จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1433

สรุปบท ตอนที่ 1433: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1433 – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1433 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1433 ศัตรูแกร่งกล้ารอบด้าน!
ตอนที่ 1433 ศัตรูแกร่งกล้ารอบด้าน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ในที่สุด ข้าก็ฟื้นตัวแล้ว! เย่หยวน! คราวนี้ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่า แกจะหนีไปไหนได้!”

ภายในห้องลับแห่งวังเทวะสัมปรายภพ ฉินเทียนลืมตาตื่นขึ้นพร้อมประกายแสงส่องสว่างเปล่งประกายออกมาเขาเฝ้าเก็บตัวอย่างเงียบงันมาเป็นเวลาสิบปีเต็ม! ในที่สุด วันนี้เขาก็รักษาอาการบาดเจ็บจนหายสนิทแล้ว ความอาฆาตแค้นทั้งหมดจะต้องถูกตัดสินภายในครั้งนี้!

“อู๋เหอ!”

“ผู้ใต้บัญชาน่อมรับสั่ง!”

“วังเทวะรัตติกาลฉายออกเดินทางแล้วรึยัง?”

“ยามนี้ได้ออกเดินทางไปยังซากอักขระเทวะแล้ว! ท่านประมุข เราควรออกเดินทางตอนนี้เลยดีหรือไม่?”

“ออกเดินทางได้! ครั้งนี้ไม่มีรั้งรอน!”

“รับทราบท่านประมุขวัง!”

หลังจากนั้นอู๋เหอก็จากไปทันที รอยยิ้มแสยะเย็นเหยียดขึ้นบนมุมปากของฉินเทียนในทันใด

“เอาล่ะ ข้ามาแล้ว และข้าจะไม่กลับไปมือเปล่าแน่นอน!”

เบื้องหน้าของเขาเป็นซากปรักหักขนาดใหญ่ แต่คลื่นแรงกดดันและกลิ่นอายของที่แห่งนี้ที่ไหลบ่าออกมาจากภายใน ทำเอาเย่หยวนใจสั่นอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน ซากอักขระเทวะแห่งนี้ดูเหมือนจะมีอยู่ตั้งแต่สมับบรรพกาล ทั้งยังเร้นแฝงภัยอันตราย แต่นั่นก็เก็บไปด้วยโอกาสมากมาย เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอย่างแท้จริง แม้แต่เซียนอาณาจักรบรรพกาลพระเจ้ายังมิอาจประมาทได้ ทางเข้าของซากอักขระเทวะเป็นปล่องภูเขาไฟ โดยรอบประดับประดอยไปด้วยโครงกระดูกสีขาวบริสุทธิ์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เสมือนต้องการประกาศว่าผู้ใดเหยียบย่างจักต้องตายอยู่ที่นี่

อุณหภูมิโดยรอบสูงจนน่าสะพรึงกลัว แม้แต่เขาที่เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าครึ่งขั้นก็ยังไม่สามารถทนได้ไหว เมื่อเข้าไปภายในนั้น อุณหภูมิคงสูงจนมิอาจประเมินได้เลย

“นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านอาวุโสสูงสุดเดินทางมาซากอักขระเทวะใช่หรือไม่?” เมื่อไป๋ซิ่วเห็นสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวน เขาก็พอจะเดาได้

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “ที่ผ่านมา ข้าปลีกวิเวกฝึกปรืออย่างขมขื่นคนเดียวมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มายังซากอักขระเทวะจริงๆ”

ไป๋ซิ่วยิ้มกล่าวว่า “ความน่ากลัวของซากอักขระเทวะคือเปลวไฟจากธรรมชาติ มันสามารถเผาผลาญสรรพสิ่งให้มอดไหม้ได้ในพริบตา แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเองก็ไม่สามารถเดินทางเข้าไปโดยตรงได้ ทางเราทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่เฉยๆ และรอให้วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ใช้เครื่องรางศักดิ์วสิทธิ์เพื่อผนึกเปลวไฟเหล่านั้นไว้ จากนั้นพวกเราถึงจะเดินทางเข้าไปข้างในได้”

เย่หยวนพยักหน้าตอบและกล่าวว่า “เช่นนี้นี่เอง!”

ในเวลานี้เองเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้ากลุ่มใหญ่ก็เหาะเหินทะยานปรากฏขึ้นจากขอบฟ้า พวกนั้นคือฮั่วเทียนหยางและเหล่ายอดฝีมือของวังเทวะพิรุณร่วงโรยอย่างแม่นยำ บรรยากาศภายในกลุ่มของวังเทวะรัตติกาลฉายแปรเปลี่ยนไปในทันที โดยเฉพาะไป๋เฉินที่แทบจจะพ่นไฟออกมาจากดวงตาคู่นั้น เขาเกลียดตัวเองที่ยังคงอ่อนแอเกินไป มิฉะนั้นเขาคงปราดพุ่งสัประยุทธ์กับฮั่วเทียนหยางให้รู้ดำรูแดงไปแล้ว

ในขณะที่วังเทวะพิรุณร่วงโรยตรงดิ่งลงมา ขั้วอำนาจทั้งสองกลุ่มพลันหยั่งเชิงโจมตีด้วยวาจาสาดใส่ทันที

“เจ้าหลานชายอย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น อีกสักครู่หนึ่งต่อจากนี้ หลังจจากเข้าไปคงไม่ดีเป็นแน่ ระวังประมุขวังผู้นี้จจับเจ้าโยนลงทะเลเพลิงโดยมิโดยมิตั้งใจ” ฮั่วเทียนหยางกล่าววาจาสีหน้าเย้ยหยันใส่อีกฝ่าย

เย่หยวนหรี่ตาแคบลงเล็กน้อย และเอ่ยปากน้ำเสียงเย็นสวนตอบไปว่า “แล้วจะให้มองแบบเจ้าหรืออย่างไร?”

สีหน้าการแสดงออกของฮั่วเทียนหยางทื่อแข็งในบัดดล ก่อนหยุดสายตาลงบนเย่หยวนเจือประกายครั่นคร้ามหากมิใช้เพราะชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาคงโค่นล้มวังเทวะรัตติกาลฉายลงได้นานแล้ว!

“เหอะ! ไอ้เด็กเหลือขออย่าคิดอวดดีให้มากนัก! คล้อยหลังรอดตายออกจากซากอักขระเทวะได้ค่อยเปิดปากอวดเก่ง!” ฮั่วเทียนหยางสวนวาจาตอบพร้อมแสยะยิ้มใส่

เมื่อกล่าวจบ ฮั่นเทียนหยางก็นำเหล่าผู้คนของวังเทวะพิรุณร่วงโรยไปรอ ณ มุมด้านหนึ่ง

สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนเปลี่ยนไปคล้ายดูมืดมนลงหลายส่วน ฮั่วเทียนหยางคนนี้…มีจักต้องมีนัยยะเร้นแฝงในวาจาเหล่านั้นแน่นอน!

ท่าทีของไป๋ซิ่วดูไม่ค่อยจจะดีเช่นกัน เขาตรงเข้ามาใกล้เย่หยวนและกระซิบเบาๆ ว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด ดูท่าฮั่นเทียนหยางคนนี้จะมีแผนอะไรอยู่ในใจ!”

เย่หยวนหันเข้ากับจ้องไป๋ซิ่วอย่างว่างเปล่าและเอ่ยถามขึ้นว่า “มีอะไรผิดปกติงั้นรึ?”

สีหน้าของไป๋ซิ่วยิ่งดูน่าเกลียดถึงขีดสุด ขณะเอ่ยกล่าวขึ้นว่า “ไม่น่าแปลกใจเลย ไฉนฮั่นเทียนหยางถึงดูมั่นใจอวดดีขนาดนี้! ปรากฏว่ามันรู้เรื่องนี้มานานแล้ว! ผู้อาวุโสระดับสูงคนนี้เป็น อดีตประมุขวังเทวะพิรุณร่วงโรยนามว่า ต้วนเฟย!”

เย่หยวนถอดสีหน้าทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้อยู่จริงๆ! เขาทราบดีว่า ภายในดินแดนนภาบรรพตแห่งนี้ ตราบใดที่คนๆหนึ่งสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ คนเหล่านั้นจะถูกเรียกตัวไปโดยวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรับตำแหน่งผู้อาวุโสระดับสูงแห่งวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์!

หลังจากขึ้นกลายเป็นผู้อาวุโสระดับสูงแล้ว พวกเขาจำต้องตัดสายสัมพันธ์ทั้งหมดกับวังเทวะดั่งเดิมที่เคยอาศัยอยู่ และรับใช้วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ด้วยความซื่อสัตย์ อย่างไรก็ตามแต่ แม้เขาจะกลายมาเป็นผู้อาวุโสระดับสูง แต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจและความรู้สึกอยู่ดี สาเหตุที่ฮั่นเทียนหยางดูมั่นหน้ามั่นใจขนาดนั้นเป็นเพราะ เขาทราบมานานแล้วว่า ผู้อาวุโสระดับสูงที่มาในครั้งนี้คือต้วนเฟย!

สิ่งนี้บ่งชี้ได้ว่า ต้วนเฟยได้แจ้งข่าวให้แก่ฮั่นเทียนหยางล่วงหน้าแล้วแน่นอน ระหว่างการเดินทางภายในซากอักขระเทวะ ต้วนเฟยคนนี้อาจลงมือลงไม้หรือมีอแผนการอันใดแอบแฝงไว้อยู่ก็ไม่ทราบ

เย่หยวนรู้สึกปวดเศียรขึ้นมาในทันใด ฮั่นเทียนหยางคนเดียวก็สร้างความลำบากมากพออยู่แล้ว แต่นี่ยังมีเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเพิ่มมาอีกคน การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างยิ่ง!

“เย่หยวนคนที่ใส่หน้ากากตลอดเวลานั้น…ดูเหมือนจะสนใจเจ้าไม่น้อย มันลอบมองเจ้าตลอดเลย อืม..กลิ่นอายนี้ช่างคุ้นเคยนัก” ทันทีทันใดสุ่มเสี่ยงของหวูเฉินก็ดังขึ้นจากจิตใจของเย่หยวน สิ่งนี้ดั่งทำให้หัวใจเย่หยวนกระโจนขึ้นอีกคราว

“สนใจข้า? กลิ่นอายช่างคุ้นเคย?”

ทันใดนั้นรอยยิ้มเย็นสะท้านพลันฉีกกว้างบนมุมปากทันที เย่หยวนเอ่ยขึ้นว่า “ข้าคิดว่า ข้ารู้แล้วว่ามันเป็นใคร! ไม่คิดเลยว่ามันจจะลงทุนถึงขนาดนี้!”

“เจ้าทราบรึว่าเป็นใคร?” หวูเฉินเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย

“นอกเหนือจากฉินเทียนแล้ว ยังจะมีใครอีก?” เย่หยวนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชา

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