บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย นิยาย บท 239

"เจ้านาย นามสกุลของคุณไม่ใช่สจ๊วตหรอคะ?" โจโจ้ไล่ตามเธอและถามคำถามอย่างระมัดระวัง "ทำไมพวกเขาถึงเรียกคุณว่า เจน ดันน์ หรอคะ?"

เมื่อถึงประตูห้องของเธอ ผู้หญิงคนนั้นก็หยุดและมองไปที่โจโจ้ มีความกลัวในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้าเธอ เธอสังเกตการจ้องมองของหญิงสาวตรงหน้า และตระหนักว่าหญิงสาวได้ละทิ้งความไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ ที่เธอเคยมีก่อนหน้านี้ต่อหน้าของเธอไปแล้ว ในตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัว

“นี่เธอกลัวฉันหรอ โจโจ้?” เจนไม่ตอบคำถาม แต่ถามคำถามกลับไปแทน

ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของหญิงสาวตรงหน้าเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศ ความลำบากใจบนใบหน้าของเธอเห็นได้ชัดในแวบเดียว “ไม่ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ เจ้านาย ฉันจะกลัวคุณได้อย่างไรกัน จริงไหม? คุณเป็นคนที่ดีที่สุดที่นี่เลยนะ เจ้านาย”

มือที่เย็นเฉียบสัมผัสใบหน้าของโจโจ้ หญิงสาวตัวสั่นเทาและยกเปลือกตาขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อจ้องมองเจ้านายของเธอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอได้พบคือดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก มันดูลึกล้ำและดูสับสนทำอะไรไม่ถูก “เจ้านาย…”

“จนถึงทุกวันนี้ ฉันยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชื่ออะไรกันแน่”

“ตอนที่ฉันเกิดมา คุณปู่ของฉันตั้งชื่อฉันว่า เจน ดันน์ เพราะนามสกุลของเขาคือดันน์ และพ่อของฉันก็เช่นกัน ฉันเป็นลูกสาวของตระกูลดันน์ มีชื่อว่า เจน ดันน์

“หลังจากคุณปู่ของฉันท่านจากไป ฉันก็ทำให้ใครบางคนขุ่นเคือง คนที่ฉันไม่ควรทำให้เขาขุ่นเคืองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตระกูลดันน์ได้ปฏิเสธบุคคลที่ถูกเรียกว่า เจน ดันน์ คนนี้

“หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ตั้งนามสกุลให้ฉันว่า "สจ๊วต" พวกเขาบอกว่าฉันชื่อ เจน สจ๊วต ตั้งแต่นี้ไป

“ฉันไม่รู้ ว่าตัวเองชื่ออะไร แต่ฉันรู้สึกสบายใจมากขึ้น เมื่อคุณเรียกฉันว่า ‘เจ้านาย’”

เธอใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของโจโจ้ “ทำไมคุณถึงร้องไห้หรอ? ขี้แยจังเลยนะ” หลังจากพูดเรื่องนี้ เธอก็เดินเข้าไปในห้องนอนของเธอเอง จากนั้นเธอก็หันกลับมา และโบกมือให้โจโจ้พรางพูดว่า “เข้ามาสิ โจโจ้”

หลังจากนั้นเธอก้ไขตู้เซฟตรงมุมห้อง และหยิบแฟ้มออกมาอย่างระมัดระวัง “เธอเคยวาดฝันเกี่ยวกับอะไรบ้างไหม โจโจ้? นั่งลงสิ"

เมื่อเธอเชิญให้โจโจ้นั่งลง เธอเองก็เดินไปนั่งด้วยเช่นกัน เธอเปิดแฟ้มและกล่าวว่า “วันหนึ่ง ถ้าฉันจากโลกนี้ไป จงเอาสิ่งนี้ไปหาคุณเฟรดเดอริคแห่งบริษัท กฎหมายฮุ่ยเฉิง

“เมมโมรีโฮมสเตย์ สำคัญมาก ๆ สำหรับฉัน มันสำคัญกว่าชีวิตของฉันเองเสียอีก เมื่อฉันไม่อยู่แล้ว เธอจะร้องไห้บ่อย ๆ แบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วนะ เธอจะต้องจัดการโฮมสเตย์นี้แทนฉัน”

ไม่ว่าโจโจ้จะไร้เดียงสาแค่ไหน เธอก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เอ่อ…คุณกำลังจะจากไปหรือ เจ้านาย?” ทำไมดูเหมือนกับว่าคุณกำลังจะทำพินัยกรรม?

