สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลย
เทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์
ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอ
นอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลย
ไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอ
สำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกัน
ตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้น
คนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อ
เธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่าง
แม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เลย แต่เธอก็ยังคงมองออกไปที่สวน
มีเพียงท่อนไม้ และใบไม้สีเขียวที่ถูกแช่แข็งจากอากาศภายนอกเพียงเท่านั้น
นอกเหนือจากนั้นไม่มีใครที่เธอสามารถคุยด้วยได้…แม้แต่สัตว์ใด ๆ
จู่ ๆ ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอจำสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นเคยพูดก่อนหน้านี้ได้ เขาบอกว่าเวลาที่เหงาเขาเหงา เขาก็มักจะคุยกับปลาในบ่อที่สวน
อย่างไรก็ตาม…ถึงแม้ว่านั่นมันจะเป็นเพียงแค่เรื่องโกหกจากชายคนนั้น
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
เธออยู่อย่าเหงา ๆ ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่นี้
ครึ่งเดือนผ่านไป แต่ผู้ชายคนนั้นไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกเลย บางครั้งดอสจะกลับมาเพียงเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะรีบออกไปอีกครั้ง
เธอรู้สึกสูญเสียสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง อีกทั้งเธอยังสังเกตว่าเทรสและคัวโตรเริ่มดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เธอไม่รู้ว่าทำไม
ในวันที่หนาวที่สุดของฤดูหนาว ประตูโลหะสีดำสนิทขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ สจ๊วตกำลังเปิดขึ้นอีกครั้ง เธอมองออกไปจากชั้นสองและเห็นรถเบนท์ลีย์สีดำที่คุ้นเคยกำลังขับเคลื่อนเข้ามาข้างในอย่างช้า ๆ
เธอจ้องมองไปที่รถคันนั้นด้วยความงุนงง
ในที่สุด ... เขาก็กลับมา
เธอดึงสายตากลับมา เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับผู้ชายคนนั้นอย่างไร หรือควรจะทำตัวอย่างไรถ้าต้องเผชิญหน้ากับเขา
เวลาล่วงเลยผ่านไปสักพัก พ่อบ้านที่อยู่ด้านนอกประตูก็ขอให้เธอลงไปชั้นล่างอย่างสุภาพ
เธออยากจะถามว่าเธอสามารถไม่ลงไปพบกับเขาได้ไหม
อย่างไรก็ตามพ่อบ้านได้หันกลับ และจากไปอย่างใจเย็น
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเธอก็ลากตัวเองลงไปที่ชั้นล่างอยู่ดี
ในขณะเดียวกันเธอก็หัวเราะเยาะตัวเองในใจ…เธอเรียนรู้ที่จะทำตัวเชื่อฟัง อ่านหนังสือในห้องเหมือนเด็กดีตั้งแต่เมื่อไหร่?
