จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1344

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1344
ตอนที่1344 มอบให้ท่าน

“พวกเจ้าได้ยินรึยัง? หอมหาสมบัติเตรียมเคลื่อนไหวบ้างแล้ว! ได้ข่าวว่าพวกเขากำลังจะเตรียมเปิดตัวโอสถชนิดใหม่! ชื่อว่าโอสถ…เออ…โอสถอะไรนะ?”

“โอสถบ่มเพาะปราณ!”

“นั้นแหละ! นั้นแหละ! ชื่อว่าโอสถบ่มเพาะปราณ! ช่างน่าทึ่งโดยแท้! ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้ยินมาว่า ประสิทธิภาพของมันยังเหนือชั้นกว่าโอสถเสริมปราณถึงสองเท่า!”

“นี่เจ้าเองก็หูเบาเชื่อ? เห็นโอสถเป็นตลาดซื้อขายผักปลากระมัง? เจ้าควรทราบ คำว่าประสิทธิภาพเหนือกว่าถึงสองเท่ามันเกินจริงเพียงใด?”

“อืม…ก็จริง ข้าคิดว่าหอมหาสมบัติใกล้อยู่ไม่ไหวเต็มทน จึงจงใจใช้กลยุทธ์แบบนี้เพื่อดึงความสนใจของลูกค้ากลับมา ขอกล่าวตามสัตย์จริง หอมหาสมบัติสาขาเมืองกุยฉางอ่อนด้อยที่สุดแล้วตั้งแต่ที่ข้าเคยเจอมา!”

“อืม แต่เพื่อต่อกรกับหอมหาสมบัติในปีนั้น ตระกูลหวังเองก็ออกโรงเต็มสูบเช่นกัน ก็หาใช่ว่าอ่อนด้อยสักทีเดียว อย่างไรก็ตามแต่…การที่ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันเช่นนี้ ผลประโยชน์กลับตกเป็นของลูกค้าอย่างพวกเรามากกว่า ส่วนเรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร เตรียมรอดูได้เลย”

…………………..

หัวข้อสนทนาหลักของผู้คนภายในเมืองฉางกุยในขณะนี้ มีแต่เรื่องของหอมหาสมบัติเต็มไปหมด

ทว่าคนส่วนใหญ่กลับมองหอมหาสมบัติในแง่ไม่ดีเท่าไหร่นัก

โอสถบ่มเพาะพลังคืออะไร? พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

อย่างน้อยที่สุด ทั่วทั้งอาณาเขตของเมืองหลวงหวูเมิ่ง กลับไม่มีใครเคยได้ยินสรรพคุณของโอสถชนิดใดที่ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้มาก่อน

แม้แต่หยางรุยที่ได้ฟังจากปากเย่หยวน เขายังไม่ค่อยมั่นใจนัก แล้วจะนับประสาอะไรกับฝูงชนเหล่านี้

ณ ตำหนักตระกูลหวัง เหล่าสมาชิกระดับสูงจำนวนมากกำลังนั่งประชุมกันอยู่ พลางเย้ยหยันข่าวนี้ไม่หยุดหย่อน

“ผู้อาวุโสซวน ในความเห็นของท่าน มีโอกาสหรือไม่ที่หอมหาสมบัติจะนำโอสถบ่มเพาะปราณออกมาจำหน่ายได้จริงๆ?”

หวังซูเอ่ยถาม

หวังซวนเฟยนั่งลูบเคราเพลิน พลางกล่าวขึ้นประดับรอยยิ้มแสนเหยียดหยามว่า

“ในความเห็นของข้า มีความเป็นไปได้ไม่ถึงหนึ่งส่วน! สูตรโอสถเสริมปราณได้ชื่อว่าเป็นโอสถบ่มเพาะพลังที่ดีที่สุดแล้วสำหรับอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางในมหาพิภพถงเทียน และความจริงในข้อนี้ก็ถูกพิสูจน์มาแล้วกว่าหลายร้อยล้านปี ณ ปัจจุบันโอสถเสริมปราณยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย แม้ไอ้เก็กเหลือขอนั้นจะมีพรสวรรค์เหนือชั้นอย่างไร แต่อย่างดีที่สุดก็ปรับปรุงสูตรโอสถให้ดีขึ้นได้ไม่ถึงห้าในร้อยส่วน ส่วนเรื่องประสิทธิภาพเหนือกว่าโอสถเสริมปราณถึงสองเท่าทวี กลับเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของหวังซวนเฟย ความกังวลของทุกคนก็สลายหายวับไป

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนหอมหาสมบัติถึงเลือกยืนบนปลายเชือกกัน?”

