บทที่ 325 ฉันรักคุณ – ตอนที่ต้องอ่านของ บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย
ตอนนี้ของ บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย โดย ฉี แม่น้ำสายเก่า ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายRomanceทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 325 ฉันรักคุณ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสัน
เขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา
"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบ
ขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ
"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"
เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ
"คุณแม่ พอได้แล้ว!"
"หือ? ลูกเป็นอะไรไป?
“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”
“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”
“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”
คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจ
แม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดี
หลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอ
ส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไป
ดันน์ กรุ๊ป ควรที่จะเป็นของเจสัน
นอกจากนี้หลังจากอ้อนวอนอยู่หลายครั้ง นังเด็กเหลือขอคนนั้นก็ยังไม่บริจาคไขกระดูกเพื่อช่วยพี่ชายของเธอเองด้วยซ้ำ ในใจของคุณหญิงดันน์นั้น เจนเป็นเพียงคนเลือดเย็นที่ไม่สนใจแม้กระทั่งสมาชิกในครอบครัวของเธอเองด้วยซ้ำ
เจสันรู้สึกสับสนอย่างมากในขณะนี้
เขาเห็นความหวังในการมีชีวิตต่อค่อนข้างชัดเจนแล้วในตอนนี้ เนื่องจากมีคนบริจาคไขกระดูกให้กับเขาแล้ว เขาเห็นหนทางและแสงสว่างที่จะมีชีวิตอยู่รอดแล้ว และไม่ต้องเอาแต่นอนรอความตายเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีคนบริจาคไขกระดูกให้กับเขา
เขาควรที่จะผ่อนคลายจิตใจ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปเขาเริ่มรูสึกคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แจ้งว่าผู้บริจาคนิรนามจะเริ่มบริจาคไขกระดูกเร็ว ๆ นี้
เขาเอื้อมมือไปคว้าพยาบาลเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน…คุณ…ช่วยบอกชื่อคนใจดีที่บริจาคไขกระดูกให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
"ดิฉันต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ อีกฝ่ายต้องการที่จะไม่เปิดเผยตัวตนค่ะ" พยาบาลยิ้มอย่างจริงใจ "ไม่ต้องห่วงไปค่ะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นค่ะ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ"
เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เธอก็หันกลับและเดินจากไป
ตอนนี้เจสันรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น คุณหญิงดันน์สังเกตเห็นว่าลูกชายของเธอทำตัวแปลก ๆ เธอคิดเพียงแค่ว่าเจสันแค่กำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดอยู่
“เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และคุณพยาบาล ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเป็นกังวลไป”
“ลูก อย่าคิดมากไปเลย แม่จะอยู่ข้าง ๆ ลูกเสมอ”
ขณะที่เธอปลอบใจ คุณหญิงดันน์ก็นึกถึงจุดที่เจ็บปวดของเธอ
“โจเซฟ ช่างเป็นตาแก่ที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ลูกชายของเขากำลังจะได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูก แต่เขาก็ไม่ได้มากังวลหรือแสดงความเป็นห่วงอะไรเลย”
“เขาคงจะใช้เวลาอย่างมีความสุขอยู่กับนังจิ้งจอกสาวเจ้าเล่ห์คนนั้น ตาเฒ่านั่น…”
คุณหญิงดันน์สาปแช่ง ในตอนนี้เจสันนั้นมีความกังวลมากพออยู่แล้ว จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นจากเตียง และกำลังจะเดินออกไปข้างนอก
“ลูกจะไปไหน?”