ที่บันไดมีร่างของชายสูงโปร่ง เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ
มันคือผู้ชายคนนั้นนั่นเอง
ในชั่ววินาทีที่นั้นเธอมีความรู้สึกแปลก ๆ ชายคนนั้นดูเหมือนราวกับรูปปั้น เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ และรูปปั้นนั้นเหมือนกำลังมองมาที่เธอ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
ดอสยังคงยืนอยู่ข้างหลังชายคนนั้นด้วยความเคารพตามปกติราวกับเทพผู้พิทักษ์ของเขา
ชายคนนั้นมองเธอสักพัก แล้วยื่นมือออกไปกวักมือเรียกเธอ "มานี่สิ"
เสียงทุ้มตามปกติของผู้ชายคนนั้นถือเป็นความอ่อนโยนที่หาได้ยากในตอนนี้
เธอเงียบ แต่เธอก็รู้ว่าเธอจะไม่สามารถหนีเขาไปได้
เธอจึงเดินลงบันได และตรงไปที่เขา
รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเป็นศตวรรษ เธอตื่นตระหนก เพราะเธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นมักจะอารมณ์ร้ายและมีความอดทนต่ำ เธอคิดว่าเขาจะต้องเร่งเธอแน่ ๆ ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเธอ เขาเพียงแค่ยืนเงียบ ๆ ที่บันได และเฝ้าดูเธออย่างไร้คำพูดในขณะที่เธอเดินเข้าไปหาเขาในความเร็วที่พอ ๆ กับหอยทาก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในตอนนี้เธอรู้สึกราวกับว่าผู้ชายคนนี้รอเธอมานานกว่าศตวรรษ เขารอมานานจนกลายเป็นหิน แต่เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นและรอ…รอเธอ
ทันทีที่ความคิดไร้สาระนั้นเกิดขึ้นกับเธอ เธอก็ลบล้างมันออกไปจากความคิดของเธอ…เธอกลับมาไร้เดียงสาอีกครั้ง
นอกจากนี้…เธอไม่รู้ว่าเธอควรทำตัวอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา
เธอไม่รู้ว่าศตวรรษนั้นนานแค่ไหน แต่ในที่สุดเมื่อเธอเดินมาถึงเขา ขาของเธอก็รู้สึกโคลงเคลง เธอแค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่มีเสียงใด ๆ ออกมาจากปากของเธอ เธอกลัวเกินกว่าที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของสายตาที่จ้องมองลงมาบนศีรษะของเธอได้
บางทีเธออาจจะอยากรู้ บางทีอาจจะมีอะไรผิดพลาดบนหัวของเธอ เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่เขา ... หลังจากนั้นเธอก็ไม่สามารถละสายตาไปที่อื่นได้อีกเลย
เธอถูกกักขังด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน และลึกซึ้งในดวงตาของเขา
มีความอ่อนโยน ความรัก ความหลงใหล และ ... มีอะไรอีกบ้างนะ?
เธอพยายามนึกถึงคำต่าง ๆ ที่พอจะอธิบายความหมายของสายตานี้ด้....แต่ก็ไม่มีคำไหนเลยที่อธิบายความหมายของสายตานี้ได้
ดวงตาของเธอค่อย ๆ แสดงออกถึงความสับสนออกมาอย่างช้า ๆ
เธอไม่เข้าใจการจ้องมองของผู้ชายคนนี้เลย
มันดูคุ้นเคยราวกับว่าเธอเคยเห็นมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่คุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับเธอ
จู่ ๆ ฝ่ามือใหญ่ ๆ อันอบอุ่นก็วางลงบนหัวของเธอ นิ้วของเขาค่อย ๆ ลูบไล้บนแผลเป็นที่หน้าผากของเธอ
เขาลูบไล้รอยแผลเป็นของเธออย่างระมัดระวัง
“ตอนนั้น มันคงต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลยใช่ไหม?”
เขาเอ่ยถามเบา ๆ
ความอ่อนโยนของเขาทำให้เธอรู้สึกรำคาญ และเธอก็ตบเขาอย่างหยาบคาย "ไม่ มันไม่เจ็บหรอก" เธอเคยผ่านนรกมาก่อน และเธอได้รับประสบการณ์ที่เจ็บปวดมากกว่านี้เสียอีก
ถามเธอว่าเจ็บไหมหรอ…ทำไมเขาถึงต้องเสแสร้งทำเป็นใจดี?
