“แม้ข้าจะไม่เคยศึกษาศาสตร์แห่งทวนมาก่อน แต่เต๋าที่แท้จริงคือทุกศาสตร์เส้นทางมุ่งสู่เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นข้าจะร่ายรำหนึ่งกระบวนทวน จงเฝ้าดูให้ดี!”
สุ้มเสียงเย่หยวนยังไม่ทันจางหาย รังศมีกลิ่นอายพลันแปรเปลี่ยนในทันใด พร้อมปราดแทงทวนยาวร่ายสะบัดออกมา สายตาของไป๋เฉินแลดูจริงจังขึ้นถนัดตาพร้อมจับจ้องทุกท่วงท่าของเย่หยวนอย่างตั้งอกตั้งใจ
เพลงทวนนี้แม้นไร้ชื่อกระบวนแต่กลับเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบระเบียบ กอปรบุ๋นบู้เข้าจังหวะทั้งความเร็วและพละกำลังผสานเป็นเนื้อเดียวสมบูรณ์แบบ ทว่าหากพินิจตั้งใจมองให้ดีที่แท้กลับเป็นเพลงทวนของไป๋เฉินฉบับปรับปรุงโดยเย่หยวนเสียมากกว่า! เพียงว่าขุมพลังของเพลงทวนนี้กลับแกร่งกล้าเสียยิ่งกว่าของเขานับหลายร้อยทวีเท่า!
บูมมม!
ทุกกระบวนร่ายรำหยุดลงทันใด ทั่วบริเวณสั่นสะเทือนรุนแรง แทรกสอดคลื่นพลังโถมกระจายสารทิศ
แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือ ทั่วทุกจุดที่ปลายหอกกรีดทำลายจนแตกละเอียดทิ้งร่องรอย ยามนี้กลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็วประดุจไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินดูตื่นตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ ขณะเอ่ยปากอุทานลั่นด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า “นี่…เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “วิถีแห่งสวรรค์ มากเกินคือลดทอน น้อยไปคือชดเชย เพลงทวนหาใช่แต่ใช้กำลังเพื่อความแข็งแกร่ง อ่อนช้อยแต่ไม่งอ อ่อนโยนหาใช่อ่อนแอ ปรับกระบวนหยิบใช้ตามสถานการณ์ ทว่าเพลงทวนของเจ้ามีแต่พละกำลัง ยึดตามหลักกฎเกณฑ์มากเกินไปปราศจากความยืดหยุน เพลงทวนแตกสะบั้นต่อหน้าข้านับว่าประสบการณ์ แต่หากต่อหน้าคนอื่นเท่ากับตาย! ปฏิเสธไม่ได้ว่าขุมพลังแห่งทวนคือพละกำลังอันดุดัน แต่หากถูกศัตรูตีประชิดปิดวงโจมตี นั้นจะไร้ซึ่งพิษสงไปโดยปริยายจนไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป เมื่อใดที่เจ้าเข้าใจคำว่า มากเกินคือลดทอนน้อยไปคือชดเชยได้อย่างถ่องแท้ ยามนั้นเพลงทวนของเจ้าจักชดช้อยงดงามและแข็งแกร่งไร้เทียมทาน! ถูกตีประชิดพร้อมรับกระบวน ถูกผลักไสเว้นระยะเข้าทางเตรียมพิฆาต! จงเพียรฝึกฝนด้วยสติรู้คิดตลอดเวลา!”
ไป๋เฉินที่ยังฟังดังนั้นคล้ายยังดูงุนงงพลางเอ่ยถามขึ้นว่า “แต่…หากผสมพลังบุ๋นอ่อนโยนลงไปหนึ่งส่วน หาใช่ว่าเพลงทวนจะสูญเสียความแข็งแกร่งไปหนึ่งส่วนหรอกรึ?”
เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า “ตอนนี้ขอบเขตความเข้าใจของเจ้ายังคล้ายกับเส้นผมบังภูเขา ที่เหล็กกล้าแกร่งหาใช่โลหะล้วนแต่มีธาตุอื่นเจือผสมอยู่หนึ่งส่วน ความแข็งแกร่งที่หายไปหนึ่งส่วน กลับถูกความแกร่งกล้าเติมเต็มมากกว่าหนึ่งส่วน นั่นแหละคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง! เอาล่ะ ข้าจักแสดงให้เจ้าดูอีกครั้ง แล้วเจ้าจงตอบว่ามันแข็งแกร่งหรือไม่!”