หวังอวีเซียงเอ่ยถาม

หวังซวนเฟยกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มว่า

“หลายสิบปีมานี้พวกเขาตกต่ำอย่างมาก และนี่คงไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วเช่นกัน”

ยิ่งได้ฟังดังนั้น เหล่าสมาชิกระดับสูงของตระกูลหวังทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เปิดศึกต่อสู้กันมาอย่างดุเดือดตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็จะจบลงเสียที

ในท้ายที่สุดนี้ การต่อสู้ก็ปิดฉากลงพร้อมกับความพ่ายแพ้ของหอมหาสมบัติ

หวังอวีเซียงกล่าวขึ้นทันทีด้วยความยินดีว่า

“จากตีตื้นจนบีบให้หอมหาสมบัติล้มจมได้ ทั้งหมดต้องขอบคุณพวกท่านทั้งสอง,คุณชายซูและผู้อาวุโสซวน!”

“หุหุ พวกเราก็แซ่หวังเหมือนกัน ไยต้องสุภาพอีก? ตระกูลหวังสาขาเมืองกุยฉางกับตระกูลหวังสาขาหลักแห่งเมืองหมิงหยาง ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ผูกพันฉันมิตรไม่ดีกว่ารึ?”

หวังอวีเซียงสะดุ้งตื่นตัวภายในใจอย่างลับๆ ไหวพริบประสบการร์ของหวังซูคนนี้ค่อนข้างเฉียบคมนัก

คำกล่าวเหล่านี้แม้นเสมือนกับปฏิเสธคำชมอย่างสุภาพ แตกหากพินิจมองให้ขาด นั้นหมายถึง ยามพวกเจ้าทุกข์ข้าช่วยเหลือ ยามข้าเดือดร้อนพวกเจ้าต้องช่วยข้าเช่นกัน

เหล่าเยาวชนระดับหัวกะทิของตระหวังสาขาหลักในเมืองหมิงหยาง เป็นสังคมการแข่งขันที่ชิงดีชิงเด่นกันอย่างดุเดือด

หวังซูที่ต้องการหลุดออกจากวงล้อมนี้และทำให้ตนเองโดดเด่นที่สุด จึงเลี่ยงมิได้ที่ต้องหาฝักฝ่ายคอยสนับสนุน ทรัพยากรสำหรับการบ่มเพาะพลังถือเป็นปัจจัยหลักที่ไม่สามารถหลักเลี่ยงได้

ดังนั้นหวังซูจึงตัดสินใจยื่นมือมาช่วยเหลือ หวังเพื่อผูกมิตรกับฝ่ายตระกูลหวังสาขาเมืองกุยฉาง

หวังอวีเซียงมีปัญญาหลักแหลมตามอายุ แน่นอนว่าเขาจะไม่สามารถแยกแยะความหมายในคำกล่าวของหวังซูได้อย่างไร?

“คุณชายซู, ผู้อาวุโสซวน ตราบใดที่หอมหาสมบัติล้มจมโดยสมบูรณ์ นับว่าความขุ่นเคืองของตระกูลหวังสาขาเมืองกุยฉางได้รับการสะสางเช่นกัน บุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก!”

ประกายแสงเย็นเจือแววอาฆาตสาดส่องออกจากนัยน์ตาของหวังอวีเซียง

หวังซวนเฟยยิ้มแย้มกล่าวว่า

“จะว่าไป ไอ้เด็กเหลือขอนั้นเป็นแค่อาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติเท่านั้น ตราบใดที่ไม่มีหอมหาสมบัติอีกต่อไป การจะฆ่ามันหลังจากนี้กลับง่ายเกินไป ต่อให้หยางรุยออกโรงปกป้อง ต่อหน้าพวกข้ามันก็ไม่นับเป็นอันใด!”

เมื่อหอมหาสมบัติปิดตัวลง เย่หยวนเองก็ไม่ต่างอะไรกับต้นกล้าอ่อนไร้รากแหน

ตระกูลหวังในตอนนี้มีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าถึงสองคน หากยังไม่สามารถจับตัวเย่หยวนมาได้ เกรงว่าไปฆ่าตัวตายดีกว่า?

…………………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