จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1286

สรุปบท ตอนที่ 1286: จอมเทพโอสถ

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1286 – จอมเทพโอสถ โดย Internet

บท ตอนที่ 1286 ของ จอมเทพโอสถ ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ประตูผนึกดินแดน

เย่หยวนคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าต่อตาหลู่หลินเฟย ให้ความรู้สึกดั่งว่าเหนือทุกสรรพชีวิต

ความแข็งแกร่งระดับชั้นนี้ยังเป็นอะไรไปได้อีกหากมิใช่อาณาจักรพระเจ้า

นอกจากนี้หลู่หลินเฟยก็ยังสัมผัสได้จางๆ บุคคลที่มาช่วยก่อนหน้านี้มีรัศมีกลิ่นอายคล้ายคลึงกับศาสตร์แห่งสวรรค์!

ฟางเทียนหันมองหลู่หยินเฟยด้วยสายตาสุดเห็นอกเห็นใจ ก่อนกล่าวขึ้นว่า

“สายตาของเจ้ามิได้มีปัญหา เย่หยวนกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้วจริงๆ!”

ทั่วทั้งกายาหลู่หลินเฟยสั่นเทาไสวไม่หยุด เลื่อนสายตาเข้าจับจ้องเย่หยวนเผยให้เห็นถึงความไม่อยากจะเชื่ออยู่เปี่ยมหัวใจ

เพื่อแผนการในวันนี้ หลู่หิลนเฟยได้เตรียมการทุกอย่างมาเป็นเวลาเนินนานไม่รู้กี่ปี คงมีเพียงสรวงสวรรค์เท่านั้นที่ทราบว่าเขาลงแรงกายแรงใจไปมหาศาลเพียงใด

ก่อนวันนี้หนึ่งวัน หลู่หลินเฟยมีความมั่นใจอย่างมาก

เขาเชื่อว่าวิธีที่ตนคิดค้นขึ้นมาจะเป็นวิธีที่ล้ำหน้าและอัจฉริยะที่สุดในรอบหนึ่งแสนปีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

แต่นี่ก็มิอาจบอกได้เช่นกันว่า มันจะสามารถทำให้เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ แต่ไม่มีวิธีการใดจะดีไปกว่านี้แล้ว

ทว่าในท้ายที่สุด เขาก็ทำล้มเหลว!

เขาคือหนึ่งในผู้คนที่ประสบความล้มเหลวในรอบหนึ่งแสนปีที่ผ่านมา และนั้นคือทั้งหมด

อย่างไรก็ตามแต่ ณ ตอนนี้กลับมีเซียนอาณาจักรพระเจ้าโผล่ออกมายืนอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาจริงๆ!

ไม่มีอะไรที่จะทำให้รู้สึกแย่ไปกว่านี้แล้ว

เย่หยวนทราบดี การที่ตนปรากฏตัวขึ้นมาในเวลานี้กลับมิใช่เรื่องเหมาะสมนัก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเย่หยวนกับหลู่หลินเฟยก็มิได้ตื้นเขินนัก

หากพินิจพิจารณาให้ดี เย่หยวนก็ถือเป็นศิษย์ของหลู่หลินเฟยกลายๆ

ดังนั้นแล้ว หากต้องทนเห็นหลู่หลินเฟยถูกฆ่าตายโดยทัณฑ์ฟ้า เย่หยวนเองก็รับไม่ได้เช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้! กระทั่งข้ายังล้มเหลว แล้วเจ้า…เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร?”

หลู่หลินเฟยโพล่งกล่าวขึ้นด้วยอารมณ์สุดแสนกระวนกระวายใจ

คำพูดคำจานี้ของหลู่หลินเฟยฟังดูเย่อหยิ่งถือตัวยิ่งกว่าใคร แต่ถึงกระนั้น เขามีทุนรอนมากพอที่จะทำเช่นนั้น

เขาได้คิดค้นวิธีชักนำศาสตร์แห่งสวรรค์เข้าสู่กายาโดยการพึ่งพาศาสตร์แห่งค่ายกล ความบ้าบิ่นเช่นนี้ กล่าวได้ว่าเขาไม่เป็นสองรองจากเย่หยวนเลย