คุณหญิงดันน์วิ่งไล่ตามไป
ข้างหน้าของเธอ เจสันกำลังเดินเร็วขึ้น และเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
"รอแม่ด้วยสิ"
คุณหญิงดันน์หยิบกระเป๋าที่มีค่าของเธอขึ้นมา และวิ่งตามเขาไป
เจสันเริ่มวิ่งแทน และวิ่งเข้าไปหาพยาบาลสาวคนก่อนหน้านี้
"ได้โปรดรอผมด้วย! พาผมไปที่นั่นด้วย!" เขาตะโกนออกมาด้วยโทนเสียงที่ต่ำ
"ได้โปรดพาผมไปที่ห้องผ่าตัดของการบริจาคไขกระดูกด้วยนะครับ"
มีความตื่นตระหนกในดวงตาของเขา พยาบาลสาวดูตกใจมาก เมื่อเธอถูกดึงรั้งตัวเอาไว้ "ได้โปรดปล่อยมือของคุณก่อนค่ะ ผู้บริจาคมีความประสงค์ที่จะไม่เปิดเผยชื่อค่ะ"
"ผมขอร้องล่ะ ช่วยพาผมไปที่นั่นที ได้โปรด?" เจสันอ้อนวอนพร้อมกับจ้องมองเธอด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง
พยาบาลสาวรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย กับการที่เขาจ้องมองเธอแบบนั้น ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงส่ายหัว
เจสันไม่ยอมปล่อยเธอ “น้องสาวของผมเป็นผู้บริจาคหรือเปล่า? น้องสาวของผมชื่อเจน เป็นเธอใช่ไหมครับ?”
เขาไม่ใช่คนโง่ มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง? น้องสาวของเขาเพิ่งมาเยี่ยมเขา
ทันใดนั้นก็มีผู้บริจาคในวันเดียวกันเลย
เขาพยายามที่จะหลอกตัวเองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ผู้บริจาคต้องเป็นบุคคลอื่นแน่นอน
เขารู้อยู่เต็มอก ว่านี่มันเป็นมากกว่าเรื่องบังเอิญแน่ ๆ
ถึงกระนั้น เขาก็ยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ แต่ในทุก ๆ คืนเขาจะนึกถึงคำที่น้องสาวของเขาพูดเมื่อเธอมาหาเขาได้เสมอ
เขาขอให้แม่ของเขานำไดอารี่ที่ล็อคไว้มาให้เขา เขาเปิดไดอารี่เก่าและเห็นลายมือที่ของเด็กในนั้น
ในนั้นเป็นการเขียนเพื่อบันทึกความทรงจำในวัยเด็กของเขาและเจน ซึ่งเขาลืมมันไปนานแล้ว
ในนั้นมีลายมือที่บ่งบอกว่าคนเขียนนั้นเด็กมาก ๆ มีแม้กระทั่งตัวอักษรบางตัวที่เขียนด้วยพินอิน และประโยคที่ไม่ชัดเจนเนื่องจากเขายังไม่เข้าใจตัวอักษรจีนทั้งหมด
จากมุมมองของผู้ใหญ่ เนื้อหาของไดอารี่นี้ดูสนุกสนานน่ารัก และมีแต่ความเป็นเด็ก
อย่างไรก็ตามมันช่วยให้เขาหวนนึกถึงช่วงชีวิตในอดีต
ทุกรายการในไดอารี่นั้นจะเขียนถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน บางวันเขาเขียนว่ารู้สึกอิจฉาที่เจนได้รับคำชมจากคุณปู่ ในขณะที่บางวันบันทึกชื่อหนังสือและภาพยนตร์ที่เจนกับเขาได้อ่านและดู ... หลังจากพลิกอ่านดูไดอารี่ไปทีละหน้า เขาก็รู้ทันทีว่าไดอารี่ทั้งหมดเต็มไปด้วยบันทึกประจำวันของเขา และชีวิตในช่วงวัยเด็กของเขานั้นมีเจนอยู่ด้วยเสมอ
เขามองไปที่หน้าหนึ่งของไดอารี่ที่มีประโยคขึ้นต้นว่า เจนบอกว่าเขาปกป้องเธอจากมีดและช่วยเธอจากพวกนักเลง เขาจึงอ่านบันทึกประจำวันของวันนั้นมันเขียนว่า:
‘วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิต ฉันปกป้องน้องสาวของฉัน ฉันไม่รู้ว่าการปกป้องน้องสาวของฉันจะทำให้ฉันมีความสุขมากมายขนาดนี้ จากนี้ไปฉันจะปกป้องเธอเสมอ '
