มารพุทธะปีศาจถ่องแท้ ฝ่ามือล้างพิภพ!
“นี่มิใช่ว่าท่านอาวุโสถึงขั้นลงมือเอง? เทพอสูรเทวะอาจต้องล่วงลับในวันนี้เสีย? ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดท่านก็เคลื่อนไหว! หากมีท่านอาวุโสอยู่เคียงข้าง มวลมนุษย์ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว!”
“ท่านผู้นั้นคือใครกัน? เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?”
“เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา? ครั้งล่าสุดที่เผ่าปีศาจบุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในความเป็นจริงกลับเป็นท่านผู้นี้ที่ปราบปรามเทพอสูรเทวะจนประสบความสูญเสียอย่างหนักกันทั้งสองฝ่าย แต่เป็นพวกเมืองนภาศักดิ์สิทธิ์กับไอ้บัดซบจู่เก๋อฉิงซวนที่หากินกับคามทุกข์ร้อนของคนอื่น พวกมันซุ่มโจมตีเผ่ามังกรและสหายในยุคนั้นจนต้องลี้ภัยซ่อนตัว!”
“จะแข็งแกร่งขนาดนั้นเลย? อย่างไรก็ตามแต่ ไอ้พวกเผ่าปีศาจจะกำแหงเกินไปแล้ว! ยามนี้คิดจะทำอะไรกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ควรไตร่ตรองให้ดี! รอจนกว่าท่านจอมราชันย์พิชิตสวรรค์จะกลับมา หวังจะรังแกดินแดนศักดิ์สิทธิ์เกรงว่าฝันกลางวัน!”
…………………..
การปรากฏตัวขึ้นของฟางเทียน คล้ายเป็นยาคล้ายความกังวลสำหรับเหล่านักสู้ของเผ่ามังกร
ภาพฉากที่ฟางเทียนสามารถเอาชนะข่านนั่วได้ในปีนั้น ยังคงตราตรึงสดใสอยู่กลางจิตใจ
เผ่ามังกรที่เคยเห็นการโจมตีอันน่าอัศจรรย์นั้นของฟางเทียนกับตา ย่อมตระหนักเข้าใจดีเยี่ยม
ส่วนเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าการมาถึงของฟางเทียนจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ในใจของพวกเขา จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ยังคงไร้เทียมทานที่สุด!
ในหัวใจของพวกเขาทุกคน ไม่มีใครสามารถแทนที่เย่หยวนได้อีกต่อไป
พวกเขาไม่รู้จักข่านนั่วว่าแกร่งกล้าเพียงใด และก็ไม่ทราบด้วยว่าฟางเทียนฝีมือเป็นอย่างไร
ในสายตาของมวลมนุษย์ จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ที่สามารถรับมือกับสามเทพอสูรได้ด้วยตัวเพียงลำพัง จนถึงขั้นที่ว่าสามารถสังหารพวกมันหนึ่งในสามลงได้
ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าข่านนั่วหรือฟางเทียนจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่ทั้งคู่ยังคงอ่อนด้อยกว่าเย่หยวนอยู่ดี
มีนักสู้ของเผ่ามนุษย์หลายต่อหลายคนที่มิได้สนใจประโยควาจาเหล่านี้แม้สักนิด และไม่คิดว่าฟางเทียนจะพึ่งพาอะไรได้ขนาดนั้น
ในทางตรงข้าม ฟางเทียนมิใช่คนใจแคบอะไรเช่นนั้น แม้จะได้ยินแต่ก็ปล่อยผ่านไป
“เหอะ เหอะ ไอ้เด็กเหลือขอฟางเทียน ยามนั้นข้ายังเรียกเจ้าแบบนี้ได้ ทว่ายามนี้กลับชราลงจนผิดหูผิดตา! ข้ากับเจ้าสู้รบปรบมือมานานนับห้าหมื่นปี วันนี้จำต้องปิดฉากเสียแล้ว!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพรางหัวเราะเสียงเย็น
มันถูกเซียนเต๋าสวรรค์ปราบปรามลงไปเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ยามนั้นกล่าวได้ว่าข่านนั่วถูกขังอยู่ในผนึกอย่างขมขื่นใจยิ่ง
จนกระทั้งเมื่อห้าหมื่นปีก่อนที่ตัวมันได้เป็นอิสระอีกครั้ง มันตระหนักได้ว่าศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสิ้นไปแล้ว มวลมนุษย์ไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้อีก และมันคิดว่าโอกาสของมันมาถึงแล้ว
แต่ใครจะไปคาดคิด ฟางเทียนโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบพร้อมเข้าปราบปรามมันจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นระลอกสอง
ณ ปัจจุบัน ในที่สุดมันก็ฟื้นตัวกลับสู่สภาวะสูงสุดได้สำเร็จ พร้อมกลับขึ้นเป็นเทพอสูรเทวะอันเลื่องลืออีกครั้ง
แล้วยังจะรออะไรอีก? ยามนี้ถึงเวลาฟางเทียนชะตาขาด!
