พ้นห่างไปจากเมืองกุยฉางนับหลายหมื่นลี้ สองร่างทะยานควบมังกรบิน เร่งความเร็วสุดขีดไปยังทิศทางเมืองหมิงหยางดั่งสายลมโฉบแล่น
“หวังซู วิธีนี้กลับไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยรึ? ไม่ว่าอย่างไร ตระกูลสาขาเมืองกุยฉางก็เป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลหวังเหมือนกัน!”
หวังซวนเฟยกล่าวขึ้น
“ตระกูลหวังสาขาเมืองกุยฉางได้จบสิ้นลงไปนานแล้ว เราเพียงใช้พวกมันให้คุ้มค่าที่สุดก่อนจะไร้ประโยชน์เท่านั้น! ที่สำคัญ หากไม่ทำเช่นนี้แล้วเราจะอาศัยข้ออ้างใดส่งคนจากตระกูลหลักให้ไปสังหารเย่หยวนกัน?”
หวังซูกล่าวขึ้นกล่าวอย่างไม่แยแสอันใด
หวังซวนเฟยถอนหายใจเฮือกหนึ่งและกล่าวว่า
“แต่วิธีนี้กลับไร้มโนธรรมเกินไป!”
หวังซูเค้นเสียงหัวร่อคำหนึ่งพลางกล่าวตอบ
“ผู้ประสบความสำเร็จกลับไม่ตระหนี่เรื่องเล็กน้อย! มิเช่นนั้นไฉนสตรีเพศถึงเป็นรองในพิภพแห่งการต่อสู้เช่นนี้? อย่าได้สนใจอีกเลย เรารีบไปกันดีกว่า!”
หวังซวนเฟยเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ยามนี้หมดคำพูดจะเอ่ยกล่าวแล้วจริงๆ
กระนั่น ขณะที่ทั้งสองกำลังควบทะยานเดินทางโดยไว แต่จู่ๆก็มีสายลมเย็นยะเยือกหอบใหญ่พัดผ่านหลู่ทุกอณูรูขุมขน
วิสัยทัศน์เบื้องหน้าของทั้งสองพร่ามัวอย่างหนัก ทันใดนั้นพลันปรากฎร่างหนึ่งอยู่ต่อหน้าต่อตา
รูม่านตาดำของหวังซูถึงกับตีบแคบกะทันหัน สีหน้าเปลี่ยนสีสลับไสวตระหนกสุดขีด เขาอุทานลั่นอย่างตะกุกตะกักว่า
“จะ-จะ-เจ้า…ไฉนเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
ร่างที่ยืนสกัดขวางต่อหน้าต่อตาทั้งสองกลับมิใช่ใครอื่น นอกเสียจากกุ้ยหยุน!
กุ้ยหยุนเอ่ยแช่มน้ำเสียงเย็นเฉียบว่า
“นายท่านสั่งให้ข้าลอบติดตามพวกเจ้ามา ตราบใดที่ย่างเท้าออกจากเมืองกุยฉาง ข้ามีหน้าที่ลากพวกเจ้ากลับมา”
สีหน้าของหวังซูซีดเผือกแลดูสิ้นหวังแล้ว
เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เย่หยวนจะเป็นคนที่รอบคอบขนาดนี้ ถึงขนาดที่ว่าส่งวิญญาณชั่วสองดาวตามติดพวกเขา!
…………………………
“หยางรุย, เย่หยวน หากพวกเจ้าไม่ยอมออกมาอธิบายให้ข้าฟังภายในวันนี้ ปมความแค้นระหว่างเราไม่มีทางจบง่ายๆ! หากเก่งจริงก็ออกมาฆ่าข้า,หวังเพียนหลานคนนี้! เหอะ ทั้งพี่ชายและท่านพ่อล้วนถูกพวกเจ้าสังหารโหด ข้าอยากจะเห็นเสียเหลือเกิน ใครมันยังจะกล้าซื้อของในหอมหาสมบัติอีก! ดีไม่ดีอาจถูกฆ่าปิดปากเมื่อใดก็ได้!!”
