สายสัมพันธ์พี่น้อง
“ข้า…ข้าจะฆ่าแกไอ้พิการ!”
ภายใต้ความอับอายแสนอัปยศเจือแววอาฆาตสุดขั้วหัวใจ เหลียงหวางหรงควักมีดสั้นเล่มเดิมออกมาพร้อมปราดพุ่งเข้าใส่เย่หยวนโดยมิลังเล
แต่ระหว่างลุไปได้ครึ่งทาง นางพึงสังเกตเห็นว่า เย่หยวนกำลังมองนางประดับรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มอยู่ทั่วใบหน้า
เหลียงหวางหรงนึกตกใจขึ้นกะทันหัน ร่างบางของนางพลันหยุดชะงักทันที สายตาของนางที่ช้อนจับจ้องเย่หยวน ยามนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวไร้สาเหตุ
เหลียงหวางหรงพลันรู้สึกเย็บวาบทั่วแผ่นหลัง สัญชาติญาณแอบบอกนางว่า อย่าเข้าใกล้ชายหนุ่มคนนี้เด็ดขาด
ในระหว่างที่นางโดนวิชาลวงตาไป นางไม่สามารถควบคุมและเข้าใจอะไรได้เลยสักนิด
ณ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดสำหรับนาง
และนางก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า เรื่องทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับเย่หยวนแน่นอน!
“จางชุน…”
ขณะที่เหลียงหวางหรงกำลังเอ่ยปากสั่งการจางชุนด้วยความเคยชิน ทว่านางกลับนึกถึงภาพฉากอันน่าอับอายก่อนหน้าขึ้นเสียก่อน ยามนี้ใบหน้าของนางค่อยๆเห่อแดงขึ้นอีกครั้ง
ถึงเหลียงหวางหรงจะทราบดี ที่นางแสดงอากัปกิริยาแบบนั้นออกไปล้วนเกิดจากเย่หยวน แต่นางก็ไม่มีหน้าไปสู้จางชุนอยู่ดี
สุดท้ายนี้ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเย่หยวนมาก่อน การจะลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้ากลับมิใช่ความคิดที่ฉลาดนัก ในขณะที่จางชุนเองก็เป็นผู้ใต้บัญชาของนาง หากพลั่งลงมือไป อาจสูญเสียขุมกำลังหลักไป
ด้วยเหตุนี้ นางจึงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยสมบูรณ์
ซึ่งมิใช่นางเพียงคนเดียวที่เป็นแบบนี้ ทั้งชางจุนและทหารยามคนอื่นๆเองต่างก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
สุดท้ายนี้ก็เป็นชางจุนผู้เจนจัดมากประสบการณ์ เขาเอ่ยปากกล่าวขึ้นเพื่อทำลายความอึดอัดนี้ลง
“คุณหนูรอง หนทางเบื้องหน้าคือป่าอสูรลึกลับแล้ว! ในเวลานี้พวกเราขอให้ท่านและคุณหนูใหญ่ร่วมมือสามัคคี เพื่อฝ่าฟันไปถึงจุดหมาย!”
เหลียงหวางหรงมิได้สมองขี้เลื่อยจนเกินเยียวยา เมื่อเห็นทางออก นางจึงรีบกล่าวเสริมขึ้นว่า
“อืม เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว!”
……………..
หลังจากลงหลักพักผ่อนเสียเล็กน้อย กองคาราวาน็เดินหน้าเข้าสู่ป่าอสูรลึกลับทันที
ป่าอสูรลึกลับแห่งนี้หาใช่สถานที่ปลอดภัยไม่ ภายในนั้นมีอสูรศักดิ์สิทธิ์มากมายซ่อนแฝงดำรงอยู่!
ซึ่งอสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนสูญพันธุ์ไปหมดแล้วในดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทว่าบนมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้กลับพบเห็นพวกมันทุกหนทุกแห่ง!
หลังจากเดินทางเข้าสู่ป่าอสูรลึกลับ เย่หยวนสัมผัสได้ว่าจางชุนตื่นตัวขึ้นผิดหูผิดตา
ความอึดอัดเก้อเขินก่อนหน้าอันตรธานหายสิ้น ก่อนถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียดระแวงระวังภัยรอบด้าน
โอสถปราณลึกล้ำที่เย่หยวนกลืนลงไปเป็นถึง โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นสูง ประสิทธิภาพค่อนข้างได้ผลดีมากต่อร่างกายเย่หยวน หลายวันผ่านไป ในที่สุดเย่หยวนก็สามารถลงมาเดินเล่นได้แล้ว
แม้เขาจะดูไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปเลย แต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้แล้ว
“แม่นางหวางหรู รบกวนให้เย่คนนี้จับชีพจรสักครั้งได้หรือไม่? เย่คนนี้เป็นนักหลอมโอสถ บางทีอาจเสาะหาหนทางช่วยท่านได้!”
