จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1333

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1333
ตอนที่1333 ที่จริงเรารั้งรอเองต่างหาก!

การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเย่หยวน ทำให้ทั้งคู่ประหลาดใจมาก

แต่หาได้รีรอมากพิธีอันใด ร่างไสวทั้งสองแปรสภาพเป็นประกายแสงสายหนึ่ง ตรงเข้าจู่โจมเย่หยวนโดยมิให้ตั้งตัว

เย่หยวนคลี่ยิ้มบางอ่อน คู่เท้ายังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง ปล่อยให้อีกฝ่ายวิ่งเล่นตามสะดวก

“ไม่ต้องตื่นเต้นกันขนาดนั้นก็ได้ ผ่อนคลายเสียบ้าง”

เย่หยวนเอ่ยปากอย่างใจเย็น

สีหน้าการแสดงออกของหวังอวีเต๋าแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน มันตะโกนลั่นด้วยความคับแค้นใจว่า

“ไอ้เด็กเหลือขอ ช่างหาญกล้าประกาศเวลาตาย! แกสังหารสมาชิกชนชั้นสูงของตระกูลหวังไปถึงสิบเอ็ดคน! วันนี้ ขอชำระแค้นเบ็ดเสร็จทั้งต้นทั้งดอก!”

แลเห็นท่าทีสบายอารมณ์ของเย่หยวน เพลิงโทสะภายในใจหวังอวีเต๋ายิ่งโหมปะทุเดือดดาลหนัก

ตอนนี้เขาแทบจะกินเลือดกินเนื้อเย่หยวนทั้งเป็นได้แล้ว

เย่หยวนยักไหล่หาไม่แยแส แสยะยิ้มกว้างพลางกล่าวตอบ

“ไม่ช้าก็เร็ว เย่คนนี้ก็เตรียมลบล้างตระกูลหวังออกจากเมืองกุยฉางอยู่แล้ว ตายก่อนสักคนสองคนในสุสานสายลมหยินนับเป็นเรื่องดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลำเลียงศพมาฝังทีหลัง เช่นนั้นคงลำบากแย่! หรืออย่างไร…ยังต้องการสู้กับข้าเพื่อล้างแค้นอีก?”

หวังอวีเต๋าตะคอกเสียงแหบเย็น

“เจ้าคงกลัวขึ้นสมองไปแล้วกระมัง? ถึงได้บ้าไปแล้วเช่นนี้! เหอะ หากต้องการตำหนิก็ควรตำหนิตนเองที่ไปยั่วยุตระกูลหวังของเราตั้งแต่แรก! บนมหาพิภพมีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด! หากข้าต้องการให้แกตาย แกก็ต้องตาย!”

ได้ฟังแบบนั้น ทั้งเย่หยวนและพวกฉางเหลียนที่อยู่ด้านหลังต่างระเบิดเสียงหัวเราะเยาะไม่หยุดหย่อนด้วยความสนุกสนาน

สีหน้าของหวังอวีเต๋ามืดตกลงโดยมิตั้งใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเหล่านั้น

“เสียสติกันไปหมดแล้วจริงๆ! ยามนี้หัวเราะได้ก็หัวเราะไป! หลังจากนี้หวังว่าจะยิ้มกันได้ออก! จงรู้เอาไว้ซะ ชาตากรรมของแกในตอนนี้มันทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย!”

หวังอวีเต๋าตะโกนแผดสะท้านก้อง เขาปราดพุ่งจู่โจมเย่หยวนต่อพร้อมกับหวังอวีกั่น

เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดสองคน ผนึกกำลังเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน แรงกดดันที่ก่อเกิดกลับมหาศาลจนน่าตกใจ

ทว่าทันใดนั้นเอง กลับมีแรงกดดันที่น่าสะท้านขวัญเสียยิ่งหว่าปลดปล่อยออกจากร่างเย่หยวน!

สายลมหยินสุดขั้วเย็นสะท้านเสียดแทงร่างทั้งสองทะลวงถึงทรวงใน ไม่ว่าใครที่กล้าแกร่งพอๆกับหวังอวีเต๋ากับหวังอวีกั่นยังต้องแข็งทื่อหยุดชะงักทันควัน

จุดแข็งของสมาชิกที่เหลือของตระหวังอ่อนด้อยกว่าทั้งคู่ ดังนั้นจะทานทนสายลมหยินหอบนี้ไหวได้อย่างไร? ทันทีที่แรกสัมผัส จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาทั้งหมดกลับสลายปลิวไปกับสายลม!