‘บ้าน่า! นั่นมันเป็นเรื่องไร้สาระ เจ้านายจะต้องมีชีวิตอยู่จนถึงวัยแก่ชรา แน่นอน! ’ โจโจ้นึกในใจ

หญิงสาวลุกขึ้นยืน “ฉันจะพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง ตามมาสิ” เธอไม่ได้ให้คำตอบใด ๆ แก่โจโจ้ แต่หยิบแฟ้มแล้วเดินออกไปที่ประตูแทน

“คุณจะไปที่ไหนคะ เจ้านาย?”

ผู้หญิงตรงหน้ากำลังเดินด้วยฝีเท้าที่เร่งรีบ และเซเล็กน้อย โจโจ้บ่น “เจ้านาย ขาของคุณไม่ค่อยดี เดินช้าลง เดินช้าลงหน่อยค่ะ”

เธอเดินตามเจ้านายของเธอไป ในที่สุดโจโจ้ก็ยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งในมุมที่ห่างไกลที่สุดของโฮมสเตย์

“เจ้านาย คุณขอให้เราอยู่ห่าง ๆ จากห้องนี้เสมอไม่ใช่หรือ?”

ผู้หญิงคนนั้นไม่สนใจเธอ เธอบิดกุญแจและประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงดังเอี๊ยด หลังจากผลักประตูเปิดเข้าไป ก็มีแสงสลัว ๆ เข้ามาภายในห้อง ด้วยการกดสวิตช์ไฟห้องนี้ก็สว่างขึ้นในทันที

โจโจ้พูดพร้อมกับอ้าปากค้าง “ภาพนี้เหมือนของผู้ตาย…”

“อย่ากลัวไปเลย โจโจ้”

“นี่คือลูก้า เธอเป็นผู้หญิงที่ใจดีมาก ๆ เช่นเดียวกับเธอเลย”

ผู้หญิงคนนั้นก้าวไปข้างหน้าเพื่อจุดไฟและเครื่องหอมในขณะที่พูดว่า “ลูก้าเป็นคนจิตใจดีจริง ๆ เธอยอมสละตัวเองเพื่อช่วยฉัน”

“ลูก้าหายใจเฮือกสุดท้าย เมื่อเธอนอนอยู่บนต้นขาของฉันเอง”

“ก่อนที่เธอจะหายใจเฮือกสุดท้าย เธอยังคงบอกฉันเกี่ยวกับการที่เธอโหยหาและความปราถนาของเธอบนโลกใบนี้”

“เธอบอกฉันว่า เธอรักภูมิทัศน์ของเอ๋อไห่ และภูเขามังกรหยกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ๆ จากริมทะเลสาบเอ๋อไห่”

“เธออยากจะเปิดโฮมสเตย์ที่ริมทะเลสาบเอ๋อไห่นี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องใหญ่มาก แต่เธอต้องการความเป็นอิสระจากข้อพิพาททางโลกและอยู่อย่างสันติสงบที่นี่

“เธอจากไปแล้ว เธอจากไปก่อนที่เธอจะตระหนักถึงความฝันของเธอ และยังไม่ได้ทำความฝันของเธอให้เป็นจริงเสียด้วยซ้ำ”

“เธอเสียสละตัวเอง เพื่อช่วยฉัน”

“ความปรารถนาของเธอ ก็คือความปรารถนาของฉันด้วยเช่นกัน”

แม้ว่าภาพของผู้ตายจะดูน่าหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ความกลัวของโจโจ้ก็เริ่มจางหายไปทีละน้อย หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างสงบและเชื่องช้า เมื่อโจโจ้มองภาพของหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง ตอนนี้เธอดูใจดีและอบอุ่นมาก