เขามองดูลายมือที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา และอ่านคำปฏิญาณที่เขาเขียน ก่อนหน้านี้เขาเก็บไดอารี่เล่มนี้ไปไว้ที่มุมหนึ่งของห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ
“น้องสาวของผม เธอมีไตเพียงข้างเดียว เธอไม่สามารถบริจาคไขกระดูกให้กับผมได้”
เจสันกล่าวต่ออีกว่า "พาผมไปที่นั่น ผมจะไม่บังคับให้เธอบริจาคไขกระดูกให้ผมอีกต่อไปแล้ว"
พยาบาลมองไปที่ชายตรงหน้าเธอที่กำลังทรมานอย่างหนักจากความเจ็บป่วยของเขา ซึ่งตอนนี้สภาพของเขานั้นดูแย่มาก ๆ เธอมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา และน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของเขา…สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเธอหล่นวูบและมีร่องรอยแห่งความสงสารที่กำลังก่อตัวอยู่ภายในใจของเธอ
เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
เสียงที่เย็นชาก็ได้ดังขึ้นจากทางข้างหลังเขา "คุณจำความเมตตาของเจนได้ด้วยหรอ ดังนั้นคุณก็ช่วยจำไว้ด้วย ว่าเธอเป็นน้องสาวของคุณ"
เจสันรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาเงยหน้าขึ้น “ฌอน ... ”
ชายคนนั้นยืนอยู่ห่างออกไปสามเมตร และจ้องมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชา เขาเชิดคางขึ้น “วอร์ดของคุณอยู่ที่ไหน?”
"อยู่ที่ ... " เขากำลังจะตอบ แต่แล้วจู่ ๆ เขานึกขึ้นได้ว่ามีใครบางคนที่กำลังเสี่ยงที่จะบริจาคไขกระดูกของเธอให้กับเขาอยู่ "มาได้เวลาพอดีเลย ฌอน เจนกำลังจะบริจาคไขกระดูกให้ฉันเร็ว ๆ นี้ รีบไปพาเธอออกจากที่นั่นเร็ว!"
คุณหญิงดันน์ตกตะลึงมึนงง
เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดในตอนแรก แต่แล้วสักพักเธอก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอรู้สึกผิดมาก ๆ อย่างไรก็ตามหลังจากมองลูกชายตัวซูบผอมของเธอแล้ว เธอก็เอื้อมมือไปจับมือของเจสันไว้
"การผ่าตัดกำลังจะเริ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้ ลูกหยุดคิดมากแล้วกลับไปที่วอร์ดกับแม่เถอะนะ"
“ไม่ ผมจะตามหาเจน”
"กลับไปที่วอร์ด ฉันมีบางอย่างจะบอกคุณ" ชายผู้เย็นชาพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าเจสันไม่ยอมกลับไป เขาจึงเอ่ยเตือนอีกรอบ
"ฉันจะไม่ปล่อยให้เจนต้องเสี่ยง"
เจสันดูเหมือนจะได้สติขึ้น…ใช่ ฌอน จะไม่มีทางยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเจนแน่นอน
…
ภายในวอร์ด
ฌอนนั่งลงที่โชฟา ส่วนเจสันนั่งอยู่ข้างเตียงข้างหน้าของเขา
"เธอโกหกฉันเพื่อมาที่นี่ และบริจาคไขกระดูกให้กับคุณ"
ประโยคแรกของเขา มันได้ทำลายความเงียบขึ้นมา
เจสันหน้าซีด และดูสิ้นหวัง “ฉันจะไปหาเธอ! ฉันจะไม่บังคับให้เธอบริจาคไขกระดูกให้ฉันอีกแล้ว!” เขาลุกขึ้นยืน และกำลังจะจากไป
“ฉันลากเจนกลับบ้านด้วยตัวฉันเอง ตอนที่เธอมาเข้ารับการฉีดยาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนถึงวันบริจาค”
ประโยคที่สองของเขาทำให้เจสันหยุดชะงัก
“แล้วผู้บริจาคคือใครกัน ... ” เจสันงงงวย
"น้องชายของคุณ"
"..."
