แม้ว่าเขาจะพอคาดเดามาได้นานแล้ว แต่หอมหาสมบัติที่ตกต่ำถึงขั้นนี้กลับเกินความคาดหมายของเย่หยวนไม่น้อย
หอมหาสมบัติเป็นถึงธุรกิจหลักของจักรพรรดิเทพสวรรค์มหาสมบัติ แต่ระบบการบริหารกลับน่าสังเวชโดยแท้
“เช่นนั้นพวกเราก็รั้นแต่ต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว?”
เย่หยวนกล่าวขึ้น
หงหยินพยักหน้าอย่างช่วยมิได้และกล่าวว่า
“คงต้องเป็นเช่นนั้น! แต่…พวกมันมีจอมเทพโอสถสองดาวอยู่ เราไม่มีทางเอาชนะในศึกครานี้ได้เลย!”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“จอมเทพโอสถสองดาว ฟังดูน่าสนใจดีหนิ แต่ภายในเมืองกุยฉางแห่งนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถใช้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองได้บ้าง? จะขายได้กี่เม็ดเชียว?”
หงหยินกล่าวตอบ
“เพราะแบบนั้นพวกตระกูลหวังจึงให้จอมเทพโอสถสองดาวหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นกลาง แถมประสิทธิภาพยังสูงมาก พวกมันหวังบีบเราให้ตายคามือจริงๆในคราวนี้!”
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“อืม…โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นกลางงั้นรึ ดูท่าจะมีปัญหาไม่น้อยจริงๆ ดูท่าข้าจำต้องเลื่อนระดับในเร็ววันเสีย”
หงหยินงุนงงเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น พลันไม่แน่ใจว่านั้นหมายความอย่างไร
เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“เอาล่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวไปพบกับท่านประมุขหอก่อน โอ้ใช่แล้ว แม่นางหวานหรูสบายดีหรือไม่?”
เมื่อฟังว่าอีกฝ่ายเอ่ยถึงเหลียงหวางหรู หงหยินพลันคลี่ยิ้มหวานและกล่าวว่า
“ไม่สบายไปกว่านี้อีกแล้ว! พรสวรรค์ในเส้นทางแห่งการต่อสู้ของนางช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก! ในปัจจุบัน นางแกร่งกล้ากว่าข้าไปหลายขุมแล้ว!”
เย่หยวนเลิกคิ้วกระตุกและกล่าวถามว่า
“นางพัฒนาไวขนาดนั้นเชียว?”
เหลียงหวางหรูทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทว่าหงหยินกลับติดอยู่ที่อาณาจักรพระเจ้าไม่ขยับไปไหนนานมากแล้ว
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เหลียงหวางหรูสามารถแซงหน้าหงหยินจนทิ้งทวนไม่เห็นฝุ่น นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อของนาง
สีหน้าการแสดงออกของหงหยินพลันแปรผันดูเศร้าสร้อย กล่าวเสียงละห้อยขึ้นว่า
“ถูกต้องแล้ว ในตอนนี้ข้ากลับมิใช่คู่มือของนางอีกต่อไป! ข้าสามารถบอกได้เลยว่า เพราะนายท่านเย่ช่วยชีวิตนางในวันที่นางไม่เหลืออะไรเลย ดังนั้นตอนนี้หวังหรูกลับเฝ้าคิดถึงท่านไม่เว้นวัน นางหลงท่านหัวปักหัวปำ! สงสัยท่านจะดูแลนางดีเกินไปกระมัง?”
เย่หยวนตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนส่ายหัวอานกล่าวว่า
“อย่ากล่าวเรื่องเช่นนั้นเลย หัวในของเย่คนนี้กลับมีเจ้าของแล้ว ที่ข้าช่วยแม่นางหวางหรูในตอนนั้นเพราะนางเคยช่วยชีวิตข้าไว้ หาได้ช่วยเหลือเพื่อหวังความสัมพันธ์ดั่งหนุ่มสาว”
เมื่อกล่าวจบเย่หยวนก็ผสานมือคำนับและจากไปทันที ทิ้งทวนหงหยินที่ทอดสายตามองพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น
เย่หยวนรู้สึกปวดเศียรไม่น้อยในยามนี้ เขาเพียงต้องการตอบแทนบุญคุณชีวิตที่เหลียงหวางหรูเคยช่วยชีวิตเอาไว้ แต่ใครจะไปคิดว่ากลับเป็นการทิ้งหนี้รักสลักใจนางแบบนี้
เหลียงหวางหรูคือผู้ช่วยชีวิตของเขาในวันนั้น แล้วเป็นไปได้หรือไหมที่จะให้เย่หยวนงอแขนงอขาเฝ้ามองนางตายไปเฉยๆ?
ตอนนี้เขามีทั้งลี่เอ๋อทั้งมู่หลินเสวียแล้ว เย่หยวนไม่สามารถรับรักใครได้อีก
“ดูท่าในอนาคตต่อไป เขาอาจต้องสนทนาติดต่อกับแม่นางหวางหรูให้น้อยลง มิเช่นนั้นนางคงจมดิ่งไปกับความรู้สึกลงลึกไปกว่านี้แน่”
เย่หยวนพึมพำกับตัวเองพลางนวดขมับเบาๆ
……………………….
เมื่อหยางรุยเห็นเย่หยวนเดินเข้ามา ดั่งว่าเขาได้เห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง!
“ขอบคุณสวรรค์! น้องเล็กเย่ หากเจ้ายังไม่ออกมา เกรงว่าหอมหาสมบัติต้องปิดตัวลงแล้ว!”
หยางรุยดึงเย่หยวนเข้ามากล่าวโดยไว
ภายใต้สถานการณ์มืดแปดด้านเช่นนี้ เย่หยวนคือความหวังเดียวที่เขาเหลืออยู่แล้ว
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านประมุขหอไม่จำต้องกังวลไป ข้ารู้เรื่องทุกอย่างจากหงหยินหมดแล้ว”
หยางรุยจับจ้องเจือสายตาประหลาดใจ แต่ในไม่ช้าพลันมีข้อสงสัยหนึ่งผุดขึ้นมา จึงอดเอ่ยปากถามมิได้ว่า
“เจ้ามีทางหนีทีไล่อยู่? แต่…ดูท่าหนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะเลื่อนขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางได้?”
การจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นกลาง จำเป็นต้องมีขุมพลังอยู่ที่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางเสียให้ได้ก่อนเท่านั้น
ความแตกต่างระหว่างอาณาจักรพระเจ้ากลับมีมากเกินไป การจะข้ามขั้นเพื่อหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ กลับไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...