หวังเพียนหลานตะโกนด่าพ่นน้ำลายใส่ไม่หยุดหย่อน ซึ่งเวลาผ่านไป มันก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์พัฒนามาไกลถึงจุดนี้ หยางรุยก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่
หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังชื่อเสียงที่สั่งสมมาของหอมหาสมบัติคงป่นปี้ไม่เหลืออีกแล้ว!
เย่หยวนเหลียวมองอีกฝ่ายเล็กน้อย และกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“พี่หยาง ระงับโทสะเอาไว้ก่อน อีกฝ่ายกำลังยกหินขึ้นมาทุบเท้าตัวเอง อย่าได้สนใจจนเกินไป”
หยางรุยเอ่ยกล่าวอย่างฉงนใจว่า
“หรือเจ้าไปรู้เรื่องอะไรมา?”
เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า
“ไม่รู้หรอก เพียงช่วงนี้ระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษเท่านั้น หากต้องการรับมือพวกเดรัจฉานเหล่านี้ให้อยู่หมัด จำต้องใส่ใจทุกรายละเอียดจริงหรือไม่?”
ได้ฟังเย่หยวนกล่าวดังนั้น หยางรุยยิ่งไม่มีความมั่นใจเข้าไปใหญ่
แต่ทันใดนั้น สายลมธาตุหยินสุดเย็นจัดกระโชกซัดใส่หอมหาสมบัติพร้อมเสียงหอนกังวาลลั่น ทุกคนที่รู้สึกได้ยินต่างสั่นสะท้านขนหัวลุกกันโดยพลัน
ตุบบบ!!
ร่างทั้งสองถูกโยนลงกลางฝูงชนล้มกระแทกพื้นอย่างแรง โดยที่คนปล่อยหาได้สนใจปราณีใดๆ
เย่หยวนในยามนี้ก้าวแช่มเผยใบหน้าต่อสาธารณะชน สายตาของเขาจับจ้องไปทางหวังซูที่พยายามตะเกียดตะกายยืนขึ้นและกล่าวว่า
“หวังซู คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีก ไม่ใจร้ายไปหน่อยรึที่เจ้าจากไปโดยมิกล่าวคำอำลาเลย?”
ในเวลานี้เอง ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของทั้งหวังซูและหวังซวนเฟยต่างถูกปิดผนึกไว้โดยกุ้ยหยุน พวกเขาไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลยแม้แต่จะฆ่าตัวตาย
เห็นเย่หยวนอยู่ตรงหน้า ท่าทีการแสดงออกของหวังซูดูน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่
“เย่หยวน! เจ้าหมายความอย่างไรกันแน่? ฆ่าผู้อาวุโสอวีเซียงกับลูกชายของเขายังไม่พอใจอีกรึ? ถึงขั้นยั่วยุพวกเราตระกูลหวังสาขาหลักแห่งเมืองหมิงหยาง?”
หวังซูระบายเสียงเย็นเอ่ยตอบ
เย่หยวนถูกฝูงชนโดยรอบล้อมกรอบไว้แล้วเช่นกัน ทว่าเขากลับมิได้กังวลแยแสใดๆ และกล่าวพร้อมรอยยิ้มจางๆว่า
“หากไม่มีล้ำเส้นข้าก่อน มีหรือที่ข้าจะไปล้ำเส้นใคร? หากผู้ใดกล้าทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าฆ่าล้างไม่เว้นชีวิต! แล้วพวกเจ้าก็ยั่วยุก่อปัญหาให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า หรือเป็นไปได้ไหมว่าจะหนีออกไปได้ง่ายๆ? เหนือพิภพใต้สวรรค์ อย่าหลงคิดไปว่าพวกเจ้าไร้เทียมทาน!”
แลเห็นท่าทีอันเย็นชาของเย่หยวน หวังซูใจหายวูบโดยมิตั้งใจ
ด้วยความแกร่งกล้าของวิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลาง พวกเขาตระกูลหวังยังนับเป็นอันใด?
หากกล้าแตะต้องเย่หยวนแม้แต่น้อย ได้ตายไม่รู้ตัวแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...