“ผลการทดสอบของน้องชายคุณ มันถูกปลอมแปลงขึ้นมา ฉันรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เนื่องจากฉันคิดว่าเจนไม่สนใจพี่ชายอย่างคุณแล้ว ฉันจึงเลือกที่จะดูอย่างเย็นชาและไม่บอกเรื่องนี้กับเธอ
“สิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำให้คุณ คือส่งช่อดอกเบญจมาศไปให้คุณเมื่อเวลานั้นมาถึง”
เจสันอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ... ชายคนนี้
เขารู้ความจริงทั้งหมด แต่เขาเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ และเฝ้าดูเรื่องตลกนี้ไกล ๆ
"คุณรู้ไหม ว่าเจนไปแผนกทะเบียนไขกระดูก เธอพยายามตามหาคนที่เหมาะสมเพื่อมาบริจาคไขกระดูกให้กับคุณ ตั้งแต่วันแรกที่เธอได้รู้เกี่ยวกับอาการของคุณ”
“ฉันได้ประเมินความอ่อนโยนของเธอต่ำไปมาก ยอมรับกันตรง ๆ เลย”
ด้วยเหตุนี้ฌอนจึงยิ้มแบบไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
"เธอไม่สามารถหาคู่ที่เหมาะสมกับคุณได้ ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะบริจาคด้วยตัวเอง”
“เนื่องจากเธอนั้นเป็นห่วงคุณมาก ฉันจึงไม่สามารถทนดู และอยู่เฉย ๆ ได้”
“ฉันจึงไปพบน้องชายของคุณ และคนรักของพ่อคุณ และในตอนนี้น้องชายของคุณคือคนที่นอนอยู่ในวอร์ดนั้น”
“น้องชายของคุณจะเป็นคนที่บริจาคไขกระดูกให้กับคุณเอง”
เจสันไม่ใช่คนโง่ พ่อของเขาไม่ได้มาเยี่ยมเขาบ่อยนัก ตั้งแต่เขาล้มป่วย พ่อของเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะอยู่หรือจะตาย
น้องชายและแม่ของเขาที่เอาแต่ร้องขอกลับคืนสู่ครอบครัวที่ถูกต้องตามกฏหมาย ก่อนหน้านี้หรอ
ทำไมเขาถึงอยากกลับเข้าสู่ครอบครัวที่ถูกต้องตามกฏหมายหน่ะหรือ?
มันก็เป็นแค่เพียงเพราะเงินทองเท่านั้น
"คุณให้พวกเขาเท่าไหร่?"
เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นจะยอมและบริจาคง่าย ๆ เพราะเธอนั้นเป็นคนโลภ
ฌอนเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่เจสัน เขากระตุกยิ้มมุมปาก
"บริษัทโฆษณาที่มีมูลค่าในตลาดสองร้อยล้าน และเงินสดหนึ่งร้อยล้าน"
คุณหญิงดันน์ได้ยินสิ่งที่เขาพูดถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวและเปลี่ยนสีไปในทันที
“คุณให้สิ่งนั้นกับคนเลว ๆ แบบนั้นได้ยังไง?
“พวกเขาสมควรที่จะได้รับมันเหรอไง?”
ทันทีที่คำพูดออกจากริมฝีปากของเธอ ฌอนก็ยิ้มเยาะและมองไปที่คุณหญิงดันน์
"ชีวิตของเจน คุ้มพอไหม?"
คุณหญิงดันน์หน้าแดงขึ้นมาทันที
“เจสัน จำไว้นะเจนคือคนที่ช่วยชีวิตคุณ”
หลังจากพูดคำเหล่านั้น ฌอนก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้น ก็จำเอาไว้ด้วย ว่าจงมีชีวิตต่อไปซะ แล้วหยุดเหลวไหลโดยที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต นับจากนี้ไป"
"สำหรับ ดันน์ กรุ๊ป" ฌอนแสยะยิ้ม
“ดันน์ กรุ๊ป นั้นแทบไม่ต่างจากกองขยะ คุณอาจจะคิดว่าเจนได้ทุกอย่างมาง่าย ๆ แต่ ดันน์ กรุ๊ป นั้นภายในมีแต่ปัญหาที่ยากที่จะจัดการ”
ทันทีที่เขากล่าวถึง ดันน์ กรุ๊ป เช่นนั้น คุณหญิงดันน์ก็ไม่สามารถใจเย็นทนฟังได้อีกต่อไป “ไร้สาระ! ดันน์ กรุ๊ป จะเป็นเพียงแค่กองขยะได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นทรัพย์สินขนาดใหญ่เช่นนี้?
