จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1323

สรุปบท ตอนที่ 1323: จอมเทพโอสถ

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1323 – จอมเทพโอสถ โดย Internet

บท ตอนที่ 1323 ของ จอมเทพโอสถ ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่1323 ป้ายตราตรวจจับพัง

หลัวเจียคลี่ยิ้มขื่นกล่าวว่า

“ไร้ประโยชน์! เว้นเสียแต่เจ้าสามารถปลอมแปลงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ ต่อให้เจ้าจะมีวิชาแปลงโฉมใบหน้าเลิศล้ำอย่างไร แต่กลับไม่มีทางซ่อนจากป้ายตราตรวจจับได้เลย!”

เย่หยวนคลี่ยิ้มบางพลางกล่าวว่า

“ท่านรอดูเป็นพอ!”

ทันทีที่กล่าวจบ เย่หยวนก็ตรงออกไปรวมกลุ่มที่หน้าด่านตรวจสอบของตระกูลหวังทันที

“หยุด!”

เมื่อทหารยามคนหนึ่งเห็นเย่หยวนโผล่ออกมา เขาก็สั่งหยุดอีกฝ่ายทันที

เย่หยวนปั้นหน้าตื่นตระหนกพลางกล่าวเสียงตะกุกตะกักด้วยความกลัว

“ทะ-ท่าน…ท่านต้องการอันใด? ข้า…ข้าไม่มีผลึกปราณเทวะเหลือแล้ว!”

ทหารยามคนนั้นพินิจเพ่งตรวจสอบเย่หยวนโดยละเอียด ก่อนกล่าวว่า

“ใครต้องการผลึกปราณเทวะจากเจ้า? จงนำมือมาประทับตรงนี้!”

“เอ๊ะ? อะ-โอ้…ง่ายมาก! ง่ายมาก!”

เย่หยวนหาได้เผยทีท่าลังเลแม้แต่น้อย ก่อนเร่งประทับฝ่ามือลงบนป้ายตราตรงหน้าทันที

หลัวเจียจับจ้องภาพฉากนี้แทบไม่กระพริบตาอยู่เบื้องหลังซากกองขยะ หัวใจของเขากระหน่ำเต้นแรงเจียนกระโจนออกมาจากลำคอ

สำหรับหลัวเจีย เขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์ใดที่บีบคั่นหัวใจขนาดนี้มาก่อน

แต่ทันทีทันใด คู่ดวงตาพลันโพล่งกว้างแทบถลนออกมา แววตื่นตะลึงที่สาดสะท้อนเผยชัดเต็มสองตาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!

ป้ายตราตรวจจับ…เปล่งสัญญาณไฟเป็นสีเขียว!

“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?”

หลัวเจียพึมพำกับตัวเองด้วยความตกใจต่อภาพฉากตรงหน้า

เขาไม่เคยเห็นมาก่อนสักครั้งที่ป้ายตราตรวจจับจะทำงานผิดพลาดเฉกเช่นตอนนี้!

เดี๋ยวก่อน! นี่มิได้ทำงานผิดพลาด แต่ระบบมันรัว!

ที่ป้ายตราตรวจจับขึ้นสัญญาณไฟสีเขียวหมายถึงว่า จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ตรงกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ในขณะที่สัญญาณไฟสีฟ้าคือตัวบ่งชี้ถึงบุคคลที่กำหนดเกณฑ์เอาไว้

หากตอนนี้ป้ายตราตรวจจับขึ้นสีเขียว นั้นแสดงว่าระบบเกณฑ์ตรวจจับภายในป้ายตราอันนี้เกิดอาการรัว!

ไม่น่าแปลกใจว่าไฉนเย่หยวนถึงมั่นใจปานนั้น ปรากฏว่าเขาซ่อนไพ่เด็ดสำหรับรับมือตราป้ายตรวจจับไว้อยู่แล้ว

ยามที่เย่หยวนประทับฝ่ามือลงไปบนป้ายตราตรวจจับ หวังอวีเต๋าและหวังอวีกั่นพลันเหลียวหันเข้าจับจ้องโดยมิตั้งใจ

อย่างไรก็ตามแต่ พวกเขาหาได้สังขาสงสัยอันใดไม่ เพราะลักษณ์ท่าทางของเย่หยวนไม่ต่างอะไรจากนักสู้ระดับล่างทั่วๆไปนัก

นักสู้โดยส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาในสุสารสายลมหยิน ล้วนแต่เป็นชนชั้นระดับต่ำสุด มิฉะนั้นใครหน้าไหนจะเต็มใจเสี่ยงตายภายในนี้เพื่อผลกำไรที่ไม่แน่นอน?

แถมการที่เย่หยวนให้ความสนใจกับผลึกปราณเทวะประหนึ่งชีวิตตัวเองดั่งปฏิกิริยาแรกตอบโต้ นี่ยิ่งช่วยขจัดความสงสัยในใจของพวกเขาได้โดยตรง

เห็นว่าป้ายตราตรวจจับส่งสัญญาณไฟเป็นสีเขียว พวกเขาก็ขี้เกียจมาสนใจเย่หยวนอีกต่อไป

“เหอะ ไอ้พวกโง่ไม่รู้จักใช้ของดี ยังกล้าดีต่อหน้าเราชายชราผู้นี้! ประเมินความสามารถตนเองสูงเกินไป!”

ภายใต้ห่วงจิตสำนึกของเย่หยวน สุ้มเสียงเย็นยะเยือกพลันเอ่ยดัง หวูเฉินกรนด่าเหยียดหยามพวกตระกูลหวังด้วยความรังเกียจ

หากกล่าวตามสัตย์ ป้ายตราตรวจจับนี้ก็หาใช่ของดีไม่ แถมยังใช้ไม่เป็นทำตัวอวดฉลาด คิดจะตรวจสอบจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนต่อหน้าหวูเฉินผู้นี้? นี่ดูถูกฝีมือเขาเกินไป!

ผู้คนอาชีพเดียวกับกลับเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด คำกล่าวนี้กลับหาใช่ความเท็จเลย

หวูเฉินผู้นี้เป็นใคร?

เขาเป็นถึงไข่มุกสยบวิญญาณ สมบัติสวรรค์สายจิตวิญญาณที่ทรงพลังที่สุด! รุ่นบรรพบุรุษลายครามอย่างเขา เล่นกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาไม่รู้เท่าไหร่!

กับแค่เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำชิ้นเดียว ต่อหน้าสมบัติเวทย์สวรรค์กลับเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่ง!

“ฮ่าฮ่า เจ้าพวกนี้ดูท่าจะไม่รู้ ภายในตัวข้ายังมีโคตรบรรพบุรุษของพวกมันดำรงอยู่!”

เย่หยวนแอบกล่าวเยินยอหวูเฉินเล็กน้อย

หวูเฉินเคเนเสียงหึพลางกล่าวว่า

“ขยะเช่นนี้อย่าเอาข้าไปนับญาติด้วยเลย แค่ของเล่นชิ้นเดียว ข้าสั่งให้เป็นเขียวย่อมเป็นเขียว สั่งให้เป็นฟ้าย่อมเป็นฟ้า หรือแม้แต่สั่งให้เป็นเหลือง ก็ยังต้องเป็นเหลือง!”

ทันทีทันใด คู่ดวงเนตรของเย่หยวนพลันท่แประกายสว่างขึ้นทันควันก่อนกล่าวว่า

“ท่านอาวุโส สามารถเปลี่ยนมันเป็นสีฟ้าได้ใช่หรือไม่?”

หวูเฉินกล่าวตอบทันที

“แน่นอน หาใช่เรื่องยากอันใด? หากเดาไม่ผิด…เจ้าคิดจะหลอกล่อพวกมัน?”

เย่หยวนแสยะยิ้มเย็นเอ่ยปากว่า

“ถูกต้องแล้ว! หากไม่ทำให้ตระกูลหวังประสบปัญหาเสียบ้าง เกรงพวกมันคิดว่านายน้อยผู้นี้คงง่ายต่อการรังแก!”

ความคิดนี้ของเย่หยวนทำเอาหวูเฉินสะดุ้งเฮือกเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า

“นั้นง่ายมาก! เดี๋ยวข้าจะดัดแปลงมันใหม่เอง!”

ณ โลกแห่งความจริง เย่หยวนโบกมือปัดเบาๆและกล่าวถามทหารยามด้านข้างด้วยความตื่นกลัวไม่จางหาย

“นี่…ข้า…ข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่?”

ทหารยามคนนั้นโบกมือไล่ด้วยความรำคาญและกล่าวว่า

“จะไปไหนก็ไป!”

“เจ้าลองประทับมืออีกครั้ง!”

ฉางเหลียนตระหนักดี ชายชราตรงหน้าช่างน่าเกรงขามยิ่ง เขาไม่กล้าขัดขืนใดๆและประทับฝ่ามือลงไปแต่โดยดี

สีเขียว!

สีหน้าการแสดงออดของฉางเหลียนดูผ่อนคลายลงก่อนผสานมือกล่าวว่า

“ควรจะเป็นเพราะเครื่องรางตรวจจับอันนี้เกิดความผิดพลาดกระมัง?”

หวังอวีเต๋าหาได้สนใจเขาแต่อย่างใด และเอ่ยปากกล่วากับที่เหลือว่า

“พวกเจ้าเองก็เร่งประทับลงมา!”

พวกเขาที่เหลือทั้งหกต่างสบสายตากันไปมาด้วยความงุนงง นี่กลับหาใช่เรื่องที่พวกเขาจะเข้าใจได้ แต่ฉางเหลียนเร่งกล่าวดึงสติกลับทันควัน

“ยังยืนงงอันใด? ไม่ได้ยินที่ท่านผู้นี้กล่าว?”

ทั้งหกสะดุ้งโหย่ง ก่อนเร่งประทับฝ่ามือลงตามลำดับ

เหลือง!

ม่วง!

ฟ้า!

คราม!

แดง!

ผลลัพธ์ที่ได้ของแต่ละคนยิ่งทำให้สีหน้าของหวังอวีเต๋าดำมืดทมิฬหนัก

ฉางเหลียนปาดเหงื่อเย็นที่ชโลมชุ่ม วิตกว่าผลลัพธ์เช่นนี้จะยิ่งทำให้ชายชราผู้นี้บรรดาโทสะ

เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์อันปวดเศียรแบบนี้ทำเอาอีกฝ่ายแทบถึงขีดจำกัดแล้ว เขาทำได้แต่ยืนนิ่งๆไม่เข้าไปพัวพันกับธุระของคนอื่นเป็นดีที่สุด

คนสุดท้ายที่ประทับฝ่ามือลงไป ยิ่งทำให้สีหน้าการแสดงออกของหวังอวีเต๋ามืดทมิฬดั่งก้นหม้อไหม้เกรียม!

แสงหลากสีระยิบวิบวับประดุจสายรุ้ง!

ฟู่วว!

ทันใดนั้นควันสีฟ้าฟุ้งกระจายออกจากป้ายตราตรวจจับทั่วสารทิศ

แกร๊งงง!

ทำลายแหลก!

บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากกล่าวเลยในเวลานี้

สมาชิกคนสถดท้ายของเจ็ดวีรบุรุษสายลมหยิน ตกใจกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