ค่ายกลหลอมสร้างศาสตร์แห่งสวรรค์!
“มีใครบางคนกำลังระดมศาสตร์แห่งสวรรค์จำนวนมหาศาล เพื่อต้องการทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า!”
เย่หยวนขมวดคิ้วหน้านิ่วทันทีพร้อมกล่าวขึ้น
ฟางเทียนกับกวนควานเทียนแลกเปลี่ยนสายตากันในทันที ทั้งคู่ตกใจอย่างมากเมื่อได้ฟังเช่นนั้น
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? นอกเหนือจากเจ้าแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้?”
ฟางเทียนกล่าวขึ้นเจือสีหน้าท่าทางที่ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก
หากกล่าวถึงบุคคลผู้มากพรสวรรค์และยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงหนีไม่พ้น เย่หยวนและฟางเทียน!
ทว่าแม้แต่ฟางเทียนก็ยังไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ เช่นนั้นแล้วยังมีใครอีกที่สามารถทำได้?
เขายอมรับในตัวเย่หยวน แต่หากมีใครอีกคนที่ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้ ฟางเทียนก็คงปฏิเสธสุดหัวใจเช่นกัน
“นั้นสิ เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? หากกล่าวตามตรง ถ้าจะมีใครบางคนสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ นอกเหนือจากเจ้าก็ไม่มีอีกแล้ว!”
กวนควานเทียนกล่าวเสริมขึ้นทันที
เย่หยวนกล่าวตอบทันควัน
“ข้าแค่บอกว่า มีใครบางคนกำลังต้องการทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า ส่วนที่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ตรงนี้ข้ามิได้กล่าวไว้”
เฉพาะยามนี้ที่ได้ยินคำอธิบายของเย่หยวน สีหน้าการแสดงออกของทั้งคู่ก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็อยากจะรู้อยู่ดีว่า ใครกันที่ต้องการทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า
ผู้ที่มีคุณสมบัติในการก้าวขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะไม่รู้จัก
“แต่หากกล่าวกันตามตรง…ถึงวิธีของเขาที่แม้แต่ข้าเองยังต้องทึ่ง แต่นั้นจะนำพามาสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายเกินจินตนาการ!”
สีหน้าหลากอารมณ์พลันพรั่งพรู เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างกังวลใจ
วาจาคำกล่าวนี้ของเย่หยวนได้ไปกระตุ้นความสงสัยของทั้งสองเข้าโดยมิตั้งใจ
“เย่หยวน มีอะไรก็รีบกล่าวมาเถิด เจ้าทำให้ข้าอยากรู้จนแทบกระอักเลือดแล้ว!”
กวนควานเทียนกล่าวขึ้นพลางปั้นสีหน้าเคร่งอย่างใจจดใจจ่อ
เย่หยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมนำทั้งสองหายวับจากสายตาทุกคน
ร่างทั้งสามปรากฏขึ้นอีกครั้งบนยอดเขาสูงแห่งนี้
ไม่ใกล้ไม่ไกลออกไป ปรากฏเป็นเกลียวพายุหมุนอันโหมกระหน่ำชักล้างสรรพสิ่งโดยรอบ
ทันทีที่กวนควานเทียนและฟางเทียนเห็นภาพฉากเบื้องหน้านี้ ทั้งสองพลันถอดสีหน้าเผยถึงความประหลาดใจโดยพร้อมเพรียง
ดวงตาไสวของฟางเทียนหรี่แคบพยายามพินิจเข้าจับจ้องอย่างละเอียด ก่อนโพล่งอุทานขึ้นลั่น
“จอมราชันย์ต้าเยียน! นี่…นี่มันศาสตร์แห่งสวรรค์จริงๆ! เขา…เขาสร้างค่ายกลขึ้นเพื่อดูดซับศาสตร์แห่งสวรรค์จากภายนอกเข้าสู่กาย!”
ปรากฏว่า ผู้ที่กำลังทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าอยู่กลับมิใช่ใครอื่นนอกจาก จอมราชันย์ต้าเยียน!
ในช่วงที่เผ่าปีศาจบุกโจมตีจนเกิดความวุ่นวายสารพัดบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จอมราชันย์ต้าเยียนไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยสักครั้ง แต่ฟางเทียนคาดไม่ถึงเลยว่า ที่แท้เขากำลังปลีกวิเวกเก็บตัวเพื่อเตรียมจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าอยู่!
แม้ฟางเทียนจะมิได้เห็นร่างอีกฝ่าย แต่เขายังคงจำรัศมีกลิ่นอายของหลู่หลินเฟยได้เป็นอย่างดี
กวนควานเทียนตื่นตกใจสุดขีดที่เห็นค่ายกลนั้นก่อนโพล่งกล่าวตามๆกันมา
“เขา…เขาสามารถระดมศาสตร์แห่งสวรรค์จากภายนอกได้มากมายขนาดนี้จริงๆ! ชายคนนี้นับเป็นยอดอัจฉริยะโดยแท้!”
ใจกลางค่ายกลขนาดยักษ์ปรากฏเป็นพายุศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ระดมก่อตัวขึ้นจนสูงเสียดฟ้า
การมีอยู่ของค่ายกลชนิดนี้ มันได้ทำลายแนวคิดความเข้าใจเก่าๆของพวกเขาทั้งสองโดยสิ้นเชิง
และในความเป็นจริงแล้ว ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ระดมก่อตัวอยู่นี้มิได้มาจากดินแดนพฤกษานิรันดร์ แต่มันเกิดขึ้นจากค่ายกลขนาดยักษ์อันนี้!
ภายในค่ายกลขนาดยักษ์คล้ายเป็นอีกโลกหนึ่งที่มีบรรพยากาศไม่ต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนาดย่อมเลย
เย่หยวนที่เห็นดังนั้นก็เข้าใจได้ทันที ปรากฏว่า จอมราชันย์ต้าเยียน,หลู่หลินเฟยได้สร้างดินแดนขนาดจิ๋วขึ้นมาซ้อนทับกับดินแดนพฤกษานิรันดร์อีกทีหนึ่ง เพื่อให้ดินแดนขนาดจิ๋วนั้นผลิตศาสตร์แห่งสวรรค์เทียมขึ้นมาให้แก่เขา!
วิธีนี้คลายคลึงกับเย่หยวนไม่น้อย ในเมื่อศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสิ้นลงไปแล้ว ก็สร้างมันขึ้นมาใหม่ให้ตัวเองก็สิ้นเรื่อง!
วิธีนี้มีเส้นคั่นบางๆระหว่างคำว่าอัจฉริยะและบ้าบิ่น!
แต่นั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใกล้ความสำเร็จไปไม่น้อยแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เย่หยวนกลับถอนหายใจโดยพลันและกล่าวว่า
“วิธีการเช่นนี้กลับไปสร้างความโกรธแค้นให้แก่สรวงสวรรค์!”
กวนควานเทียนและฟางเทียน ทั้งสองถึงกับเหลียวกลับมองเย่หยวนในทันใด และมิทราบเลยว่านั้นหมายความอย่างไรกัน
หากเป็นคนอื่นกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา ทั้งสองคงเชิดศีรษะหาได้ใส่ใจไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...