“คุณเป็นเจ้านายที่ยอดเยี่ยม ลูก้าก็เป็นคนที่น่าทึ่งด้วยเช่นกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ผู้หญิงที่อยู่หน้าโต๊ะกระถางธูปก็หยุดชั่วคราวเป็นเวลาสามวินาที คนที่น่าทึ่ง ... เธอหัวเราะเบา ๆ “ลูก้า ผู้หญิงคนนี้บอกว่าคุณเป็นคนที่น่าทึ่ง ฉันเดาว่าโจโจ้จะเป็นคนเดียวที่ใช้คำว่า "น่าทึ่ง" เพื่อยกย่องใครบางคนในปัจจุบัน" มีเพียงเด็กสาวที่บริสุทธิ์ร้เดียงสาและเรียบง่ายอย่างโจโจ้เท่านั้นที่จะใช้คำเช่นนี้

“ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่าคะ เจ้านาย? ลูก้าปกป้องคุณ โดยธรรมชาติแล้วเธอเป็นคนที่น่าทึ่งมาก”

“ไม่หรอก เธอพูดถูกแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นทำเครื่องหอมบูชา และใช้มือปัดฝุ่นเบา ๆ เธอหันกลับมามองอย่างอบอุ่น “เธอพูดถูกจริงๆ ถ้าเป็นไปได้นะโจโจ้ ฉันหวังว่าเธอจะไม่มีวันเปลี่ยนความเป็นตัวเองในฐานะคน ๆ หนึ่ง

“ฉันชอบในแบบที่เธอเป็น”

เธอจริงจังกับเรื่องนี้มาก แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอดูงงงวย หญิงสาวคิดสักพักแล้วส่ายหัว ... ลืมไปจะดีที่สุด ถ้าเธอไม่เข้าใจ

ถ้าโจโจ้รู้ว่าเจนพยายามจะพูดอะไร เจนก็จะกลายเป็นคนที่ต้องเล่าเรื่องในอดีต ... นั่นไม่ดีแน่

เธอหยิบแฟ้มที่เธอวางไว้ก่อนหน้านี้ และส่งให้โจโจ้ “ฉันขอถามเธอหน่อยนะโจโจ้ เธอชอบ เมมโมรีโฮมสเตย์ไหม?”

"ใช่ ฉันชอบที่นี่มาก"

“สมมุติว่าถ้าฉันไม่อยู่ที่ เมมโมรีโฮมสเตย์ เป็นเวลานานสักพัก เธอจะสามารถจัดการโฮมสเตย์นี้ได้ดีหรือไม่?”

“ฉันคุ้นเคยกับขั้นตอนการเช็คอิน และเช็คเอาต์เป็นอย่างดี มีป้าจีนี่อยู่ในโรงอาหารคอยดูแลที่นั่น ป้าจูนทำความสะอาดห้องพัก ส่วนพี่คอร์ทนีย์จัดการดอกไม้และต้นไม้ในสวน ... เดี๋ยวก่อนนะ เจ้านาย วันนี้คุณทำตัวแปลก ๆ จริง ๆ นะ”

“ฟังฉันนะ โจโจ้ ถ้าฉันไม่อยู่อีกต่อไป ให้นำแฟ้มไปให้คุณเฟรดเดอริคที่บริษัท กฎหมายฮุ่ยเฉิง

"คุณเฟรดเดอริคจะแนะนำเธอ ตลอดขั้นตอนการรับมรดกของที่ดินทั้งหมดภายใต้ชื่อของฉัน โฮมสเตย์นี้รวมอยู่ด้วย และโอนความเป็นเจ้าของเป็นชื่อของเธอ”

“แต่โจโจ้ เธอต้องทำบางอย่างให้ฉันหลังจากที่เธอรับมรดกนี้”

“นั่นคือลูก้า ฉันต้องการให้คุณเผากระดาษธูปสำหรับลูก้าทุก ๆ เทศกาลเชงเม้ง และวันครบรอบการเสียชีวิตของเธอ อีกทั้งทำความสะอาดห้องในวันที่สิบห้าของทุก ๆ เดือน”

“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรหรอเจ้านาย?! มรดกหมายถึงอะไร?

