ตุบบ!
ร่างสภาพคล้ายสุนัขจรใกล้ตายของหวังอวีกั่นถูกเหวี่ยงอัดพื้นอย่างไม่ใยดี
“หวังอวีกั่น! เย่หยวน…นี่เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อหลัวเจียเห็นหวีงอวีกั่นสภาพเจียนตาย ร่องรอยตื่นตกใจพลันปรากฏทั่วใบหน้าของเขา
ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวน จะสามารถเปลี่ยนให้หวังอวีกั่นมีสภาพน่าสังเวทขนาดนี้ได้อย่างไร?
แต่ความเป็นจริงกลับประจักษ์ชัดต่อหน้าต่อตา มันไม่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเชื่อหรือไม่แล้ว
เย่หยวนคลี่ยิ้มบางเอ่ยตอบ
“ท่านอย่าได้กังวลเรื่องเหล่านั้น ข้าพาตาแก่นี่มาให้ท่าน ส่วนที่ว่าจะฆ่าหรือหั่นอวัยะแยกชิ้นอย่างไร สุดแท้แล้วแต่ท่านเลย”
หลัวเจียได้แต่จับจ้องไปยังเย่หยวนอย่างโง่งม หาได้รู้เรื่องราวก่อนหน้าแม้สักนิด
เย่หยวนในปัจจุบันยังคงมีพลังอยู่ที่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นเช่นเดิม หาได้มีความเปลี่ยนแปลงอันใด
แต่…ไฉนเขาทำได้ขนาดนี้กัน?
“ยะ-ยกโทษให้ข้าด้วย! เย่…เย่หยวน ทั้งหมด…ทั้งหมดเป็นความผิดของเราชายชราเอง! เราชายชราผิดไปแล้ว เย่หยวน…หลัวเจีย…โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ขอพอมีเมตตาอยู่บ้างและปล่อยข้าไป เราคนนี้ขอสัญญา ไม่ว่าต้องการเรียกร้องสิ่งใด ล้วนยินดีจ่ายด้วยความเต็มใจ!”
หวังอวีกั่นกล่าวขึ้นอย่างอ่อนแรง
เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นตอบ
“ข้าบอกไปแล้ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพี่หลัว จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา! ข้าเองก็จะไม่ไปขัดเช่นกัน”
คนที่เกือบตายภายใต้เงื้อมมือของหวังอวีกั่นในตอนนั้นคือหลัวเจีย ดังนั้นเย่หยวนจึงไม่มีอำนาจไปตัดสินใจแทนเขา
ส่วนเหตุผลที่เขาพาหวังอวีกั่นมาที่นี่ก็เพื่อให้หลัวเจียระบายความแค้นออกจากจิตใจ
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ หลัวเจียหาใช่คนใจอ่อนแม้แต่น้อย หากมีโอกาสตาแก่นี่ตายแน่นอน
“หลัว…”
ยังไม่ทันจะเริ่มขอร้องอ้อนวอนใดๆ กลับมีแสงคมดาบสีเย็นโฉบตัดสะบั้นเหนือบ่าในพริบตา
คมดาบพลังปราณเทวะสะบั้นศีรษะของหวังอวีกั่นหลุดกระเด็นไม่รู้ทิศ
ผู้อาวุโสอันสูงส่งแห่งตระกูลหวังนาม,หวังอวีกั่น ยามนี้จำต้องล่วงลับพร้อมสภาพสุดอนาจ
หลัวเจียหาได้ใส่ใจมีเยื้อใยใดๆกับอีกฝ่ายเลย ด้วยบุคลิกของเขาย่อมไม่ยอมเสวนาให้เสียเวลาเปล่า
“พล่ามเยอะเสียเวลา! คิดว่ากราบกรามแล้วข้าจะยอมปล่อยมันไป? โง่เง่าจริงๆ!”
หลัวเจียสบถด่าอย่างหยามเหยียด
เย่หยวนระบายยิ้มตอบเมื่อได้ยินเช่นนั้นและกล่าวว่า
“ยามผู้คนตกสู่สถานการณ์สิ้นหวัง ย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป”
“หากเป็นข้า ข้าคงไม่วิงวอนร้องขอความเมมตาต่ออีกฝ่ายแน่ อยู่แบบไร้ศักดิ์สิทธิ์หลังจากนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากตกนรกทั้งเป็น!”