แม้แต่ฟางเทียนก็ยังด้อยกว่าหลู่หลินเฟยในแง่มุมนี้

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ไม่มีสิ่งใดยากเลย เจ้าก้าวเดินในเส้นทางแห่งค่ายกล ส่วนข้าก้าวเดินอยู่บนเส้นทางแห่งโอสถ เจ้าพยายามสร้างศาสตร์แห่งสวรรค์ขึ้นมาโดยใช้ค่ายกล ข้าเองก็หลอมสร้างศาสตร์แห่งสวรรค์โดยใช้โอสถเช่นกัน และนั้นคือทั้งหมด”

สายตาของหลู่หลินเฟยผลัดเปลี่ยนเป็นความตั้งใจ เขากล่าวพึมพำขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่า

“หลอมสร้างศาสตร์แห่งสวรรค์ด้วยโอสถ… หลอมสร้างศาสตร์แห่งสวรรค์ด้วยโอสถ! แค่…แค่นั้นงั้นรึ?”

ทั้งหมดมีเพียงแค่นั้นจริงๆ เพียงแต่เขาประสบความล้มเหลว ในขณะที่เย่หยวนประสบความสำเร็จ!

หลู่หลินเฟยตระหนักถึงความลึกซึ้งอันมากความหมายจากคำกล่าวของเย่หยวนได้ทันที คนหนึ่งได้รับศาสตร์แห่งสวรรค์ผ่านเส้นทางแห่งโอสถ ส่วนอีกคนผ่านเส้นทางแห่งค่ายกล

ทั้งหมดดูท่าจะคล้ายคลึงเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง!

วาจาคำพูดของเย่หยวนค่อนข้างดูคลุมเครืออย่างมาก แต่นั้นก็ทำให้หลู่หลินเฟยรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

เย่หยวนกำลังบอกเขาเป็นนัยว่า เส้นทางที่เขาเดินนั้นถูกต้องแล้ว เพียงแต่ความคิดที่นอกกรอบเกินไปจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ล้มเหลว

หลู่หลินเฟยอดนึกหวนถึงทัณฑ์ฟ้าเมื่อครู่มิได้ ความน่ากลัวนั้นได้กัดกินลึกถึงขั้วหัวใจโดยไม่รู้ตัว

ทันทีทันใดหลู่หลินเฟยพลันรู้สึกผิดประหลาดกับร่างกายตนเอง ถึงเขาจะคว้าน้ำเหลวในการก้าวขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า แต่นั้นก็ทำให้เขาสัมผัสถึงธรณีประตูแห่งอาณาจักรพระเจ้าแล้วเช่นกัน ถึงกระนั่นเอง มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับทัณฑ์ฟ้าก่อนหน้ามิได้

“เย่หยวน ทัณฑ์ฟ้าเมื่อครู่นี้…ถึงจะเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าก็ไม่มีทางต้านทานได้ไหวแน่ เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”

หลู่หลินเฟยกล่าวถามด้วยความสงสัย

ฟางเทียนยิ้มและกล่าวตอบว่า

“เย่หยวนมิใช่เซียนอาณาจักรพระเจ้าทั่วไป เนื่องจากตัวเจ้าปลีกวิเวกเก็บตัวมาโดยตลอดที่ผ่านมา จึงมิอาจทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์บ้าง ณ ปัจจุบัน เย่หยวนกลายเป็นผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ความสามารถในการควบคุมเต๋าของเขาทำให้อยู่เหนือสรรพชีวิต!”

“ผู้…ผู้ปกครอง?”

ม่านตาดำของหลู่หลินเฟยหดแคบตีบตันในทันใด คำนี้สร้างความตกใจให้แก่เขาเป็นอย่างยิ่ง

เย่หยวนหันมองอีกฝ่ายและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า

“ตาแก่หลู่ เจ้าอย่าเพิ่งท้อแท้ถอดใจไป ตราบใดที่เจ้ายังคงก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางสายนี้ สักวัน เจ้าจะได้รับยอดเต๋ามาแน่นอน แก่นแท้ของสิ่งนี้หาใช่ศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่เป็นยอดเต๋าที่ติดตัวไปจนตาย ส่วนที่ช่วยก่อนหน้า เป็นเพียงสิ่งตอบแทนที่เจ้าเคยมอบความรู้ความเข้าใจแก่ข้า”

หลู่หลินเฟยสีหน้าซีดขาวลงเล็กน้อย พลางกล่าวเย้ยหยั่นตัวเองขึ้นว่า

“ท่านอาวุโสอย่าพยายามโน้มน้าวใจข้าอีกเลย ผู้เยาว์คนนี้ตั้งสินใจเด็ดขาดแล้ว!”