ตึงงง!

ตึงงง!

ร่างของหวังอวีเต๋าและหวังอวีกั่นตกกระแทกพื้นอย่างแรง

ทั้งสองนัยน์ตาเบิกกว้างเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ไฉนถึงมีสายลมหยินสุดขั้วที่น่าสะพรึงขนาดนี้ปลดปล่อยออกจากร่างเย่หยวนได้?

ทั้งคู่รู้สึกราวกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาถูกแช่แข็งชั่วขณะ สายลมนี้ที่กอปรไปด้วยพลังธาตุหยินสุดขั้วกลับทรงพลังเกินไป!

ยามนี้เห็นเย่หยวนย่างสามขุมตรงเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หวังอวีกั่นพลันตื่นตะหนกสุดขีด

มันพยายามดิ้นสุดใจหวังให้หลุดออกจากพันธนาการนี้ ทว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์ แล้วจะสามารถรวบรวมพลังได้อย่างไร?

“ก-แก…แกจะทำอะไร!?”

หวังอวีกั่นกล่าวเสียงสั่นอย่างหวาดกลัว

สายตาเย่หยวนเบนเข้าจับจ้องอย่างเย็นชา พลางกล่าวขึ้นว่า

“ทำอะไรน่ะรึ? หุหุ นายน้อยผู้นี้หาได้ทำอะไรเจ้าเสีย เห็นข้าเป็นคนใจคับแคบตั้งแต่เมื่อใด? มีหรือที่จะฆ่าเจ้า? อย่างไรก็ตาม…หลัวเจียมีเรื่องอยากจะกล่าวกับเจ้าอยู่พอดี”

เมื่อเย่หยวนกล่าวจบ ดั่งมีสายฟ้าฟาดสะบั้นใส่กลางหัวหวังอวีกั่น เนื่องจากหวังอวีกั่นไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ ดังนั้นจึงเป็นเย่หยวนที่ลากขามันไปหาหลัวเจียประดุจลากศพสุนัขข้างทาง

“จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมันพิการชั่วขณะ ผลของมันยังคงอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วยาม จะทำอะไรกับมันก็รับทำ สมใจแล้วให้ฆ่าทิ้งทันที”

ระหว่างที่กำลังลากขาหวังอวีกั่นอยู่นั้น เย่หยวนหันมากล่าวกับพวกฉางเหลียนทั้งห้า

พวกฉางเหลียนทั้งห้าผสานมือคำนับเย่หยวนด้วยความตื่นเต้น และกล่าวว่า

“รับทราบนายท่าน! ทันทีที่พวกเราห้าพี่น้องระบายความแค้นจนสาแก่ใจ เราจะเชือดทิ้งทันที!”

เย่หยวนพยักหน้ารับคำ พร้อมลากรร่างของหวังอวีกั่นไถ่ไปกับพื้นจากไป

พวกฉางเหลียนทั้งห้าหันควับไปยังหวังอวีเต๋าที่สภาพยามนี้คล้ายสุนัขแก่ใกล้ตาย เหล่าห้าพี่น้องแสยะยิ้มฉีกกว้างด้วยความสุขใจอย่างหาที่เปรียบไม่

“หวังอวีเต๋า รู้สึกอย่างไรบ้างที่ต้องตกกลายเป็นเหยื่อ! แต่อย่างว่า หากข้าต้องการให้แกตาย…แกก็ต้องตาย!”

ฉางเหลียนเลียนแบบคำกล่าวของหวังอวีเต๋าเมื่อครู่อย่างขำขัน

ก่อนหน้านี้ไม่กี่อึดใจ หวังอวีเต๋ายังคงสถานะผู้ล่าไม่ห่างกาย ทว่ายามนี้กลับกลายมาเป็นเหยื่อเสียแล้ว

เฉพาะยามนี้ หวังอวีเต๋าเพิ่งเข้าใจว่า ทุกวาจาที่มันพล่ามไปต่อหน้าเย่หยวนล้วนไร้สาระทั้งสิ้น!

หวังอวีเต๋าไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้โดยสมบูรณ์ แต่สีหน้าการแสดงออกถึงกับบิดเบี้ยวน่าเกลียดสุดขีด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