“ทำไมคุณถึงให้มรดกของคุณกับฉันล่ะ เจ้านาย? ทำไมคุณถึงบอกฉันทั้งหมดนี้ เหมือนคุณกำลังทำพินัยกรรมอยู่!

“มันเป็นเพราะคนเลว ๆ ที่เราพบวันนี้ใช่ไหมคะ เจ้านาย?

“เป็นเพราะเขาใช่ไหมคะ?”

“คน ๆ นั้นพยายามจะทำร้ายคุณใช่ไหม?”

“ฉันไม่ต้องการ!”

“อย่าเพิ่งร้อนรนไป โจโจ้” เธอพยายามเกลี้ยกล่อมหญิงสาว แต่วันนี้เธอดื้อรั้นเป็นพิเศษ เธอทำได้แค่กอดแน่น ๆ “โจโจ้ ฉันจะอธิบายให้ฟังยังไงดี ถ้าเธอไม่สบายใจ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นในที่สุด โจโจ้ก็เลิกโวยวาย “โอเค ฉันจะไม่โกรธอีกต่อไป บอกฉันหน่อยเจ้านาย ทำไมคุณถึงทำพินัยกรรมในตอนนี้?”

“ประการแรก เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งที่จะต้องรับรองพินัยกรรมในเมืองอื่น ๆ”

“ดูสิ ฉันไม่มีครอบครัวอีกแล้ว ครอบครัวของฉันก็ปฏิเสธฉัน”

“เธออยู่เคียงข้างฉันมาตลอดสามปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกสบายใจที่จะปล่อยให้ความประสงค์ของฉันไว้กับเธอ”

“ประการที่สอง ฉันกำลังสังเกตเจตจำนงไม่ใช่เพราะฉันกำลังจะตาย เป็นเพียงข้อควรระวังในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ฉันสุขภาพไม่ค่อยดี จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันตายตั้งแต่ยังอายุน้อย? ถ้าเป็นเช่นนั้นเนื่องจากฉันไม่มีสมาชิกในครอบครัว แล้วฉันจะทิ้งมรดกให้ใคร เห็นได้ชัดว่าฉันต้องรับรองพินัยกรรมล่วงหน้าใช่ไหม?

“หรือเธอต้องการให้ฉันทิ้งมรดกให้กับสมาชิกในครอบครัวที่ปฏิเสธฉันดี?”

"จริง ๆ หรือ? นั่นคือสิ่งที่ชาวต่างชาติทั้งหมดทำหรือ? เพื่อความไม่ประมาท?”

"จริง ๆ หรือ ราวกับว่าเจ้านายของเธอทำใจและหวังว่าจะตายเร็ว ๆ นี้”

“เอาล่ะ”

หญิงสาวทำหน้ามุ่ยและยังไม่พอใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอก็หยุดสร้างความสับสนวุ่นวาย

หลังจากลูบหัวเธอ รอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของผู้หญิงคนนั้น… ‘มันง่ายแค่ไหน ที่จะหลอกผู้หญิงคนนี้ ฉันหวังว่าเธอจะได้พบกับคนที่เธอรัก และรักเธอเหมือนกันในอนาคต เพื่อที่พวกเขาจะได้มีชีวิตที่มีความสุขตลอดไปที่นี่ ’

ในรถที่กำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ฌอนได้สติอย่างช้า ๆ

“ในที่สุด นายก็ฟื้นเสียที นายทำให้ฉันกลัวแทบตาย!” ในที่สุดเรย์ก็เอ่ยขึ้นอย่างโล่งอก “ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรอ ว่าอย่าอวดดี นายไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ นับตั้งแต่มาถึงต้าหลี่ อีกอย่างตลอดสามปีที่ผ่านมา นายทำให้ตัวเองยุ่งมาก ทำงานหนักแถมตามหาเธออยู่ตลอดเวลา นายคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์เหล็กหรือไง?”