“เฮ้ออ… เจ้าเด็กคนนี้ คงไม่คิดเหลียวกลับหากไม่ชนใต้กำแพง! ลืมมันไปเถอะ ในเมื่อเจ้าแสวงหาความตายเช่นนี้ เราเองคงห้ามมิได้เช่นกัน!”

คุนหวูกล่าวขึ้นเจือน้ำเสียงหงุดหงิดและผิดหวังในเวลาเดียวกัน

เย่หยวนเหลียวหลังหันกลับไปมองจิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่อย่างแช่มช้า และกล่าวว่า

“เย่หยวนคนนี้จำต้องรบกวนพวกท่านทั้งสี่แล้ว!”

จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่นี้เป็นมวลพลังที่เกิดขึ้นจากค่ายกล จึงหาได้มีความรู้สึกนึกถึงไม่ แต่ที่ทั้งสี่ดูเชื่อฟังแบบนี้เป็นเพราะพวกมันอยู่ภายใต้การควบคุมของตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ นั้นจึงเป็นสาเหตุที่เย่หยวนสามารถนำทั้งสี่มายังที่แห่งนี้ได้

เมื่อกล่าวจบ เย่หยวนก็ชูตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา รัศมีพลังศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายเฉิดฉายไปทั่วน่านฟ้าย่านทะเลในทันที

จิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทั้งสี่ได้แยกตัวออกไปยืนประจำทิศของตัวเอง จากนั้นก็เร่งโคจรพลังเวียนรอบตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอยู่เป็นใจกลาง

ทันทีทันใดลูกพลังงานประหลาดพลันก่อตัวขึ้นเหนือร่างจิตวิญญาณทั้งสี่ เมื่อพวกมันอ้าปากพร้อมแหงนศีรษะชี้ฟ้า คลื่นพลังทั้งสี่ก็พวยพุ่งออกมาตระหง่านสูงเสียดฟ้า

“ประตูผนึกดินแดน จงเปิดออก!”

คลื่นพลังลำแสงทั้งสี่ถูกยิงออกไปและเข้าบรรจบรวมกันเหนือน่านฟ้า

กลิ่นอายบรรพกาลโบราณอย่างไม่เคยมีมาก่อนพลันถูกปลดปล่อยออกมาให้สัมผัส พร้อมกับประตูขนาดยักษ์บานหนึ่งที่ปรากฏขึ้นจากห้วงแห่งความว่างเปล่าประจักษ์แก่ทุกสายตา

มันเป็นประตูศิลาโบราณที่มีขนาดมหึมายิ่ง!

แรงกดดันที่พรั่งพรูออกจากประตูศิลาโบราณบานนี้ ต่างทำให้ทุกคนที่พบเห็นราวกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแทบพังทลายแตกสลายในชั่วอึดใจ

เพียงแรงกดดันหอบหนึ่งที่พัดผ่านออกมา ก็สามารถสยบผู้คนจนไร้พลังอำนาจได้อย่างแท้จริง

ทั่วกายาเย่หยวนสั่นกระตุกเล็กน้อย เขาหยิบใช้ศาสตร์แห่งสวรรค์เข้าห้อหุ้มทุกคนเอาไว้ในทันที แรงกดดันปริมาณมหาศาลที่กดทับพวกเขาก่อนหน้า ยามนี้พลันอันตรธานหายสิ้นในพริบตา

ทุกคนล้วนแหงนมองประตูศิลาโบราณกลางนภาสูงนั้นด้วยความตกใจสุดขีด

“นี่คือประตูผนึกดินแดน? ช่างทรงพลังเกินไป! หากมิใช่เซียนอาณาจักรพระเจ้า แค่รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของมันก็เจียนตายแล้ว!”

ฟางเทียนกล่าวขึ้นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

“นึกไม่ออกเลยว่า เหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้าเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนไปรู้ความลับนี้เข้าได้อย่างไร เหอะ เจ้าพวกเห็นแก่ตัวนั้น คงเป็นการดีที่สุดแล้วที่ถูกห้วงอวกาศฉีกกระชากจนตาย!”

อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นด้วยอารมณ์แสนขุ่นเคือง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