เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์มีพรมแดนติดกับเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะ โดยมีแม่น้ำสายใหญ่ขวางกั้นไว้อยู่
เมืองจักรพรรดิทั้งสองเป็นสองกองกำลังที่แตกต่างกันสุดขั้ว โดยที่เมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์เป็นจักรวรรดิของเผ่ามนุษย์ ในขณะที่เมืองกล้วยไม้อริยะเป็นจักรวรรดิของเผ่าปีศาจ
สองจักรวรรดินี้ต่างเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเสมอมา ก่อศึกสงครามตลอดกันทั้งปี มีทั้งผู้บาดเจ็บเสียชีวิตในแต่ละวันเป็นอาจิณ
ภายในป่าทึบหนานอกเขตเมืองกระแสพิรุณ มีเซียนกลุ่มเล็กๆกำลังลาดตระเวนเฝ้าตรวจอยู่
พวกเขาล้วนเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าที่ได้รับการฝึกปรือมาอย่างดี พวกเขาสวมชุดเนื้อผ้าดี ทั้งลวดลายและสีเหมือนกันทั้งกลุ่ม ดูหาใช่เหล่าเซียนทั่วไป
“หัวหน้า ท่านไป๋ฟู่ซางลำเอียงเกินไปนัก เหตุใดต้องเป็นหน่วยเราที่ต้องมาลาดตระเวนให้ที่รกร้างอันตรายเช่นนี้เสมอ?”
“ใช่แล้ว! เช่นนี้เราจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างไร? ในกองทหารเราคงไม่มีโอกาสโงหัวแล้วกระมัง?”
“หัวหน้า เป็นไปได้ไหมว่า พวกเราแต่กล้ำกลืนฝืนทนไปเช่นนี้ไปตลอด?”
…
ในระหว่างที่กลุ่มทหารอาณาจักรปฐมพระเจ้าเหล่านี้กำลังลาดตระเวนกันอยู่นั้นเอง แต่ละคนต่างเอ่ยปากบ่นขึ้นทันทีอย่างไม่พอใจ
และคนที่พวกเขากำลังบ่นอยู่ก็คือ แม่ทัพกองอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นคนหนึ่ง
“หุบปากเดี๋ยวนี้! ก็พวกเราเป็นทหารศึกหาใช่ผู้ฝึกตนพเนจรอิสระ! เมื่อใดที่ท่านแม่ทัพกองสั่งให้เราไปที่ใด เราก็จำต้องรับฟังคำสั่งโดยไม่มีขัดขืน! แล้วพวกเจ้าจะบ่นอันใดให้มากความ?”
หัวหน้าของพวกเขาตะโกนเสียงเย็นดังลั่น
แน่นอนว่าเปลวไฟแห่งความพิโรธเดือดดาลของแต่ละคนพลันดับมอดลงทันที
คล้อยหลังไม่นาน มีทหารคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า
“หัวหน้า พวกเราหวังดีเพื่อท่าน! ในด้านพลังฝีมือ ท่านแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าหลิวซานกง แต่กลับเป็นมันที่ได้รับความดีความชอบอยู่เสมอ? หากมิใช่เพราะพี่เคยของมันมียศศักดิ์ใหญ่โตหรอกรึ?”
สีหน้าของหัวหน้าคนนั้นทมิฬมืดลง เขาเอ่ยปากลั่นด่าน้ำเสียงเย็นว่า
“อย่าให้วาจาเช่นนี้ดังเข้าหูข้าอีก! กล่าวพล่ามไร้สาระนับเป็นความผิดและต้องถูกลงโทษตามกฎ!”
สีหน้าของทหารคนนั้นแปรเปลี่ยนไปทันที ก่อนแลบลิ้นเชิงหยอกล้อใส่ เขามิได้เอ่ยปากกล่าวอันใดอีก
“หื้ม? มีคนมาทางนี้!”
