สรรพคุณของผลวิญญาณร่ำไห้ได้รับการขัดเกลาให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยบัญญัติเทพแห่งถงเทียน ก่อนจะหลั่งไหลเข้าสู่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาในที่สุด
ปัจจุบันทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเริ่มขยายกว้างขึ้น ส่งผลให้ขนาดจุดตันเถียนใหญ่ขึ้นเช่นกัน เนื่องด้วยการขยายตัวต่อเนื่อง จึงทำให้บริเวณที่ขยับกว้างออกเกิดช่องว่างปราศจากสิ่งใด เห็นเป็นแบบนั้น เย่หยวนจึงเริ่มดูดซับพลังวิญญาณจากโลกภายนอกอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกรอกเทเข้าเติมเต็มทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ในทันที
มิทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดทุกอย่างก็เงียบลง
“บัญญัติเทพแห่งถงเทียนนับเป็นความโชคดีของฟ้าดินอย่างแท้จริง! พลังปราณในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าค่อยๆหนาและเข้มข้นขึ้นต่อเนื่องประดุจชั้นแป้งบนชั้นแป้งอีกที! ความหนาแน่นของพลังปราณเทวะที่มากขนาดนี้ ทอดสายตาในบรรดาอาณาจักรพลังเดียวกัน ตัวเจ้าไร้เทียมทานเสมอฟ้า!” หวูเฉินกล่าวขึ้นพลางถอนหายใจด้วยความชื่นชม
หากให้เปรียบ ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นเสมือนดั่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แต่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนกลับทับถมเป็นชั้นหนาสุดข้นคลักจนเกือบจะกลายเป็นก้อนเนื้อก็ไม่ผิด สิ่งนี่บ่งบอกให้เห็นว่า พลังปราณเทวะในอาณาจักรพลังเท่ากัน ของเย่หยวนทรงประสิทธิภาพกว่าอย่างหาที่เปรียบไม่
เย่หยวนกล่าวว่า “เพียงพริบตาเดียว ข้าก็บ่มเพาะสำเร็จบทแรกโดยสมบูรณ์แบบ ภารกิจถัดจากนี้คือการหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนบทที่สอง แต่ข้าพยายามเสาะหาร่องรอยเชื่อมต่อแต่กลับทำไม่ได้เสียที กล่าวได้ว่าไม่เห็นแววสำเร็จแม้แต่เงา”
หลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเย่หยวนจะพยายามหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนบทที่สองเท่าไหร่ แต่เขาจำต้องจบลงพร้อมคว้าน้ำเหลวซ้ำไป เย่หยวนตระหนักทราบดี ยิ่งอาณาจักรพลังสูงขึ้นเท่าใด ความยากเข็ญในการหลอมสร้างวรยุทธ์บ่มเพาะพลังก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบัญญัติเทพแห่งถงเทียน นี่เป็นวรยุทธ์บ่มเพาะพลังที่ไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อนบนมหาพิภพแห่งนี้ ระดับความยากจึงยิ่งทบทวีหลายเท่าตัว
อาณาจักรปฐมพระเจ้าของเย่หยวนในตอนนี้ยังไม่บรรลุถึงขั้นสุด ดังนั้นขอบเขตความเข้าใจต่อหุบเขาถงเทียนจำลองจึงยังจมอยู่กับระดับชั้นเก่าๆ และไม่สามารถหลอมสร้างบทที่สองได้โดยธรรมชาติ
ดังนั้นแล้ว ณ ปัจจุบันเย่หยวนจะต้องบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดเสียก่อน จากนั้นเป้าหมายหลักต่อไปคือ การหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนบทที่สอง!
“เจ้าควรออกไปหาประสบการณ์บนโลกภายนอก อย่าเสียเวลาปลีกวิเวกเก็บตัวในห้องตามลำพัง การจะหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะในส่วนที่สองยากกว่าส่วนแรกเป็นทวี หาใช่เรื่องง่ายจะนั่งเทียนคิดออก” หวูเมิ่งกล่าวชี้แนะเขา
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า “ที่จริงแล้ว หลังจากงานชุมนุมร้อยเมือง ข้าเองก็ใช้เวลาง่วนอยู่กับการเก็บตัวมานานเกินไปเช่นกัน ตอนนั้นข้าเก็บเกี่ยวผลกำไรได้ค่อนข้างมากในตอนสัประยุทธ์กับจินอวี้ แต่การบ่มเพาะพลังอย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้อาจไม่ประโยชน์อีกต่อไป”
หวูเฉินพยักหน้าก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “อืม นับเป็นเรื่องดีที่เจ้าคิดได้เช่นนี้ แต่ข้า…มีบางอย่างต้องบอกเจ้าไว้ก่อน”
เย่หยวนพลันนึกฉงนใจทันใด “ท่านอาวุโสโปรดกล่าว”
หวูเฉินกล่าวว่า “ไข่มุกสยบวิญญาณคือสิ่งปกป้องมิให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียดับสลาย แต่นั่นมิได้หมายความว่าจิตใต้สำนึกภายในจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางจะไม่ดับสูญไปตลอดกาล! ด้วยสถานะของข้าในตอนนี้ เจ้าเองก็ทราบกระทั่งคงจิตวิญญาณให้นานที่สุดยังยาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการจะคงรักษาจิตใต้สำนึกของนางได้เลย ปัจจุบันตัวข้ายังคงห่างไกลจากสถานะสูงสุดดั่งกาลอดีตมากโข”
เย่หยวนหน้าเสียในทันใด หัวคิ้วขมวดถักหนาแทบติดชนพร้อมกล่าวถามทันทีว่า “แล้วไฉนท่านเพิ่งบอกข้าตอนนี้?”
หวูเฉินยิ้มตอบ “บอกไปตอนนั้นเจ้าจะทำอะไรได้? หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเจ้าคือการฝึกปรือ! บางสิ่งที่สมควร ข้าย่อมบอกเจ้าในยามที่เหมาะสม”
เย่หยวนสูดไอเย็นแช่มลึกอย่างช้าๆ และเอ่ยเสียงเคร่งขรึมขึ้นว่า “แล้วตอนนี้ข้าควรทำอย่างไรดี?”
หวูเฉินกล่าวว่า “จงไปตามหาศิลาชีวิตนิจนิรันดร์! เนื่องจากพลังที่หล่อเลี้ยงข้าอยู่ในตอนนี้เป็นจิตวิญญาณชั่วจำนวนมาก ดังนั้นพลังงานจึงไม่บริสุทธิ์เจือสิ่งสกปรกมากเกินไป สิ่งเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อการคงรักษาจิตใต้สำนึกของมู่หลินเสวียมิให้คงรักษาได้เป็นเวลานาน ศิลาชีวิตนิจนิรันดร์เป็นหนึ่งในของวิเศษฟ้าดินเป็นยาบำรุงจิตวิญญาณเป็นอย่างดี หากได้รับมา มันจะช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้าจนกลับมาแข็งแกร่งขึ้น ยามนั้นการจะคงรักษาจิตใต้สำนึกของนางก็หาใช่เรื่องยากอีกต่อไป! อย่างน้อยก็ไม่ดับสูญแน่นอนไปอีกหมื่นปี!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...