“แต่เนื่องจาก ดันน์ กรุ๊ป ได้เป็นของเจนแล้ว เราจะไม่ต่อสู้เพื่อมันอีกต่อไป คุณกังวลว่าเราจะแย่ง ดันน์ กรุ๊ป ไปจากเจนใช่ไหม?”
ฌอนจ้องมองไปที่คุณหญิงดันน์ที่กำลังทำท่าทางที่ดูกวนประสาทในขณะนี้ ริมฝีปากบางของเขาค่อย ๆ แสยะยิ้ม
"ดันน์ กรุ๊ป สามารถเทียบได้กับ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรือไม่?"
"..."
"ถ้าเจนต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม ฉันจะมอบมันให้เธอด้วยมือทั้งสองข้าง และความตั้งใจของฉันเอง" ความหมายจริง ๆ ที่ชัดเจนก็คือ ดันน์ กรุ๊ป แทบที่จะไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อเทียบกับ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม
คุณหญิงดันน์ดูอ่อนปวกเปียก ตามมาด้วยความสงสัยและไม่อยากที่จะเชื่อ… บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามหาศาล ใครจะมอบให้คนอื่นด้วยความเต็มใจกัน?
"อีกอย่าง ฉันมีมารยาทมากพอที่จะไม่พูดมากเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นไม่ควรรู้"
ฌอนยิ้ม แต่ไม่ได้อธิบายอะไรมาก
เขาจ้องมองไปที่เจสัน
“คุณไม่เคยสนใจใส่ใจงานใน ดันน์ กรุ๊ป เลยเหรอ?
“คุณเอาแต่แบมือไปที่บริษัท เมื่อเงินของคุณหมด”
“คุณเคยชินกับชีวิตที่แสนสะดวกสบาย ชีวิตที่คุณแค่อ้าปากรับอาหารไปวัน ๆ และมีคนจับมือสอนแต่งตัว ดังนั้นคุณจะแบมือออก เมื่อเงินหมดใช่ไหม?
เจสันรู้สึกระอายใจ
"คุณยืนบื้ออยู่ที่นั่นเพื่ออะไร! มาช่วยผมดับไฟ เร็วเข้า!"
โชคดีที่ห้องนี้ค่อนข้างชื้น ดังนั้นไฟที่ลุกโชนจึงยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา นอกจากนี้ยังเป็นเพราะห้องมีความชื้นทำให้สิ่งต่าง ๆ ในห้อง เช่นผ้าม่านและพรมเพียงแค่ปล่อยควันหนาทึบออกมาเมื่อติดไฟ
นี่อาจจะเป็นความโชคดีในความโชคร้าย
ไฟในห้องนั่งเล่นสามารถควบคุมได้แล้ว แต่ไฟในห้องนอนนั้นยังไม่สามารถควบคุมได้
ไม่มีใครสามารถเข้าไปข้างในได้ เว้นแต่ผู้หญิงคนนั้นจะเปิดประตูออกมาเอง
โชคดีที่สถานีดับเพลิงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ พวกเขาจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า
"ประตูเปิดไม่ออกหรอก"
"เข้าทางหน้าต่าง"
ฌอนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกสิ้นหวัง "หน้าต่างถูกปิดผนึกด้วยลูกกรงรักษาความปลอดภัย"
เขารู้สึกเสียใจมาก ๆ ในตอนนี้
"เจนเปิดประตู!" เขาทุบด้วยพลังทั้งหมดของเขา เขาทุบไม่หยุด “เปิดประตู ผม ... ผมขอร้องให้เปิดประตู เจนพี่ชายของคุณไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้พี่ชายของคุณได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกแล้ว”
“สิ่งที่คุณกังวลจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน”
“พี่ชายของคุณจะปลอดภัย ได้โปรดเปิดประตูก่อน”
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนในห้อง
"เป็นเรื่องจริง เจน ผมหาคู่ที่เหมาะสมให้พี่ชายของคุณ และมีคนบริจาคไขกระดูกให้กับเขาแล้ว ผมจะพาคุณไปหาพี่ชายของคุณตอนนี้เลย เพียงแค่เปิดประตูก่อน”
“พ่อบ้านซัมเมอร์ก็ได้รับการลงโทษตามกฎหมายแล้ว”
“ผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหกปีก่อน คุณบริสุทธิ์ คุณไม่ได้เป็นคนฆ่าโรซาลีน ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว! ผมผิดไปแล้ว เจนเปิดประตูเถอะ!”