ทันทีทันใด หัวหน้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหอบหนึ่งไม่คุ้นเคย ประดุจเสียงระฆังดังขึ้นเตือนกลางใจ พร้อมยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนระวังตัว
ทหารเหล่านี้เจนจัดนักด้านประสบการณ์เป็นตาย ผ่านศึกสมรภูมินับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นจึงตื่นตัวต่อภัยอันตรายเร็วเป็นพิเศษ
หากมีการเคลื่อนไหวเบื้องหน้าเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะรู้ตัวได้ทันที
ความสามัคคีของพวกเขาไม่เป็นรองฝักฝ่ายใด พลันสัมผัสการมีอยู่ได้เบื้องหน้า แต่ละคนประจำจุดค่ายกลผสานโจมตีเข้าปิดล้อมเป้าหมายโดยไว
วูบ! วูบ! วูบ!
กลุ่มคนพวกนี้ทะยานล่อนลงบนพื้นที่เปิดกว้าง เตรียมรับมือสัประยุทธ์ศึกใหญ่เข้าประจัญบาน!
ทว่าทันทีที่เห็นอีกฝ่าย พวกเขากลับอ้าปากตื่นตะลึงยกใหญ่
เบื้องหน้าปรากฏเป็น ชายหนุ่มในวัยประมาณยี่สิบปีกำลังย่างกระต่ายกินอยู่
กลิ่นหอยลอยคลุ้งหวาน น้ำลายของพวกเขาเหล่านั้นกลับหยดลงติ๋งด้วยความหิวโหย
ทันทีที่เห็นคนเหล่านั้นตั้งท่าพร้อมประจัญบาน ชายหนุ่มที่นั่งย่างกระต่ายอยู่ดูไม่แปลกใจอะไรเลย เขาพลันคลี่ยิ้มกล่าวว่า
“เหล่าทหารทั้งหลาย ดูเหมือนว่าพวกท่านจะลาดตระเวนมาทั้งวันจนเหน็ดเหนื่อย อยากลองสักคำหรือไม่?”
เมื่อเหล่าทหารเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มเผ่ามนุษย์คล้ายดูเป็นมิตร พวกเขาก็โล่งใจขึ้นอย่างมาก
อาณาจักรพลังของชายหนุ่มคนนี้มิได้ต่ำทรามเช่นกัน ทั้งยังเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้น ทว่าในมุมมองของเหล่าทหารกลับจ้องมองแลดูครั่นคร้ามมิใช่น้อย
พวกเขาต่างคิดว่า ชายหนุ่มคนนี้คงเป็นนายน้อยจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงสักแห่งหน ที่ออกเดินทางมาฝึกปรือขัดเกลาฝีมือในป่า โดยมิทางถึงภัยอันตรายที่เร้นแฝงอยู่ในป่าทึบแห่งนี้เลย
ในทางตรงข้าม ชายหนุ่มคนนี้กลับทำตัวผ่อนคลายสบายอารมณ์นัก ถึงขั้นที่ว่าย่างกระต่ายกินอย่างเอร็ดอร่อยคงมิทราบเลยว่าความตายขีดเขียนอย่างไร
“นี่เจ้าทราบหรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?”
หัวหน้ากองทหารหาได้สนใจกินด้วยแต่อย่างใด พร้อมเอ่ยปากซักถามเสียงเย็น
ชายหนุ่มคนนี้อ้าปากกว้างฉีกเนื้อกระต่ายเคี้ยวงุบงับ พลางยิ้มกล่าวว่า
“ข้าไม่รู้เช่นกันว่าที่นี่คือที่ใด?”
ปลายคิ้วของหัวหน้าคนนี้พลันกระตุกขึ้นทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าชายหนุ่มกวนบาทาตรงหน้าเป็นอย่างมาก
วาจากวนประสาทเช่นนี้ เขาอยากจะซัดมันให้ตายคามือ!
บูมมม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...