมด?”

“หากจะต้องพาไปเขาก็คงพาไปเฉพาะคนหนุ่มสาวที่แข็งแรง ส่วนคนแก่ คนอ่อนแอ คนป่วย และคนพิการ ก็ทำได้แค่ภาวนา พึ่งพาวาสนา่แล้ว” นายหวังถอนหายใจยาว แล้วกล่าวต่อ “ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้า เสบียงที่แจกจ่ายมาช่วงนี้พวกข้าไม่กล้ากินด้วยซ้ำ ได้แต่เก็บสะสมไว้ในบ้าน สำรองไว้ใช้ตอนหนีลี้ภัยวันข้างหน้า”

ได้ยินแบบนี้ ความโกรธในใจของฉินเฟิงสงบลงอย่างสิ้นเชิง เขาถอนหายใจเบา ๆ

ฉินเฟิงคิดในแง่ดีเกินไป เขามองข้ามเรื่องเล็กน้อยไป ลืมไปว่าชาวบ้านที่ถูกตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกยากที่จะรับรู้ข่าวสารรู้ก็แต่เรื่องรอบตัว ถึงอย่างนั้นฉินเฟิงที่อาศัยอยู่ในฉางสุ่ยมาพักใหญ่ก็ยังมีชาวบ้านฉางสุ่ยมากกว่าแปดส่วนที่ไม่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร

ความกังวลในใจของชาวบ้านไม่ได้ไร้เหตุผล จู่ ๆ พวกเขาถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องในสงคราม ชะตากรรมที่รอพวกเขาอยู่ ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏและถูกประหารล้างตระกูล ก็ต้องหนีลี้ภัย ส่วนเรื่องการไปใช้ชีวิตที่ดีที่อำเภอเป่ยซี ชาวบ้านธรรมดาไม่กล้าคิด

ฉินเฟิงก็เข้าใจดี การย้ายประชาชนทั้งเมืองฉางสุ่ยจะต้องใช้เงินไม่น้อย แต่ประชาชนเหล่านี้ก็ช่วยเขาป้องกันเมือง เขาย่อมไม่อาจทำเรื่องอกตัญญูอย่างกระต่ายตายแล้วฆ่าสุนัขล่าเนื้อเด็ดขาด

สิ่งที่ชาวฉางสุ่ยยังไม่รับคือคำมั่นสัญญา

หากไม่สามารถได้รับความไว้วางใจจากพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ความขัดแย้งเช่นวันนี้ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการป้องกันเมืองและสถานการณ์โดยรวมแน่

ฉินเฟิงจ้องมองชายแซ่หวัง แล้วกล่าวเสียงทุ้มว่า “พลาธิการเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและบิดเบือนกฎหมายเพื่อเอาเปรียบเด็ดขาด!”

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