ชายคนนั้นทุบประตูอย่างหมดหวัง เขาไม่เคยกลัวมากขนาดนี้มาก่อน เขากลัวว่าเธอจะหายไปจากโลกใบนี้
เขาพูดพึมพำเรื่อย ๆ เขาพูดไม่หยุด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังพูดถึงอะไร เขาเพียงหวังว่าผู้หญิงในห้องจะเปิดประตูออกมา
มีการติดตั้งเครนยกระดับสูงนอกหน้าต่าง หน่วยกู้ภัยบนเครนยืนยันว่าคนในห้องยังมีชีวิตอยู่ เธอแค่ยืนพิงโต๊ะเครื่องแป้งที่ดันติดประตูไว้ เปลวไฟเริ่มจากเตียงไม้ และเปลวไฟกำลังลามเข้าหาตัวเธอ
ถ้าเขากระแทกประตูให้เปิดออก ผู้หญิงที่ยืนพิงโต๊ะเครื่องแป้งที่ขวางประตูห้องนอนอยู่ ก็น่าจะถูกแรงกระแทกผลักเข้าหาเปลวไฟ
อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ทำอะไรเลย และปล่อยไว้อย่างนี้ แน่นอนว่ามันก็จะไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย
เมื่อหน้าต่างถูกทุบให้เปิดออก สิ่งแรกที่พวกเขาทำได้คือดับไฟก่อน
สายยางแรงดันสูงฉีดน้ำเข้าใส่เตียงไม้ที่เป็นต้นตอของไฟเต็มแรง
ที่ด้านนอกของประตู
ฌอนไม่สามารถที่จะทนรอต่อไปอีกนาทีหรือวินาที หัวใจของเขาจมดิ่งลงไปในทุก ๆ นาทีที่ผ่านพ้นไป
“เจน พี่ชายของคุณสบายดี ผมรู้ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อหกปีก่อนแล้ว”
“เป็นความผิดของผมเอง ที่คุณต้องติดคุกถึงสามปี”
“ผมจะยอมติดคุกเป็นเวลาสามปี ถ้าหากว่าคุณยอมออกมา”
“ถ้าคุณยอมออกมา ผมจะเข้าคุกทันทีถ้ามันทำให้คุณมีความสุข”
“คุณช่วยออกมาได้ไหม ได้โปรด”
ผู้หญิงที่ยืนพิงประตูอยู่อีกด้าน เธอหัวเราะเบา ๆ อย่างประชดประชัน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอในอดีตนั้น มันทำให้ชีวิตของเธอพังพินาศย่อยยับมากมายแค่ไหน ...
ชายที่อยู่นอกประตูกลัวที่จะกระแทกประตูเข้าไป เพราะกลัวว่าเมื่อประตูกระแทกเปิดเธอจะถูกผลักเข้าไปในกองไฟนั้น
สายยางแรงดันสูงฉีดน้ำเข้าไปในห้องนอนทางหน้าต่างที่ถูกทุบให้แตกออก
เปลวไฟกำลังจะดับลง
ปฏิกิริยาของหญิงสาวในห้องนั้นในขณะนี้ เธอนำเสื้อผ้าในตู้ออกมาวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง ตราบใดที่เธอจุดไฟแช็คในมือเธอ…ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงรีบแจ้งสถานการณ์ให้ฌอนทราบในทันที
ตอนนี้ชายคนนี้กำลังตกอยู่ในโหมดที่ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“เจน อย่าจุดไฟเด็ดขาดนะ! คุณจะตายไม่ได้ ผมรักคุณ เจน!” เมื่อคำพูดของเขาจบลง ทั้งเขา และดอสก็ช่วยกันกระแทกประตูห้องนอนด้วยแรงทั้งหมดที่พวกเขามี
ครั้งนี้พวกเขาต้องเปิดมันออกให้ได้!