หากกล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อฟางเทียน ข่านนั่วรังเกลียดสุดขั้วหัวใจ!
แต่ฟางเทียนกลับกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเรียบนิ่งดุจบ่อน้ำบรรพกาลสงบ น้ำเสียงเอ่ยดังไร้ระลอกคลื่นอารมณ์ใด
“ข่านนั่ว เจ้าเองก็ดิ้นรนพยายามมาหลายปี แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเสียที แล้วนี่ยังจะดื้อรั้นอยู่? แม้เจาจะฟื้นตัวกลับสู้สภาวะสมบูรณ์ได้ แต่คิดจริงๆว่าหรือจะเข้าคู่กับข้าได้? ต่อให้เจาทรงพลังมากกว่านี้ สุดท้ายเจ้าก็เป็นได้แค่อาณาจักรกึ่งพระเจ้าเท่านั้น! ช่องว่างความแตกต่างระหว่างเรากลับมิได้กว้างนัก!”
คำกล่าวของฟางเทียนทำเอาข่านนั่วหัวใจกระหน่ำเต้นแรงในทันใด
วาจาคำกล่าวนี้ของฟางเทียนเร้นซ่อนนัยยะสำคัญบางอย่าง!
หากย้อนกลับไป จอมเทพอสูรนิรันดร์สั่งการให้ข่านนั่วและเยวี่ยจี้เดินทางเข้ามาในดินแดนพฤกษานิรันดร์เพื่อแสวงหาสมบัติเวทย์สวรรค์ทั้งสาม
พวกเขาทั้งสองยังคงดำเนินภารกิจเสาะหาอยู่ในนี้เป็นเวลาเนินนาน แต่ผ่านไปหลายล้านปี ทั้งสองยังคงทำภารกิจไม่สำเร็จเสียที
มิใช่ว่าความแกร่งกล้าของทั้งสองอ่อนแอเกินไป แต่เป็นเพราะเต๋าแห่งดินแดนพฤกษานิรันดร์เลือกที่จะปฏิเสธพวกเขา!
หรือเป็นไปได้ไหมว่า ฟางเทียนจะได้รับไพ่ตายใหม่มา ถึงได้มั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้?
หากไพ่ตายนั้นเป็นหนึ่งในสมบัติเวทย์สวรรค์ ผลลัพธ์ที่ออกมาแม้แต่ข่านนั่วก็ไม่สามารถจินตนาการได้เช่นกัน!
ในเวลานี้ ฟางเทียนสิ้นไร้ไม้ตอกปราศจากวิธีรับมือใดๆแล้ว อย่างมากที่ทำได้เพียงวางกลยุทธ์ป้อมไร้คนเพื่อขู่ให้ข่านนั่วกลัวเท่านั้น
แต่ดูท่าแล้ว กลยุทธ์ป้อนไร้คนกลับได้ผลกว่าที่คิดไว้
“เหอะ แล้วอย่างไร? ถึงเจ้าจะน่ากลัวเพียงใด แต่เมื่อเทียบกับเซียนเต๋าสวรรค์ในปีนั้น เจ้ายังคงอ่อนด้อยกว่านัก! แม้แต่มันยังไม่สามารถทำอะไรพระเจ้าผู้นี้ได้ แล้วพระเจ้าผู้นี้ที่ได้รับพลังจากลูกประคำแก่นปีศาจในปัจจุบัน ตัวเจ้ายังนับเป็นอันใด? เทพอสูรเทวะในตอนนี้ยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าเมื่อห้าหมื่นปีก่อนมากโข! ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่า เต๋าของดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้จะมีดีสักแค่ไหนเชียว!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสยะเย็น
มิใช่เรื่องง่ายที่จะขู่เข็ญ มันเตรียมการมาเป็นเวลาหลายปี มีหรือจะยอมแพ้ให้กับเรื่องง่ายๆเช่นนี้?
กลิ่นอายพลังปีศาจหอบยักษ์โหมสะพัดออกจากร่างข่านนั่วไม่หยุดหย่อน ไอหมอกสีทมิฬควบแน่นกลายเป็นดวงจันทร์จำลองพร้อมบดบังสุริยันจนอับแสง
ในเวลานี้ เหล่านักสู้ของเผ่ามนุษย์ทุกคนทราบแล้วว่า ข่านนั่วผู้นี้มันช่างน่ากลัวเพียงใด!
สีหน้าการแสดงออกของฟางเลวร้ายลงอย่างหาที่เปรียบ เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่า ข่านนั่วจะดีเดือดไม่กลัวตายขนาดนี้ ซึ่งเขาไม่สามารถถ่วงเวลาใดๆได้อีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...