“ผู้อาวุโสเฟิ้งเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านหลอมกลั่นออกมาได้หรือไม่?”
คนที่เอ่ยถามขึ้นมีนามว่า ห่านเทียนแห่งหอมหาสมบัติสาขาเมืองหลวงหวูเมิ่ง และชายชราที่อยู่ตรงข้ามเขาคือหัวหน้านักหลอมโอสถแห่งหอมหาสมบัติ จอมเทพโอสถสามดาว,เซียวเฟิ้ง
เซียวเฟิ้งส่ายหัว คลี่ยิ้มขื่นกล่าวว่า
“เราชายชราเองก็ศึกษาศาสตร์แห่งโอสถมานับหลายหมื่นปี แต่กลับไม่คิดไม่ฝันมาก่อน แม้แต่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นกลางก็ยังไม่มีปัญญาหลอมกลั่น!”
ห่านเทียนตกตะลึงอย่างยิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น เขากล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“ไม่ได้เลยงั้นรึ? นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นกลาง แม้แต่ท่านที่เป็นจุดสูงสุดแห่งจอมเทพโอสถสามดาวก็ยังหลอมกลั่นไม่ได้จริงๆ?”
ครึ่งเดือนก่อน ห่านเทียนได้รับสูตรโอสถบ่มเพาะปราณมาจากหอมหาสมบัติสาขาเมืองกุยฉาง
ด้วยหัวคิดทางด้านธุรกิจอันฉลาดหลักแหลมของหยางรุย หลังจากที่ได้รับสูตรโอสถของเย่หยวน เขาก็เริ่มคิดต่อยอดสร้างโอกาสเพื่ออนาคตทันที
ซึ่งหลังจากที่ส่งถึงมือห่านเทียนแล้ว เขาจึงเร่งระดมเหล่านักหลอมโอสถของเมืองหลวงหวูเมิ่งทันที เพื่อหลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะปราณตามสูตรที่ได้มา
แต่เขากลับตระหนักได้ทันทีในเวลาต่อมา เขาคิดง่ายเกินไป!
แม้หอมหาสมบัติในอาณาเขตเมืองหลวงหวูเมิ่งจะมีขุมพลังอ่อนแอที่สุด แต่ในจำนวนเหล่านั้นก็มีจอมเทพโอสถสองดาวไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าเหล่าจอมเทพโอสถสองดาวกลับไม่มีใครสามารถหลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะปราณสำเร็จเลยสักคน!
ในท้ายที่สุดนี้ ห่านเทียนไร้ซึ่งทางเลือกอื่นจนต้องเชื้อเชิญจอมเทพโอสถสามดาวอย่างเซียวเฟิ้งให้ออกโรง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ห่านเทียนประหลาดใจหนักเลยก็คือ แม้แต่เซียวเฟิ้งก็ยังล้มเหลว!
โอสถบ่มเพาะปราณมันไม่หลอมกลั่นยากเกินไปหน่อยรึ?
เซียวเฟิ้งถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า
“สูตรโอสถชนิดนี้คือผลงานชิ้นเอกของมหาพิภพถงเทียน หากปราศจากความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถในระดับลึกซึ้ง ก็ไม่มีทางหลอมกลั่นมันได้เลย เราชายชรา…ยังขาดตกไปหนึ่งส่วน!”
แท้ที่จริง เซียวเฟิ้งก็เกือบจะหลอมกลั่นได้สำเร็จแล้วเช่นกัน เพียงว่าในขั้นตอยสุดท้ายดูเหมือนว่าความเข้าใจของเขายังลึกซึ้งไม่พอ
ได้ยินวาจาคำกล่าวแบบนี้ ห่านเทียนถึงกับสะท้านขวัญจิตใจร่วงวูบ
ตอนที่เขาได้รับสูตรโอสถบ่มเพาะปราณมา เขาดีใจเป็นบ้าเป็นหลังประดุจได้ขุมสมบัติชิ้นโต แต่ยามนี้หากปราศจากผู้คู่ควรกลับแทบไม่มีค่าอันใด
หากไม่สามารถหลอมกลั่นออกมาได้ นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษแผ่นหนึ่งจริงหรือไม่?