ตอนนี้เปลวไฟในห้องนอนได้ดับลงจนหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถให้โอกาสผู้หญิงคนนี้ในการจุดไฟได้อีกครั้ง เขาพยายามพังประตู
เขาต้องเปิดมันออกให้ได้
ตูม!
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก และชายคนนั้นก็รีบเข้าไปข้างในทันที เขาเอื้อมมือไปจับและกอดผู้หญิงที่ล้มลงกับพื้นไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา ในขณะนี้ร่างกายของเขาสั่นเทา
"เจน เจน ขอบคุณพระเจ้าที่คุณไม่เป็นอะไร ขอบคุณพระเจ้าที่คุณไม่เป็นไรมาก ขอบคุณ ขอบคุณ"
ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า และเทพทั้งหมดในสรวงสวรรค์!
จากนี้ไปเขา ฌอน สจ๊วต จะยอมทานมังสวิรัติ
ฌอนผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า เขาไม่สามารถหยุดอารมณ์ที่ท่วมท้นในขณะนี้ของเขาได้เลย
ในที่สุดทุกอย่างก็สงบลง
สีหน้าของดอสเปลี่ยนไปอย่างมาก “บอส!”
ชายที่มีสุขภาพแข็งแรงทรุดตัวลงไปกองกับพื้นอย่างกะทันหัน และล้มกระแทกเข้ากับกองขยะที่ถูกเผาไหม้จากไฟ ก่อนจะหมดสติในที่สุด
ถัดจากเขาผู้หญิงคนนั้นก็ผงะเช่นกัน เธอยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว
ดอสรีบวิ่งไปผลักผู้หญิงคนนั้นออกห่างจากเจ้านายของเขา เขากดหมายเลขในขณะที่ถือโทรศัพท์ไว้ในมืออีกข้าง “คุณชายไวท์ บอสเป็นลมหมดสติไปแล้วครับ”
“อืม ผมจะรีบขับรถพาเขาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ดอสพยายามแบกฌอนเพียงลำพัง โชคดีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 2 คนเห็นและรีบเข้ามาช่วย
ดอสหยุดเดินอย่างกะทันหัน “คุณผู้หญิง ได้โปรดอย่าทำเรื่องงี่เง่าเช่นนี้อีกนะครับ” เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาเทรส "ขึ้นมาที่นี่ และดูแลคุณผู้หญิง เช็คให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัย"
เสรีภาพของเธอยังคงถูกควบคุม
อย่างไรก็ตามคราวนี้หญิงสาวบีบกำปั้นของเธอ และนั่งลงกับพื้นเป็นเวลาเนิ่นนานมาก เธอเฝ้าดูขณะที่ดอสอุ้มคน ๆ นั้นออกไป ตั้งแต่ต้นจนจบดวงตาของเธอไม่เคยละสายตาไปจากคน ๆ นั้นเลย
ความเจ็บปวดที่ซับซ้อนไม่สามารถบรรยายได้ และมันได้แสดงออกมาผ่านดวงตาคู่นั้น ... สุดท้ายเขาก็จากไป เธอหลับตาลง
จากนี้ไปเธอจะปิดหูปิดตา
อย่างไรก็ตามหากอดีตสามารถสลายไปได้เหมือนควัน ... นั่นจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุดในท้ายที่สุด
เธอรู้ดีว่าการต่อต้านของเธอนั้น มันมีเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือการปกป้องตัวเองให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงเสน่หา คุณชาย อันตราย
‘ งั้นเขาจะช่วยให้เธอฟื้นคืนความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีที่หายไป -’ โอ๊ย ก็มึงนั่นแหล่ะเป็นคนทำให้เจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้...
อ่านแล้วก็อึดอัดแทน อยากให้ความจริงเปิดเผยเร็ว ๆ และเจนสามารถออกไปใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ห่าง ๆ จากคนสารเลวพวกนี้ ไม่อยากให้ให้อภัยใครเลย...