เย่หยวนยังคงร่ายเพลงทวนเหมือนเดิมทุกอย่างอีกครั้งซ้ำสอง ทว่ารัศมีกลิ่นอายกลับมิได้รั้งรอออมือแม้แต่น้อย! ไป๋เฉินเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของเพลงทวนไม่วางตา ถึงขั้นที่ว่าทั่วกายาของเขาสั่นเทาโดยมิตั้งใจ
ในคราแรกที่เย่หยวนยังไม่ได้อธิบายชี้จุดให้เห็น ซึ่งไป๋เฉินยังคงมิได้สังเกตอันใด ทว่าคราวนี้มีคำใบ้คลำเส้นทางพอจับจุดได้ รายละเอียดยิบย่อยมากมายเผยให้เห็นตลอดทาง แถมเกินกว่าที่เย่หยวนอธิบายไปด้วยซ้ำ ไป๋เฉินเห็นสิ่งที่ เย่หยวนต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน! เห็นได้ชัดว่า ท่านอาจารย์เย่หาได้ใส่แรงทั้งหมดไปกับทุกท่วงท่ากระบวนทวน แต่กลับมีลูกล่อลูกชน เพิ่มลดความเร็วตามวิถีเหวี่ยงให้เหมาะสมและสมดุล!
เมื่อควบคุมได้อย่างไหลลื่น ประดุจว่าคมทวนอันโอนอ่อนกำลังพัดผ่านไหลตามห้วงเวหานภากาศตามใจนึกความรู้สึกเช่นนี้ช่างแปลกประหลาดสุดจะบรรยายนัก
บูมมม!
ทั่วทุกพื้นที่เกิดเป็นรอยแตกเร้นแฝงพลานุภาพทำลายล้างอย่างเปี่ยมล้น เผลอแค่แวบเดียว กลับสร้างพลังทำลายล้างได้รุนแรงปานนี้! ช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!
ไป๋เฉินมั่นใจยิ่งว่า ขอบเขตความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งทวนของเขา ควรจะใกล้เคียงกับศาสตร์แห่งดาบของท่านอาจารย์เย่ แต่เมื่อเห็นเพลงทวนนี้ เขาก็ทราบทันทีว่ายังห่างชั้นไปหลายสิบขุมนัก! หากไป๋เฉินสามารถสำแดงใช้เพลงทวนระดับนี้ได้ เขาจะสามารถสังหารเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางได้อย่างง่ายดาย!
“พอเข้าใจแล้วรึยัง?” เย่หยวนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋เฉินส่ายหัวเอ่ยตอบว่า “ข้า…ข้าทำไม่ได้!”
เย่หยวนรู้สึกใจชื้นขึ้นมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวขึ้นรวนหัวเราะไปพลาง
“หากเจ้าทำได้แล้วข้าจะสอนเจ้าไปเพื่ออันใด? จงสลักจำไว้ แข็งไปก็แค่ลด อ่อนไปก็แค่เพิ่มเท่านั้น ผสานรวมความแกร่งกร้าวและโอยอ่อนให้สมดุล นี่แหละคือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด! จงจำเพลงทวนเมื่อครู่ให้ขึ้นใจและเพียรฝึกฝนให้หนัก สักวันเจ้าจะเข้าใจอย่างถ่องแท้แน่นอน!”
ไป๋เฉินพยักหน้าตอบ สีหน้าแววตาในยามนี้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เขากล่าวขึ้นว่า “ท่านอาจารย์เย่ ศิษย์คนนี้เข้าใจแล้ว ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับคำชี้แนะ!”
เย่หยวนพยักหน้าตอบเล็กน้อย เขาตระหนักแล้วว่าไป๋เฉินในตอนนี้เข้าใจสิ่งที่เขากำลังสื่อไปแล้วจริงๆ ไม่มีเส้นทางลัดสำหรับการบ่มเพาะฝึกฝน ราคาจ่ายด้วยหยาดเหงื่อย่อมทรงคุณค่ากว่าวิธีอื่นอย่างหาเปรียบมิได้ แต่สิ่งที่เย่หยวนกำลังชี้แนะทิศทางให้แก่ไป๋เฉิน คือเขาต้องการจะช่วยไป๋เฉินย่นระยะเวลาที่ไม่จำเป็นออกไป ดั่งประภาคารส่องแสงชี้ทางกลางห้วงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เพื่อช่วยให้ไป๋เฉินไปถึงจุดหมายได้ไวขึ้น
คำกล่าวของเย่หยวนแม้ฟังดูเรียบง่าย แต่กลับต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝนนอย่างขมขื่นนานหลายปี และไป๋เฉินก็เข้าใจดีว่า เส้นทางของเขาที่ต้องก้าวเดินยังคงอีกยาวไกลนัก อย่างไรก็ตามแต่ พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของไป๋เฉินก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก ไม่น่าแปลกใจที่ไหนเลยไป๋เย่ไห่ถึงเลือกเขาให้ขึ้นเป็นนายน้อยเตรียมรับสืบทอดตำแหน่งต่อไป
เมื่อพิจารณาให้ดี ยามนี้เป็นเพียงเรื่องของระยะเวลาแล้ว ในภายภาคหน้าไป๋เฉินจะเหนือชั้นเสียยิ่งกว่าเหล่าพี่ชายของเขาทุกคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...