บนเกี้ยวรถม้า เย่หยวนเอ่ยปากกล่าวขึ้นกับนาง
หลายวันที่ได้สนทนากันทำให้นางรู้ว่า เย่หยวนมิใช่คนไม่ดีหรือมีเจตนาแอบแฝงแต่อย่างใด เหลียงหวางหรูเองก็หาได้รังเกียจพร้อมพยักหน้าเชิงว่าอนุญาต
หลังจากอ่านชีพจรไปสักครู่ใหญ่ คู่คิ้วเข้มของเย่หยวนก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
ดูท่าเรื่องนี้กลับมิง่ายอย่างที่คิด เย่หยวนรู้จักแค่เพียงโอสถชั้นสามัญทั่วไประดับหนึ่งถึงเก้า และไม่มีโอสถตัวใดที่เขารู้จักสามารถรักษาอาการของเหลียงหวางหรูได้เลย
หากกล่าวตามหลักเหตุและผล สำหรับคนที่หูหนวกหรือพิการตั้งแต่กำเนิด การจะใช้โอสถเพื่อรักษาให้กลับเป็นคนปกตินั้นมิใช่เรื่องใหญ่เลยในดินแดนพฤกษานิรันดร์
อย่างไรก็แล้วแต่ โครงสร้างทางร่างกายของเหลียงหวางหรูกลับแตกต่างไปจากผู้คนในดินแดนพฤกษานิรันดร์โดยสิ้นเชิง!
โครงสร้างและระบบการทำงานภายในร่างกายแบบนี้ จำต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เข้ารักษาเท่านั้น!
แต่เย่หยวนกลับไม่มีความรู้เกี่ยวกับโอสถศักดิ์สิทธิ์เลย!
ดูเหมือนคราวนี้ เย่หยวนจะกล่าวโอ้อวดเกินไปจริงๆ
ก่อนหน้านี้ เย่หยวนคิดเพียงว่า ตนเคยรักษาคนใบ้จนหายเป็นปกตินัดต่อนัดแล้วในดินแดนพฤกษานิรันดร์ กับแค่เหลียงหวางหรูคนเดียวเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ทว่ายามนี้ เย่หยวนกระจ่างชัดแจ้ง นี่กลับมิใช่เรื่องง่ายแล้ว
“ท่านอาวุโส ตามอาการของแม่นางหวางหรู โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งสามารถรักษาได้หรือไม่?”
ตอนนี้เย่หยวนรู้แล้วว่า จอมเทพนิรันดร์เองก็เป็นอีกหนึ่งที่มีความสามารถในศาสตร์แห่งโอสถที่แกร่งกล้ายิ่ง
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามแห่งสมบัติเวทย์สวรรค์ประจำกายจอมเทพนิรันดร์ จิตวิญญาณของไข่มุกสยบวิญญาณอย่างหวูเฉินย่อมมีวิชาความรู้ติดตัวมาเช่นกัน
เฉพาะจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าสุดขีดของหวูเฉินเท่านั้น ที่สามารถบรรลุยอดเต๋าแห่งโอสถได้!
หวูเฉินกล่าวว่า
“แน่นอนว่ามี! ในความเห็นของข้า เหลียงหวางหรูนางนี้มิได้เป็นใบ้แต่กำเนิด นางน่าจะประสบภัยบางอย่าง จึงส่งผลให้เป็นใบ้พูดไม่ได้อย่างในปัจจุบัน! เป็นถึงลูกหลานของเซียนอาณาจักรพระเจ้า ต่อให้จะเป็นเพียงมนุษย์ทั่วไปที่ไร้พรสวรรค์ แต่ก็ไม่มีทางพิการแต่กำเนิด! ระบบทางร่างกายของนางน่าจะทำงานผิดปกติเท่านั้น แค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นต่ำ โอสถส่องปัญญา ก็น่าจะสามารถรักษาได้แล้ว”
เย่หยวนกล่าวเสียงเบาด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย
“โอสถส่องปัญญา? เอ่อ…ท่านอาวุโสหวูเฉิน ท่านพอจะทราบวิธีหลอมกลั่นมันหรือไม่?”
โอสถศักดิ์สิทธิ์เพียงชนิดเดียวที่เย่หยวนสามารถหลอมกลั่นได้ในขณะนี้คือ โอสถท้าทายสวรรค์
โอสถส่องปัญญาอะไรนั้น เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยธรรมชาติแล้วมันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะหลอมกลั่น
กลัดกุมศาสตร์แห่งโอสถไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือย่อมต้องเป็นความเข้าใจต่อโอสถชนิดนั้นๆ
นี่คือสองปัจจัยหลักที่มิอาจเว้นขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้!
ความเข้าใจในศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนแทบหาผู้ใดทัดเทียมได้ก็จริง แต่ความรู้เกี่ยวกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ชนิดต่างๆกลับเท่ากับศูนย์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...