ภายในห้องลับแห่งวังเทวะสัมปรายภพ ฉินเทียนลืมตาตื่นขึ้นพร้อมประกายแสงส่องสว่างเปล่งประกายออกมาเขาเฝ้าเก็บตัวอย่างเงียบงันมาเป็นเวลาสิบปีเต็ม! ในที่สุด วันนี้เขาก็รักษาอาการบาดเจ็บจนหายสนิทแล้ว ความอาฆาตแค้นทั้งหมดจะต้องถูกตัดสินภายในครั้งนี้!
“อู๋เหอ!”
“ผู้ใต้บัญชาน่อมรับสั่ง!”
“วังเทวะรัตติกาลฉายออกเดินทางแล้วรึยัง?”
“ยามนี้ได้ออกเดินทางไปยังซากอักขระเทวะแล้ว! ท่านประมุข เราควรออกเดินทางตอนนี้เลยดีหรือไม่?”
“ออกเดินทางได้! ครั้งนี้ไม่มีรั้งรอน!”
“รับทราบท่านประมุขวัง!”
หลังจากนั้นอู๋เหอก็จากไปทันที รอยยิ้มแสยะเย็นเหยียดขึ้นบนมุมปากของฉินเทียนในทันใด
“เอาล่ะ ข้ามาแล้ว และข้าจะไม่กลับไปมือเปล่าแน่นอน!”
…
เบื้องหน้าของเขาเป็นซากปรักหักขนาดใหญ่ แต่คลื่นแรงกดดันและกลิ่นอายของที่แห่งนี้ที่ไหลบ่าออกมาจากภายใน ทำเอาเย่หยวนใจสั่นอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน ซากอักขระเทวะแห่งนี้ดูเหมือนจะมีอยู่ตั้งแต่สมับบรรพกาล ทั้งยังเร้นแฝงภัยอันตราย แต่นั่นก็เก็บไปด้วยโอกาสมากมาย เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอย่างแท้จริง แม้แต่เซียนอาณาจักรบรรพกาลพระเจ้ายังมิอาจประมาทได้ ทางเข้าของซากอักขระเทวะเป็นปล่องภูเขาไฟ โดยรอบประดับประดอยไปด้วยโครงกระดูกสีขาวบริสุทธิ์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เสมือนต้องการประกาศว่าผู้ใดเหยียบย่างจักต้องตายอยู่ที่นี่
อุณหภูมิโดยรอบสูงจนน่าสะพรึงกลัว แม้แต่เขาที่เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าครึ่งขั้นก็ยังไม่สามารถทนได้ไหว เมื่อเข้าไปภายในนั้น อุณหภูมิคงสูงจนมิอาจประเมินได้เลย
“นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านอาวุโสสูงสุดเดินทางมาซากอักขระเทวะใช่หรือไม่?” เมื่อไป๋ซิ่วเห็นสีหน้าการแสดงออกของเย่หยวน เขาก็พอจะเดาได้
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า “ที่ผ่านมา ข้าปลีกวิเวกฝึกปรืออย่างขมขื่นคนเดียวมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มายังซากอักขระเทวะจริงๆ”
ไป๋ซิ่วยิ้มกล่าวว่า “ความน่ากลัวของซากอักขระเทวะคือเปลวไฟจากธรรมชาติ มันสามารถเผาผลาญสรรพสิ่งให้มอดไหม้ได้ในพริบตา แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเองก็ไม่สามารถเดินทางเข้าไปโดยตรงได้ ทางเราทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่เฉยๆ และรอให้วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ใช้เครื่องรางศักดิ์วสิทธิ์เพื่อผนึกเปลวไฟเหล่านั้นไว้ จากนั้นพวกเราถึงจะเดินทางเข้าไปข้างในได้”
เย่หยวนพยักหน้าตอบและกล่าวว่า “เช่นนี้นี่เอง!”
ในเวลานี้เองเหล่าเซียนอาณาจักรพระเจ้ากลุ่มใหญ่ก็เหาะเหินทะยานปรากฏขึ้นจากขอบฟ้า พวกนั้นคือฮั่วเทียนหยางและเหล่ายอดฝีมือของวังเทวะพิรุณร่วงโรยอย่างแม่นยำ บรรยากาศภายในกลุ่มของวังเทวะรัตติกาลฉายแปรเปลี่ยนไปในทันที โดยเฉพาะไป๋เฉินที่แทบจจะพ่นไฟออกมาจากดวงตาคู่นั้น เขาเกลียดตัวเองที่ยังคงอ่อนแอเกินไป มิฉะนั้นเขาคงปราดพุ่งสัประยุทธ์กับฮั่วเทียนหยางให้รู้ดำรูแดงไปแล้ว
ในขณะที่วังเทวะพิรุณร่วงโรยตรงดิ่งลงมา ขั้วอำนาจทั้งสองกลุ่มพลันหยั่งเชิงโจมตีด้วยวาจาสาดใส่ทันที
“เจ้าหลานชายอย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น อีกสักครู่หนึ่งต่อจากนี้ หลังจจากเข้าไปคงไม่ดีเป็นแน่ ระวังประมุขวังผู้นี้จจับเจ้าโยนลงทะเลเพลิงโดยมิโดยมิตั้งใจ” ฮั่วเทียนหยางกล่าววาจาสีหน้าเย้ยหยันใส่อีกฝ่าย
เย่หยวนหรี่ตาแคบลงเล็กน้อย และเอ่ยปากน้ำเสียงเย็นสวนตอบไปว่า “แล้วจะให้มองแบบเจ้าหรืออย่างไร?”
สีหน้าการแสดงออกของฮั่วเทียนหยางทื่อแข็งในบัดดล ก่อนหยุดสายตาลงบนเย่หยวนเจือประกายครั่นคร้ามหากมิใช้เพราะชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาคงโค่นล้มวังเทวะรัตติกาลฉายลงได้นานแล้ว!
“เหอะ! ไอ้เด็กเหลือขออย่าคิดอวดดีให้มากนัก! คล้อยหลังรอดตายออกจากซากอักขระเทวะได้ค่อยเปิดปากอวดเก่ง!” ฮั่วเทียนหยางสวนวาจาตอบพร้อมแสยะยิ้มใส่
เมื่อกล่าวจบ ฮั่นเทียนหยางก็นำเหล่าผู้คนของวังเทวะพิรุณร่วงโรยไปรอ ณ มุมด้านหนึ่ง
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนเปลี่ยนไปคล้ายดูมืดมนลงหลายส่วน ฮั่วเทียนหยางคนนี้…มีจักต้องมีนัยยะเร้นแฝงในวาจาเหล่านั้นแน่นอน!
ท่าทีของไป๋ซิ่วดูไม่ค่อยจจะดีเช่นกัน เขาตรงเข้ามาใกล้เย่หยวนและกระซิบเบาๆ ว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด ดูท่าฮั่นเทียนหยางคนนี้จะมีแผนอะไรอยู่ในใจ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...