หลัวเจียกล่าวเสียงเย็นเรียบนิ่งตอบ
เย่หยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อยและกล่าวถามว่า
“แล้วเป็นอย่างไร? ระบายความแค่นได้บ้างหรือยัง?”
หลัวเจียนพยักหน้ากล่าวตอบ
“สบายใจขึ้นมากนัก ว่าแต่…เย่หยวนเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าจะบอกท่านก็ได้ แต่ท่านต้องช่วยเก็บเป็นความลับ! แม้แต่ท่านประมุขหอก็อย่าได้แพร่งพรายเด็ดขาด! ว่าอย่างไรทำได้หรือไม่?”
หลัวเจียกลั้นหายใจเฮือก ก่อนส่ายหน้ารัวๆพลางเอ่ยตอบ
“ข้าทำไม่ได้! เช่นนั้นลืมไปเถอะ เจ้าเองก็ลึกลับตั้งแต่ไหนแต่ไร ข้าไม่รู้อีกสักเรื่องคงไม่ถึงตาย!”
หลัวเจียเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ในเมื่อเรื่องใดเขาไม่สามารถทำได้ ย่อมไม่รับปากส่งเดชแน่นอน
แต่เพราะแบบนี้เขาจึงยิ่ประเมินเย่หยวนไว้สูงลิบลิว
ส่วนเย่หยวนเองก็พอจะทราบ เป็นเรื่องธรรมดาที่หลัวเจียอยากรู้อยากเห็นยิ่งว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่อีกฝ่ายเองก็ไม่ต้องการมีเรื่องปิดบังกับหยางรุยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงจำใจเลือกที่จะไม่เอ่ยถามต่อ
สำหรับเย่หยวน แท้ที่จริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องมีเรื่องอันใดปิดบังเมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวเจียเลย เพียงเขาเองก็ทราบนิสัยใจคอของหลัวเจียดี หากกล่าวไปแล้วทำให้อีกฝ่ายเป็นทุกข์ เย่หยวนก็เลือกที่จะไม่บอกดีกว่า
ท้ายที่สุดนี้ กุ้ยหยุนคือไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่หยวนในปัจจุบัน!
“โอ้ใช่แล้ว หวังอวีเต๋ากับหวังอวีมินล่ะ? พวกมันอยู่ที่ไหน? หรือว่าเจ้าเองก็…”
จู่ๆหลัวเจียพลันนึกอะไรออกจึงเอ่ยปากถามเย่หยวนทันที
เย่หยวนยิ้มแย้มเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“ระหว่างทางมา ข้าฆ่าหวังอวีมินทิ้งไปแล้ว ส่วนหวังอวีเต๋า ยามนี้คงกำลังลิ้มรสความสนุกไม่รู้จบ”
สีหน้าการแสดงออกของหลัวเจียรวนเรแปรเปลี่ยนมากครั้ง เขาเอ่ยกล่าวเสียงสั่น
“เจ้าเด็กนี่…เจ้ามันสัตว์ประหลาดชัดๆ!”
ไม่นานหลังจากนั้น พวกฉางเหลียนทั้งห้าเร่งตรงเข้ามาสมทบ พร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนอย่างพร้อมเพรียงและกล่าวว่า
“ขอบพระคุณนายท่านอย่างยิ่งที่ช่วยทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริง! ความแค้นของน้องสามและน้องเจ็ดนับว่าถูกสะสางเป็นที่เรียบร้อย! นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราห้าพี่น้องขอรับใช้นายท่านชั่วชีวิต! หากนายท่านสั่งให้เรามุ่งหน้าสุดขอบตะวันออก เราก็จะไปสุดขอบตะวันออก ท่านเรียกให้เราไปสุดขอบตะวันตก เราก็จะไปสุดขอบตะวันตก! ชีวิตที่เหลือของมอบการรับใช้ให้แก่ท่าน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...