ฌอนยกมือขึ้นแตะผ้าก๊อซที่พันรอบศีรษะ และความคิดของเขาก็กระจ่างขึ้น เขาเปิดปากของเขา สิ่งที่เหลืออยู่ในน้ำเสียงของเขามีเพียงความหยาบกร้านในลำคอ “เขาทำแบบนี้กับฉันหรอ?”

แม้ว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นคำถาม แต่ฌอนก็ดูมั่นใจ

“นายจำได้แล้วใช่ไหม?”

“ฟื้นขึ้นมาก็นึกถึงแม่ยอดดวงใจของนายเลยหรอ? หึหึ เธอเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่านายทำหลุมพรางเสแสร้งทำเพื่อให้เธอสงสารและเห็นใจ เธอคิดว่านายกำลังหลอกล่อเธอและเป็นแผนของนายอีกครั้งแล้ว เหอะ”

ขณะที่เขาฟังคำพูดเหน็บแนมของเรย์ ชายคนนั้นก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกบางสิ่งบางอย่างเกาะกุม เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดที่เขาไม่รู้ว่ามาจากอาการปวดหัวหรือความเสียใจของเขา หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งเขาก็พูดขึ้นว่า “ฉันไม่โทษเธอหรอก”

เรย์ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “เฮ้ นายต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ นายตกอยู่ในอันตรายขนาดนั้น เธอไม่เพียงแต่แค่จ้องมองจากข้างสนามอย่างเย็นชา แต่เธอยังเหน็บแนมนายด้วยซ้ำ ที่แสร้งทำเป็นพูดออกไปเพียงเพื่อให้ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเธอ เธอบอกว่านายกำลังใช้กลเม็ดใหม่ ๆ อีกแล้วและนี่นายกำลังบอกฉันว่านายไม่โทษเธอ ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยหน่ะหรอ?

“ฉันคิดว่านายเพี้ยนไปแล้ว หลังจากเสียหลักล้มลงคราวนั้น”

"ฉันไม่ได้บ้า ฉันไม่เคยจะมีสติและตื่นตัวมากไปกว่าตอนนี้แล้ว”

“เรย์ ฉันใช้กลวิธีและกลยุทธ์มากมายกับเธอในอดีต ใคร ๆ ก็ตำหนิเธอที่ไม่เชื่อใจฉัน แต่ไม่ใช่ฉัน”

เมื่อเขาพูดคำเหล่านั้นออกมา ความขมขื่นและความยากลำบากใจของเขาก็ปรากฏชัดเจน “ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องการแก้แค้น แต่นายเห็นไหม การแก้แค้นมันอยู่ที่นี่แล้วต่อหน้าฉันและนาย”

“นายนี่…” เรย์โกรธมาก เขาตะคอก “โอเค แม้ว่านายจะพูดถูก แต่นายไม่คิดว่าอย่างน้อย ๆ นายก็ต้องอธิบายให้เธอเข้าใจ ว่าที่นายล้มลงไปไม่ใช่เพราะนายเสแสร้ง แต่เป็นเพราะนายใช้ร่างกายหนักมากเกินไป”

“นายบอกเธอทั้งหมดนี้หรอ?” ใบหน้าของฌอนซีดขาวราวกับความตาย เขากดริมฝีปากเพื่อมองไปที่เรย์ ซึ่งตอนนี้เรย์มีจุดมุ่งหมายและเจตนาที่จะทำให้เขาโกรธ “ใช่ ฉันบอกเธอแล้ว ฉันบอกเธอว่านายไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว เพราะนายเอาแต่ตามหาเธอ ฉันบอกเธอว่านายนอนไม่หลับทั้งคืน และกลายเป็นคนบ้างานตลอดสามปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เมื่อนายมีเวลานายก็จะตามหาเธอไปทั่วทุกที่ ร่างกายของนายเลยทรุดลงอย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นนายจะไม่ล้มลงง่าย ๆ ขนาดนี้และหัวฟาดพื้นหลังจากที่ ไอ้ไมเคิ ลลูเธอร์ นั่นผลักนายแค่เพียงเบา ๆ หรอก”

