จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1253

ตอนที่1253 ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ!

“ต่อให้มากกว่านี้ก็อย่าหวังปราบปรามข้าได้!”

เย่หยวนคาดไม่ถึงจริงๆว่า เจ้าพวกยักษ์หินเหล่านี้จะถึงขั้นพลีชีพระเบิดตัวเองทิ้ง

อย่างไรก็ตาม เขากลับมิได้หวาดกลัวหรือกังวลอันใดแม้สักนิด

แม้แต่สุดยอดวิชาจับตายของสามเทพอสูรยังไม่สามารถทำอันตรายเขาได้กระทั้งรอยขีดข่วน แล้วนับประสาอันใดกับการระเบิดตัวเองของขุนลศิลา เพียงโคจรพลังปราณโดยใช้เคล็ดมังกรทรราชจุติก็เพียงพอแล้ว

เพียงแต่เย่หยวนคาดไม่ถึงจริงๆว่า ขุนพลศิลาจะใจเด็ดกล้าพลีชีพเช่นนี้

ร่างขนาดมหึมาของขุนพลศิลาพุ่งทะทานเข้าใส่เย่หยวนสุดกำลัง

ในเวลานี้ร่างกายของมันประหนึ่งระเบิดเวลาที่รอปะทุ

ทว่าทันใดนั้น จู่ๆกลับมีรัศมีพลังอันอ่อนโยนเข้าโอบอุ้มขุนพลศิลาไว้ทันควัน

แต่เดิมขุนพลศิลาที่กำลังจะระเบิดคลั่ง ยามนี้ทุกอย่างล้วนถูกระงับโดยสมบูรณ์

กลิ่นอายหอบใหญ่ที่รอการวินาศ ทั้งหมดสลายหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บูมมม!

เบื้องหน้าพลันประจักษ์ ยักษ์หินขนาดมหึมาเป็นพิเศษตนหนึ่งปรากฏกายขึ้นพร้อมเสียงดังอึกทึกดั่งปฐพีสะเทือน

เย่หยวนอดช้อนสายตาจับจ้องไปยังยักษ์หินมหึมาตัวใหม่ที่เพิ่งมาถึงมิได้ด้วยแววตาแสนประหลาดใจ ขนาดของมันใหญ่ยิ่งกว่าขุนพลศิลา แน่นอนว่ามันตนนี้อันตรายยิ่งกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับขุนพลศิลา!

“ท่านประมุข!”

“ท่านประมุข!”

…………………

เมื่อเหล่ายักษ์หินทั้งหมดเห็นการมาถึงของยักษ์หินมหึมาตนนี้ ทุกคนต่างตื่นอกตื่นเต้นจนผิดวิสัย

“ท่านประมุข ในที่สุดท่านก็ตื่นขึ้น! ไอ้พวกมนุษย์บัดซบมันฆ่าแม่ทัพศิลาไป! ท่านต้องล้างแค้นให้พวกเรา!”

ขุนพลศิลากล่าวขึ้นด้วยความขุ่นแค้นเจือเศร้าโศก

มันเกลียดเย่หยวนฝังลึกถึงกระดูกดำ และต้องการจะตายพร้อมกัน

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความปรารถนาและความตายอันสมเกียรติสำหรับมัน

เย่หยวนเงยศีรษะจับจ้องยักษ์หินมหึมาตนนั้น นี่ให้ความรู้สึกดั่งว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ยิ่งใหญ่

แม้อีกฝ่ายจะเป็นยักษ์หินเหมือนพวกมันตนอื่นๆ ทว่าแรงคุกคามที่ปลดปล่อยออกมาจากร่าง ช่างค่อนข้างคล้ายคลึงกับท่านบรรพบุรุษแห่งเผ่ามังกรยิ่ง!

หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ยักษ์หินมหึมาตรงหน้าก็เคยเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าเช่นกัน?

ก่อนหน้านี้รัศมีพลังอันอ่อนโยนนั้นช่างลึกล้ำเกินหยั่งถึงได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถระงับการระเบิดตัวเองของขุนพลศิลาได้อย่างสมบูรณ์

ประมุขยักษ์หินกลับมิได้สนใจฟังวาจาของขุนพลศิลาเลย แต่ทว่าเบนสายตาจับจ้องเย่หยวนอย่างสงสัยและกล่าวขึ้นว่า

“มนุษย์…บนร่างกายของเจ้า…ช่างเป็นกลิ่นอายที่พระเจ้าผู้นี้คุ้นเคยยิ่งนัก”

พระเจ้าผู้นี้?!

ดั่งที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ยักษ์หินตนนี่เคยเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าเช่นกัน!

วาจาดั่งคำใบ้ที่ทิ้งทวนของประขุนยักษ์หิน ทำเอาสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนและพรรคพวกเปลี่ยนไปโดยพลัน

ทั้งๆที่เพิ่งพบเจอกันครั้งแรกแต่กลับบอกว่าคุ้นเคย?

ประมุขยักษ์หินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อว่า

“หากพระเจ้าผู้นี้สันนิฐานไม่ผิด มันควรจะเป็น…ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ?”

ปลายคิ้วเย่หยวนพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนเรียกศิลาจารึกเลื่องสวรรค์ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือและกล่าวถามอย่างฉงนสงสัยว่า

“ท่านหมายถึงสิ่งนี้?”

ประมุขยักษ์หินเร่งขยับขยายสายตาเข้าจับจ้องทันที ก่อนโพล่งคำนับทันทีด้วยความตื่นตะลึง

“นะ-นี่…นี่มันศิลาจารึกบัลลังก์พิภพจริงๆ! ประมุขเผ่ายักษ์หิน,ซือโปเทียน ขอทำความเคารพนายท่าน!”

ซือโปเทียนทิ้งคู่เข่าลงพื้นสะเทือนพิภพ มันเร่งก้มศีรษะคำนับเย่หยวนด้วยความเคารพยิ่ง

เมื่อภาพฉากตรงหน้าปรากฏเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงเหล่ายักษ์หินที่ตื่นตกลึงอย่างมาก แม้แต่เย่หยวนเองยังตกใจเช่นกัน

ศิลาจารึกเลื่องสวรรค์มันกลายไปเป็นศิลาจารึกบัลลังก์พิภพตั้งแต่เมื่อใด?

“ทะ-ท่านประมุข…นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

เหตุการณ์ตรงหน้าแทบทำเอาขุนพลศิลาไม่อยากเชื่อสายตา มันจนปัญญาจริงๆ ไฉนท่านประมุขถึงต้องคุกเข่าคาราวะต่อหน้ามนุษย์!

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ เผ่ามนุษย์คือศัตรูของเผ่ายักษ์หิน!

“ถูกต้องท่านประมุขซือ ท่านเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่? ในมือผู้เยาว์คือศิลาจารึกเลื่องสวรรค์ หาใช่ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพไม่!”

เย่หยวนโพล่งกล่าวขึ้นด้วยความงุนงง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