นั่นคือสิ่งที่เธอคิดในตอนนี้
หลังมือของชายคนนั้นเริ่มบวม และแดงขึ้นทันที
ดอสจ้องมองเธอ แต่ชายคนนั้นก็ห้ามเขาไว้ “พวกคุณทุกคน ออกไปข้างนอกก่อนเถอะ”
ดอสจากไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ในเวลาเดียวกันพ่อบ้านก็พาคนรับใช้ในบ้านทุกคนออกจากบ้านไปที่สนามหญ้าข้างนอก
ทันใดนั้น ทั้งสองคนก็อยู่กันเพียงลำพังในห้องโถงขนาดใหญ่
ชายคนนั้นเอื้อมมือไปถูมือที่บวมของตัวเอง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสน่หา
"ไม่เป็นไรหรอก"
อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าจะทำลายความเงียบแปลก ๆ นี้ได้อย่างไร
เสียงของผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง
“ผมจำได้ว่าคุณหน้าตาเป็นอย่างไร ในวันเกิดปีที่สิบแปดของคุณ คุณเป็นคนดุร้าย และเป็นอิสระ เย่อหยิ่งจนดูถูกแม้แต่ผม ฉันจำได้ว่าตอนนั้นคุณเป็นเหมือนเสือโคร่งแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่มันเป็นเพียงแค่ฟันน้ำนมของลูกเสือที่เพิ่งเติบโด…มันน่ารักทีเดียวเลยล่ะ”
“งั้นเหรอ ฉันไม่เห็นจะจำอะไรได้เลย”
เธอยืนกรานที่จะหักล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูด
“ผมจำได้ว่าในบ่ายฤดูร้อนวันหนึ่ง ผมนอนหลับตาอยู่ใต้ต้นไม้ แต่คุณคิดว่าผมหลับ แล้วคุณก็แอบจูบผมด้วย”
“ฉันจำไม่ได้” เธอปฏิเสธมันอย่างรวดเร็ว
เขาหัวเราะเบา ๆ เมื่อเธอตอบกลับเช่นนั้นอย่างรวดเร็ว
“ผมยังจำวันวาเลนไทน์ปีหนึ่งได้ ตอนที่คุณเลียนแบบสาว ๆ คนอื่น และทำช็อคโกแลตด้วยตัวเอง และแอบเอามันใส่กระเป๋าของผม”
“แต่ในที่สุด คุณก็เอาให้สุนัขกิน”
เสียงหัวเราะของชายคนนั้นดังขึ้น เธอทำให้เขาหัวเราะ “ไม่ แม้แต่สุนัขของผม ก็ยังไม่ยอมกินช็อกโกแลตที่คุณทำเลย”
“ใช่แล้ว คุณเกลียดทุกสิ่งที่ฉันทำมาโดยตลอด” ก่อนที่เธอจะทันรู้ตัว เธอก็ได้ละลึกถึงความหลังไปพร้อม ๆ กับเขาเสียแล้ว
“ไม่จริง ผมลงเอยด้วยการกินช็อคโกแลตพวกนั้นเองต่างหาก” รอยยิ้มของชายคนนั้นจางลงเล็กน้อย แต่มันมีประกายแห่งความจริงจังในดวงตาของเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงยิ้มให้เธอในขณะที่เขาพูดว่า
“ผมมีอาการอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรงหลังจากนั้น นอนหยอดน้ำเกลืออยู่สามวัน และวิ่งไปที่ห้องน้ำตลอดเวลา”
“ ... ” เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรอ?
เธอต้องการเหน็บแนมเขาและคำพูดที่ไร้สาระของเขา แต่ดูเหมือนเธอจะจำอะไรแบบนี้ได้ เธอไปที่บ้านของสจ๊วต แต่คนรับใช้บอกเธอว่านายน้อยอยู่ในโรงพยาบาลเพราะเขากินของไม่ดีเข้าไป
“ฉันผมจำได้ว่าคุณแอบถ่ายรูปผมตอนที่ผมแข่งบาสเก็ตบอลไปเยอะมาก” เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เขาก็ยื่นมือมาหาเธอ “ภาพเหล่านั้นอยู่ที่ไหน? ถึงเวลาให้พวกมันกลับมาแล้ว”
“...ฉันทำมันหายไปแล้ว”
ชายคนนั้นมองเธอด้วยสายตาสุดลึกซึ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย
‘ งั้นเขาจะช่วยให้เธอฟื้นคืนความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีที่หายไป -’ โอ๊ย ก็มึงนั่นแหล่ะเป็นคนทำให้เจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้...
อ่านแล้วก็อึดอัดแทน อยากให้ความจริงเปิดเผยเร็ว ๆ และเจนสามารถออกไปใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ห่าง ๆ จากคนสารเลวพวกนี้ ไม่อยากให้ให้อภัยใครเลย...