“ท่านอาจารย์เย่โปรดระงับโทสะ ท่านทูตผู้นี้เราไม่สามารถยั่วโทสะเขาได้!”
เย่หยวนมขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “แน่นอน ข้าย่อมเข้าใจดี! แต่…”
ไป๋เฉินยังไม่ทันตอบสนองอันใด เพียงเห็นปลายเท้าของเย่หยวนกระตุกวูบเป็นเงาเลื่อนลางซัดออกไป
บูมมม!
ทุกคนสัมผัสได้ถึงความแรงของลูกเตะนี้ ร่างของเหลยต้วนถูกเตะกระเด็นออกไปโดยตรง ก่อนหน้านี้ที่เหลยต้วนเคลื่อนไหว เป็นช่วงที่เย่หยวนกับหุบเขาถงเทียนจำลองกำลังเชื่อมต่อกันอยู่ ด้วยขุมพลังของหุบเขาถงเทียนที่รั่วไหลออกมา มีหรือที่สหายตัวน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าจะทนทานไหว?
ด้วยเหตุนี้ เศษเสี้ยวพลังที่รั่วไหลออกไปจึงพุงกระแทกร่างอีกฝ่ายเต็มสูบ จนหมดสติลงทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นยิ่งตอนนี้เหลยต้วนอาการสาหัส ถูกเย่หยวนเตะเข้าไปเต็มแรงจนกระเด็นลอยเคว้งกลางอากาศ แต่เย่หยวนกลับไม่หยุดเพียงแค่นี้ และเตะอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนับสิบครั้ง
บูมม! บูมมม!!
ร่างอันแกร่งกล้าของเหลยต้วนตกกระแทกล้มพับกลางพื้นอิฐ เหล่าเซียนทั้งหมดต่างจับจ้องที่ร่างที่นอนกองกันพื้น สภาพตอนนี้ของอีกฝ่ายดูไม่น่าสยดสยองนัก
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด พวกเขาทุกคนรวมไปถึงไป๋ซิ่วถึงรู้สึกสะใจคล้ายได้รับการปลดปล่อยอย่างบอกไม่ถูก เหลยต้วนผู้นี้อาศัยว่าตัวเองเป็นทูต ตัวแทนของวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ จึงเชิดหน้าชูคอเหนือฟ้าดิน ทำตัวเอาแต่ใจถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่สนด้วยว่าไป๋เฉินจะเป็นประมุขวังเทวะรัตติกาลฉายหรือไม่ การกระทำของเขาหยิ่งผยองไม่ไว้หน้าใครใดๆ เลย เหลยต้วนลงไม้ลงมือกับไป๋เฉินราวกับเป็นหลานชายหรือคนใกล้ตัวโดยไม่มียั้งมือหรือเกรงใจ เช่นนั้นแล้วจะให้ผู้อาวุโสของฝ่ายวังเทวะรัตติกาลฉายปั้นหน้าอย่างไร?
