ไป๋เฉินสูดไอเย็นแช่มพร้อมตื่นตะลึงสุดหัวใจต่อกรงเล็บวิญญาณอาฆาตเมื่อสักครู่
หนึ่งกระบวนกรงเล็บสามารถบดขยี้เก้าผู้อาวุโสอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าลงได้อย่างง่ายดาย ความแกร่งกล้าระดับนี้ช่างท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว
“นั้น…นั้นภูตเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดใช่หรือไม่? ไฉนยอดฝีมือระดับนี้ถึงติดตามเจ้าเด็กนั้น?”
“ทั้งๆ ที่รองประมุขวังไป๋ซิ่วกับภูตเซียนตนนั้นน่าจะมีพลังใกล้เคียงกันแท้ๆ แต่ไฉนเขาถึงพ่ายแพ้ยับเยินได้ขนาดนี้!”
“รัศมีของกรงเล็บปีศาจเมื่อครู่ช่างน่ากลัวอย่างมาก ข้ารู้สึกราวกับวิญญาณของตนกำลังจะถูกกรงเล็บนั้นพรากไปอย่างไรมิทราบ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
…
เมื่อเหล่าองค์ชายคนอื่นๆเห็นภาพฉากนี้ พวกเขาต่างตื่นตะลึงหนักจนอ้าปากค้างหุบไม่ลง การปรากฏตัวของกุ้ยหยุนสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคนเกินพรรณนา ยิ่งสามารถโค่นเก้าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าลงได้อย่างง่ายดายด้วยแล้ว นี่ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป และที่สำคัญที่สุดคือ ภูตเซียนผู้ทรงพลังตนนี้กลับอยู่ใต้การปกครองของเย่หยวน! ทุกคนต่างรู้สึกอิจฉาอย่างไม่น่าเชื่อ หากพวกเขามีผู้ใต้บัญชาแกร่งกร้าวปานนี้ มีหรือจะไม่ได้ตำแหน่งประมุขวังมาครอง?
ท้ายที่สุดนี้กำปั้นใหญ่คือกฎเหล็กบัญญัติได้สรรพสิ่ง! ไม่สนว่าสิ่งนี้จะถูกผิดหรือผู้ใดจะไม่เห็นชอบ ทว่าทุกสิ่งกลับต้องพ่ายลงให้แก่ความทรงพลังที่แท้จริง
เย่หยวนก้มมองผู้อาวุโสทั้งเก้าที่นอนกองกับพื้นด้วยสายตาสุดเหยียดหยั่น พร้อมเอ่ยปากเสียงเรียบขึ้นว่า
“ข้าสงสัยว่ายามนี้ นายน้อยไป๋เฉินมีคุณสมบัติเพียบพร้อมหรือยังที่จะรับสืบทอดตำแหน่งประมุขวังคนต่อไป?”
พวกเขาทั้งเก้าปั้นหน้าน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“ในเมื่อเงียบกันแสดงว่าไม่มีใครคัดค้าน ไป๋เฉิน เจ้าจงลุกไปนั่งบนตำแหน่งประมุขเดี๋ยวนี้!” เย่หยวนเอ่ยปากสั่งการประดับเสียงเย็นยะเยือก
คล้อยหลังที่เย่หยวนตะโกนนอกไป เขายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนด้วยความงุนงง ยามนี้สติหลุดลอยชั่วขณะสูญเสียสิ่งที่ต้องไปพักใหญ่
ในอีกด้าน โม่หยุนรู้สึกสุขใจอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ เขาเร่งตบหลังเรียกสติไป๋เฉินและกล่าวว่า “ยังมัวยืนงงอยู่อันใด? ขึ้นไปนั่งเร็ว!”
ไป๋เฉินสะดุ้งเฮือกดึงสติกลับมาได้ในที่สุด เขาค่อยๆย่างเท้าตรงออกไปยังที่นั่งตำแหน่งประมุขวังทีละก้าว “เดี๋ยวก่อน!”