“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า นี่จะเป็นการตักน้ำใส่ตะแกรง สวรรค์เล่นตลกแล้ว…เฮ้ออ…”
ห่านเทียนกล่าวขึ้นอย่างหดหู่ใจ
เซียวเฟิ้งลูบเครายาวไปพลาง ครุ่นคิดพินิจถึงเรื่องนี้ครู่ใหญ่ก่อนกล่าวว่า
“ท่านประมุขหอ ข้ามีความคิดดีๆแล้ว!”
ห่านเทียนโพล่งกล่าวตอบสนองทันควัน
“ผู้อาวุโสเฟิ้งคิดเห็นอย่างไร โปรดอย่าลังเลที่จะกล่าว!”
เซียวเฟิ้งกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
“ข้าไปเมืองกุยฉางสักเที่ยวนึง!”
ห่านเทียนตัวแข็งทื่ฉับพลัน รีบเร่งส่ายหัวอานกล่าวว่า
“ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นักจริงหรือไม่? ผู้อาวุโสเฟิ้ง,สถานะของท่านสูงส่ง จะให้เดินทางไปยังสถานที่ทุรกันดารเช่นนั้นได้อย่างไร? หากท่านต้องการเข้าพบอาคันตุกะนักหลอมโอสถนามว่า เย่หยวน ให้ข้าเชิญเขาเข้ามาพบท่านที่นี่ดีกว่า”
ในสายตาของพวกเขา เมืองกุยฉางกลับมิใช่สถานที่ที่คุ้มค่าจะเดินทางไปเท่าไหร่
แต่เซียวเฟิ้งกลับส่ายหัวและกล่าวว่า
“ไม่ถูกต้องท่านประมุขหอ! อายุกลับไม่เกี่ยว ใครบรรลุก่อนผู้นั้นมีคุณสมบัติ เนื่องจากเย่หยวนผู้นี้สามารถหลอมกลั่นโอสถบ่มเพาะปราณได้ นี่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ศาสตร์แห่งโอสถของเขาลึกล้ำเหนือกว่าเราชายชราไปแล้ว! อย่างน้อยที่สุดในบรรดาโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งทั้งหมด ข้ายังอ่อนด้อยกว่าเขานัก! อัจฉริยะมากพรสวรรค์แบบนี้ ในภายภาคหน้าย่อมก้าวล้ำเหนือกว่าเราชายชราแน่นอน! บุคคลทรงคุณค่าควรธำรงรักษาให้มั่น! ในอนาคตเขาจะกลายมาเป็นเสาหลักของหอมหาสมบัติ!”
ห่านเทียนพินิจตามไปและพยักหน้ารัวเห็นด้วยสุดใจ
“ผู้อาวุโสเฟิ้งกล่าวถูกต้องแล้ว! เช่นนั้น…การเดินทางครานี้ข้าต้องรบกวนท่านแล้ว และหากเป็นไปได้…นำเขากลับมาเมืองหลวงหวูเมิ่งด้วยจะเป็นการดีที่สุด!”
เสี่ยวเฟิ้งกล่าวตอบว่า
“หุหุ มิได้เป็นการรบกวนเลย! ข้ารู้สึกว่าบางที…การเดินทางครั้งนี้อาจเป็นโชคดีของข้าด้วยซ้ำ!”
……………………………..
ชั่วพริบตาครึ่งปีผ่านไป หลังจากที่หอมหาสมบัติเปิดตัวโอสถบ่มเพาะปราณ
ในช่วงครึ่งปีมานี้ร้านค้าของตระกูลหวัง, ตระกูลหลินและตระกูลหลู่ยังคงรกร้างไร้ซึ่งผู้คน
ตระกูลหลินกับตระกูลหลู่ยังพอทำเนา แต่ตระกูลหวังกล่าวได้ว่าขาดทุนป่นปี้ไม่เหลือดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...