แต่การกระทำของเย่หยวนในขณะนี้ ได้ระบายความในใจของพวกเขาไปหมดสิ้น เห็นสภาพอันน่าเวทนาของเหลยต้วน พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
“อืมม…ประมาณนี้ก็น่าจะพอ เนื่องจากเขาหมดสติอยู่คงจำอะไรไม่ได้ พาเขาออกไป แล้วอย่าลืมจับห้องพักชั้นหนึ่งในแก่เขาบริเวณปีกวัง อย่าให้ผู้คนดูถูกได้ว่า พวกเราต้อนรับท่านทูตได้ไม่ดีพอ” เย่หยวนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงแผ่วเบา ทุกคนต่างสบสายตากันไปมาและเดินตามเย่หยวนเข้าห้องโถงใหญ่ไป
หลังจากมาถึงบริเวณโถงใหญ่ ทุกคนต่างหยุดสายตามองไปยังเย่หยวนด้วยความร้อนใจคล้ายต้องการเอยกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับยากยิ่งที่จะกล่าวออกไป
เย่หยวนเฝ้ารู้สึกสังเกตได้อย่างชัดแจ้ง ยามนี้เอ่ยปากแสยะยิ้มขึ้นว่า “มีอะไรอยากกล่าวกับข้าก็เชิญ ข้าหาใช่อสูรดุร้าย ไม่กัดพวกเจ้าหรอก”
พวกเขาทั้งหมดเหลียวมองหันไปจ้องไป๋เฉินกันเป็นตาเดียว ซึ่งไป่เฉิน ณ ขณะนี้ปวดเศียรกดดันอย่างที่สุด ก่อนจะประสานมือเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์เย่ แท้ที่จริงแล้ว ทุกคนต่างกังวลสงสัยเกี่ยวกับข่าวลือที่ข้าได้กล่าวเล่าไป ดังนั้นข้าจึงขอเป็นตัวแทนของทุกคนเพื่อจะถามว่า…ท่านอาจารย์เย่ใช่ผู้บุกรุกต่างดินแดนหรือไม่? เพราะอย่างไรก็มิอาจปฏิเสธได้เลยว่า ท่านขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แถมระดับพลังของท่านยังไม่สอดคล้องกับเซียนของดินแดนนภาบรรพตอีกด้วย ดังนั้นทางวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์จึงส่งทูตมาเพื่อนำตัวท่านไปยังศาลไท่ลู่ และทุกความจริงจะถูกเปิดเผยโดยทั่วกันภายใต้ศาลไท่ลู่!”
เมื่อคำกล่าวเหล่านี้ดังลั่นออกมา ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เย่หยวนและเฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่าย ในความเป็นจริงทุกคนที่อยู่ตรงนี้ลุ่นระทึกแทบอกแตกตายกันได้แล้ว! ท้ายที่สุดนี้ มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายยิ่ง หากข่าวลือเรื่องนี้เป็นความจริงมันจะแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว และวังเทวะรัตติกาลฉายอาจถูกมองว่าเป็นกลุ่มกบฏ เช่นนั้นทุกคนจริงรู้สึกวิตกกังวลเป็นธรรมดา
สีหน้าของไป๋เฉินซีดขาวหนัก เพราะความกังวลและอาการบาดเจ็บก่อนหน้า เขาเอ่ยถามออกไปตามมารยาทตามที่ควรพึงกระทำ แต่ในความเป็นจริงกลับคิดในใจไปว่า เย่หยวนอาจความแตกแล้วแน่นอน ยิ่งประโยคสุดท้ายเป็นดั่งคำเตือนให้เย่หยวนรีบหนีออกไปจากดินแดนนภาบรรพต ก่อนที่ท่านทูตจะได้สติกลับมา!
เย่หยวนมองอีกฝ่ายพร้อมรู้ทันอ่านความคิดออกโดยปริยาย แต่ก็ยังยิ้มกล่าวว่า “กล่าวอธิบายอันใดไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อท่านทูตคนนี้ต้องการจะพาตัวข้าขึ้นศาลไท่ลู่ เช่นนั้นก็ให้อีกฝ่ายลองดูว่า ข้าผู้นี้จะเป็นผู้บุกรุกต่างแดนอย่างที่ลือกันหรือไม่!”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินประโยคนี้ พวกเขาต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่โดยพร้อมเพรียงด้วยความโล่งอก
“ด้วยคำกล่าวนี้ของผู้อาวุโสสูงสุด ราวกับท่านได้ยกหินก้อนยักษ์ออกจากอกของพวกเราไปทันที!”
“แค่ข่าวลือไร้ซึ่งแหล่งที่มา! แต่ใครจะไปคิดว่าอำนาจจากข่าวลือจะปั่นหัวผู้คนได้ขนาดนี้กัน?”
“ก็สิ่งนี้กลับช่วยไม่ได้ เพราะผู้อาวุโสสูงสุดของเราอายุยังน้อยเกินไป แต่กลับทรงพลังแกร่งกล้าเหนือชั้นกว่าระดับของพวกเราโดยสิ้นเชิง! ใครๆต่างต้องสงสัยเป็นธรรมดา!”
“เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว! ฮ่าๆๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...