ทันใดนั้นเองไป๋ซิ่วที่พยายามพยุงตัวขึ้นก็กล่าวแทรกหยุดอีกฝ่าย
เย่หยวนปรายตามองต้นเสียงเล็กน้อยอย่างไม่แยแสนักและกล่าวว่า “มีอันใด? หรือท่านยังข้องใจ?”
ไป๋ซิ่งกล่าวน้ำเสียงขรึมขึ้นว่า “ไป๋เฉิน ภูมิหลังของชายคนนี้ไม่เป็นที่ชัดเจน มีความเป็นไปได้ว่า ที่เขาลงมือช่วยเหลือเจ้าอาจต้องการซื้อความเชื่อใจเท่านั้น เจตนาลับหลังอย่างไรกลับไม่แน่ชัด หรือเจ้าจะเอาอนาคตของวังเทวะรัตติกาลฉายมาเสี่ยงกับชายนิรนามคนนี้?”
ในเวลานั้นเองโม่หยุนกล่าวแทรกขึ้นทันทีว่า “ท่านเย่หยวนคนนี้เป็นเซียนเร้นกายอยู่สันโดษไร้ฝักฝ่าย ดังนั้นสิ่งที่เจ้ากำลังกังวลย่อมไม่มีทางเป็นไปได้! เจ้าคนทรยศไป๋ชงสมรู้ร่วมคิดกับพวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยแอบซุ่มโจมตีนายน้อยไป๋เฉินกลางป่าพฤกษารกร้าง พร้อมนำกำลังพลเป็นเหล่าเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้านับหลายสิบมา แต่โชคยังดีที่พวกเราได้ท่านเย่หยวนคนนี้ช่วยเหลือเอาไว้! ไม่เพียงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้านับหลายสิบ แม้แต่อู่ซินเองยังถูกท่านเย่หยวนคนนี้สังหารทิ้งภายในกระบวนดาบเดียว! ข้าโม่เฉินประจักชัดถึงความแกร่งกล้าของเขา จึงให้นายน้อยไป๋เฉินโขกศีรษะยอมรับท่านเย่หยวนเป็นอาจารย์ ดังนั้นเขาคือพวกเดียวกับเรา!”
เมื่อไป๋ซิ่วและผู้อาวุโสทั้งแปดได้ฟังดังนั้น ก็ถึงกับหน้าเสียเปลี่ยนสีอีกครา
เดิมทีพวกเขายังคิดว่า เย่หยวนคนนี้เอาแต่พึ่งพาภูตเซียนตนเมื่อครู่เพียงอย่างเดียว แต่กลับไม่คิดมาก่อนเลยว่า ความแกร่งกล้าเฉพาะตัวเขาเพียงลำพังก็น่าเกรงขามถึงขั้นนี้ ที่สำคัญกว่านั้นคือ หากเย่หยวนแข็งแกร่งจนสามารถเอาชนะอู่ซินและเหล่าเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้านับหลายสิบได้ในคมเดียว นั้นแสดงว่าเขาเองก็เป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานคนหนึ่ง ถึงกระนั้นกลับสามารถปกปิดกลิ่นอายความแกร่งกล้าได้อย่างแนบเนียน ชนิดที่ว่าพวกเขาทั้งเก้าไม่รู้ตัวเลยสักนิด!
เย่หยวนคนนี้ง้ำประกายลึกล้ำเกินหยั่งถึงเกินไป! ซึ่งความแข็งแกร่งของอู่ซินเองพวกเขาก็ชัดเจนดี พลังฝีมือของฝ่ายนั้นสูสีกับโม่หยุนมาก แต่กระบวนดาบเดียวสามารถฆ่าล้างเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าพร้อมเซียนคนอื่นอีกหลายสิบได้ สิ่งเหล่านี้แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่มีปัญญาทำได้เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าคัดค้านอีกต่อไป
ไม่ว่าวังเทวะพิรุธร่วงโรยจะตั้งใจหยิบใช้กลอุบายทำร้ายฝ่ายตนเองเพื่อสร้างความเชื่อใจ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ พวกนั้นจะยอมอุทิศชีวิตระดับขุมกำลังอาณาจักรปฐมพระเจ้านับหลายสิบทิ้งเป็นว่าเล่นแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...