ตอนนี้ใบหน้าของฌอนดูอึ้งและน่าสังเวช เรย์เหลือบมองเขาและพูดอย่างไม่พอใจว่า “พอแล้ว อย่าทำหน้าแบบนั้นให้ฉันเห็นอีก ใบหน้าที่ราวกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา! ฉันไม่ได้บอกเธอ! ฉันแค่หลอกนายเล่น”

เขาเปลี่ยนเรื่อง “ศีรษะของนายได้รับบาดเจ็บ ฉันคิดว่าจะดีที่สุดที่เราจะไปโรงพยาบาลเป็นการด่วน”

“ไม่ต้องไปหรอกน่า ฉันสบายดี เลี้ยวกลับและขับรถกลับไปที่นั่น วันนี้ฉันจะต้องพาเธอกลับบ้านให้ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเรย์ก็ดูเคร่งเครียดทันที

“ฌอน ในหมู่พวกเรามีความเห็นตรงกันเสมอว่านาย ฌอน สจ๊วต จะเป็นคนแรกที่แบกโลกไว้ได้บนบ่าของนาย หากท้องฟ้าถล่มลงมา แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายตอนนี้สิ!

“พูดตามตรง แม้ว่า เจน ดันน์ จะเป็นผู้บริสุทธิ์และต้องทนทุกข์กับความยากลำบากมากมาย แม้ว่านายจะทำอะไรผิดพลาดอีกครั้งไม่ว่าเอลิออร์หรือฉันก็ตาม เราก็ยังคงเลือกที่จะยืนอยู่ข้าง ๆ นาย

“เรื่องระหว่างนายกับ เจน ดันน์ เราจะไม่ขัดขวางการเลือกนาย”

“อย่างไรก็ตามเพราะนายรัก เจน ดันน์ มากกว่ารักตัวเอง เอลิออร์และฉันจะเลือกเธอเพราะนายเลือกเธอแล้ว เราแบ่งปันความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในฐานะพี่น้องพ้องเพื่อน และการยอมรับของเราจะครอบคลุมถึงใครก็ตามที่นายเลือกแล้ว

“แต่ถ้าวันหนึ่ง นายต้องย่อยยับเพราะเธอ นายคิดว่าเอลิออร์หรือฉันจะปล่อยเธอไปไหม? นายต้องรู้ว่าเอลิออร์ นาย และฉันไม่ได้เป็นคนดีมาก่อน”

ชายคนนั้นเงียบไปชั่วขณะ ก่อนพูดเสียงเบา“ไปโรงพยาบาล”

ณ สนามบินลี่เจียง คุณหญิงดันน์ดูซีดเซียวมาก เธอเพิ่งลงจากเครื่องบินและเปิดโทรศัพท์มือถือ เมื่อเธอเห็นสายที่ไม่ได้รับมากกว่าสิบสองสาย เธอแตะข้อความและเห็นข้อความของลูกชายเธอ

คุณหญิงดันน์สแกนนิ้วมืออย่างเร่งด่วน บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือล้วนเป็นคำถามเดียวกัน ‘คุณแม่ มีหรือยัง? คุณแม่ได้พบกับน้องสาวผมหรือไม่?

คุณหญิงดันน์บีบโทรศัพท์ในมือแน่น

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอาการของลูกชายของเธอหรืออย่างอื่น ริ้วรอยค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาที่มุมดวงตาของคุณหญิงดันน์ เธอดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เปลือกตาที่หย่อนยานของเธอก็บวมและเริ่มมีริ้วรอย เธอหยิบแว่นกันแดดที่มีราคาหลายแสนเหรียญออกมาแล้วสวมมันเธอกลายเป็นหญิงสาวที่สง่างามและร่ำรวยอีกครั้งในทันที อย่างไรก็ตามภายใต้แว่นตากันแดดดวงตาของเธอนั้นมันได้เปลี่ยนเป็นสีแดง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย