พวกเขาทั้งหมดต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมจ้องมองไป๋เฉินด้วยแววตาสุดกระหาย แววตาเหล่านั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความอิจฉา
ทั่วกายาของไป๋เฉินสั่นสะท้าน ประกายแสงในแววตาของเขาจางลงอย่างแช่มช้า ภาพฉากเบื้องหน้ากลายเป็นแสงสีขาวประดุจมีแสงสีน้ำนมห่อหุ้มเขา
ไปเฉินเสมือนทารกในครรภ์ที่หวนย้อนกลับสู่ร่างผู้เป็นแม่อีกครั้ง มวลแสงสีน้ำนมห่อหุ้มร่างกายของเขาที่ขดตัวอยู่แบบนั้นและตกสู่ห้วงนิทราไป
กลิ่นอายแห่งเต๋าอันไร้ขอบเขตเริ่มแผ่ออกมา
ตึงง…
ทั่วทั้งซากอักขระเทวะเกิดแสงสั่นสะเทือน ขณะเดียวกันมันก็เริ่มพังทลายลงมาทีละจุดสองจุด
ตึง! ตึง! ตึง!
ค่ายกลทั้งหมดถล่มลงมา ลูกไฟที่เข้าจู่โจมกระจัดกระจายอยู่ทัวบริเวณยามนี้พลันอันตรธานหายไป
“ฮ่าๆๆ! เย่หยวน ข้าอยากเห็นเสียจริงว่า ยามนี้ยังมีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีกในตอนนี้!”
ไร้ซึ่งลูกไฟเข้าสกัดจู่โจม ความกดดันที่ฉินเทียนต้องแบกรับก็ลดลงอย่างมาก
เขาถูกตรึงกำลังโดยค่ายกลบัดซบอันนี้จนแทบทำให้เขาเป็นบ้าตอนที่เขาพยายามจะแย่งชิงผลวิญญาณเต๋ามา ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกต่างหาก
ในอีกด้านหนึ่ง สภาพของต้วนเฟยน่าเวทนากว่าเขายิ่ง
ตั้งแต่หัวจรดเท้า สามารถใช้วาจาคำพรรณนาแสนหลากหลายเกินบรรยาย แทบไม่มีจุดไหนเลยที่ต้วนเฟยอยู่ในสภาพดีหรือพอดูได้
เย่หยวนช้อนสายตามองฉินเทียนอย่างไม่แยแสและกล่าวน้ำเสียงหยามเหยียดไปว่า
“เช่นนั้นตามเงื่อนไขของเจ้า เจ้าก็ต้องฆ่าตัวเองด้วยเช่นกัน?”
สายตาอันเหยียดหยามของเย่หยวนเข้ากระตุ้นโทสะของฉินเทียนอย่างจัง เขาคำรามขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า
“ข้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสถานศึกษาหวูเมิ่ง! แต่เซียนอาณาจักรพระเจ้าอันต่ำต้อยอย่างเจ้า กลับหาญกล้ากล่าววาจาเพ้อเจ้อไร้ยางอาย?! ตายซะ!”
ฉินเทียนตะโกนเสียงดังลั่น ร่างของเขาไสววูบพุ่งเข้าใส่เย่หยวนสุดบ้าดีเดือดประดุจสายฟ้า
เย่หยวนแสยะยิ้มครืนหัวร่อเสียงเย็น คู่เท้ากระตุกไสว เงาร่างอันตรธานไปจากจุดที่ยืนอยู่
บูม!
บูม!
บูม!
เงาร่างทั้งสองพัลวันโฉบเฉี่ยวกลายเป็นดั่งภูตผี แลกเปลี่ยนปะทะชนหลายกระบวน
สูสีมาก!
อวัยวะภายในของฉินเทียนบอบช้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกเหนือจากนี้ยังถูกเต๋าแห่งดินแดนนี้ปราบปรามปฏิเสธ ความแกร่งกล้าในปัจจุบันจึงแย่กว่าก่อนหน้าที่ก้าวข้ามขีดจำกัดไป
กระบวนดาบอย่างจันทร์สลาย จุดที่เน้นย้ำสำคัญที่สุดคือ การหลอมรวมระหว่างคนกับดาบและเร่งเร้าอานุภาพความเร็วให้ถึงขีดสุด
เย่หยวนหยิบใช้พลังทั้งหมดออกมาไม่มีรั้งรอนปะทุเดือด ยามประจัญบานเข้าปะทะหาได้แย่กว่าฉินเทียนแม้แต่น้อย!
ภายใต้สถานการณ์เฉกเช่นนี้ ความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองกลับสมดุลสูสีกันอย่างน่าประหลาดใจ
ทั้งสองล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีพลังต่อสู้ที่สูงมาก การปะทะกันของทั้งคู่รุนแรงจนทำให้โถงกว้างภายในถ้ำเริ่มถล่มล้มลงมาอย่างรวดเร็ว เศษซากปรักหักพังปลิวว่อนไปทั่วทุกแห่งหน
“ต้วนเฟย ฆ่าเด็กนั้นซะ! มิเช่นนั้นยามที่เขาดูดซับผลวิญญาณเต๋าเสร็จเมื่อใด เจ้าจะตายไม่เหลือซาก!”
ระหว่างศึกสัประยุทธ์เดือด เสียงกู่ร้องแสนเดือดดุของฉินเทียนคำรามลั่น
ต้วนเฟยรู้สึกหดหู่เกินบรรยาย หลังจากถูกลูกไฟเหล่านั้นเข้าโจมตี
รากฐานแห่งเต๋าของเขาได้รับความเสียหายหนัก ต่อให้อาหารบาดเจ็บของเขาจะกลับมาหายดีสมบูรณ์ แต่ระดับพลังของเขาก็ไม่สามารถพัฒนาต่อก้าวสู่อีกขั้นได้แล้วเช่นกัน
วาจาคำกล่าวของฉินเทียนเปรียบดั่งฟ้าคำรน ตัวเขาสะดุ้งเฮือกทันทีก่อนปราดพุ่งไปหาไป๋เฉินเสมือนฟ้าผ่า
แม้ว่าต้วนเฟยจะสูญเสียพลังความแกร่งกล้าลงไปมาก แต่ในทำนองเดียวกัน เขาก็ยังเป็นเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าวันยังค่ำ
ด้วยความแกร่งกล้าของไป๋เซิ่วและที่เหลือ ไม่ว่าอย่างไรก็มิใช่คู่มืออยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ไป๋ซิ่วปราศจากความลังเลแม้สักนิด พร้อมเข้าขวางมิให้อีกฝ่ายเข้าถึงไป๋เฉินโดยง่าย
โม่หยุนและผู้อาวุโสคนอื่นๆเองก็เช่นกัน พวกเขาปรี่รุดเข้ามาขวางหวังสกัดฝีเท้าของต้วนเฟย
ขณะเดียวกันต้วนเฟยหาได้สนใจอาการบาดเจ็บใดๆของตนไม่ พร้อมปลดปล่อยพลังปราณเทวะที่เหลือทั้งหมดในร่างกายออกมา!
“ฝ่ามือเทวะหลัวโป้หรู!”
ต้วนเฟยกัดฟันแน่นกู่ร้องคำรามกึกก้อง รัศมีกลิ่นอายสุดสะพรึงโหมกระเพื่อม ทำเอาไป๋ซิ่วกับที่เหลือหน้าเสียเปลี่ยนไปตามๆกัน
ด้วยอาการบาดเจ็บในปัจจุบันของต้วนเฟย หากพวกเขาต้องการจะเลี่ยงหลบกระบวนโจมตีนี้ย่อมสามารถทำได้เช่นกัน
แต่เบื้องหลังของพวกเขาคือไป๋เฉิน!
“ปกป้องท่านประมุขจนวาระสุดท้าย! ทุกคนผนึกกำลังผสานโจมตีพร้อมข้า!”
“รับทราบ!”
ทุกคนต่างข่านรับสั่งไม่กลัวตาย แต่ละคนหยิบใช้สำแดงกระบวนโจมตีต่างๆเพื่อต้านรับฝ่ามืออันทรงอนุภาพนี้
ต้วนเฟยระเบิดหัวเราะเสียงเย็นสะท้าน กล่าวว่า
“พวกตาบอดและโง่เขลา! ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายเอาเอง เช่นนั้นผู้อาวุโสระดับสูงผูนี้จะส่งพวกเจาทั้งหมดไปสวรรค์เอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...