ระหว่างทางเหลียงเฟิงแอบทดสอบเย่หยวนไปพลาง เขาจงใจเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น
การเคลื่อนไหวภายในป่าทึบแบบนี้เพียงวรยุทธเคลื่อนที่ความเร็วสูงกลับไร้ประโยชน์ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่สุดคือ สัญชาตญาณและปฏิกิริยาตอบสนองของคนนั้นๆ
เหลียงเฟิงและพวกพ้องต่างลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณนี้มาตลอดทั้งปี จึงคุ้นเคยกับภูมิสภาพเป็นอย่างดี ดังนั้นยามเร่งฝีเท้าขึ้น เขาจึงเร็วเป็นพิเศษ
เขาเร่งความเร็วจนถึงขีดจำกัด ทะยานฝ่าป่ารกร้างปราดพุ่งออกไปอย่างดุเดือด ทิ้งระยะขนาดนี้ ภายในใจเขาพลางคิดว่า ตนตีห่างกับเย่หยวนเกินไปแล้ว กลัวอีกฝ่ายหลงจึงชะลอฝีเท้าลง
แต่เมื่อเหลียวหลังกลับไป เหลียงเฟิงแทบสะดุ้ง
เย่หยวนคนนี้ตามติดดั่งภูตผีโดยแท้ ปรากฏว่าอีกฝ่ายติดตามแนบชิดอยู่ไม่ไกล
ตกใจหรือไม่กลับหาใช่นัยยะสำคัญ!
เพราะในความเป็นจริงแล้ว เหลียงเฟิงกลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายการมีอยู่ของเย่หยวนเลยในตอนก่อนหน้า
หากเย่หยวนคิดหักหลังและถือดาบอยู่ในมือ ป่านนี้เหลียงเฟิงคงกลายเป็นศพนานแล้ว!
เมื่อเห็นสีหน้าการแสดงออกของอีกฝ่าย เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“ข้ากล่าวไปก่อนหน้าแล้ว วรยุทธเครื่องไหวของข้าไม่เป็นสองรองใคร ข้าไม่เป็นตัวถ่วงท่านแน่นอน”
เหลียงเฟิงยิ้มเก้อกล่าวว่า
“น้องชาย เจ้ามีทักษะที่ยอดเยี่ยมนัก ทีแรกเหลียงคนนี้มองเจ้าผิดไปจริงๆ!”
ยามนี้เขาเพิ่งค้นพบว่าตนประเมินเย่หยวนต่ำเกินไปมาก อย่างน้องที่สุด กลางป่าทึบแบบนี้ การจะไล่ตามติดเขาได้ตลอดรอดฝั่งแบบนี้ โดยไร้สุ้มเสียงไร้กลิ่นอาย มันก็หาใช่สิ่งที่เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นโดยทั่วไปสามารถทำได้
ด้วยเหตุนี้ เย่หยวนจึงมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมทัพ!
ด้วยทักษะและมันสมองของเย่หยวน อนาคตต่อไปเขาจักต้องขึ้นเป็นแม่ทัพกองในไม่ช้าก็เร็ว
เหลียงเฟิงคนนี้คุ้นเคยกับเส้นทางพวกนี้เป็นอย่างดี เขาได้นำเย่หยวนไปยังทางอ้อมและปีนขึ้นไปถึงยอดเขาอัญเชิญปีศาจ
ทิวทัศน์เบื้องหน้าสุดลูกหูลูกตาช่างงดงาม ทำเอาหัวใจเย่หยวนสั่นคลอน
จุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่คือหน้าผากว้างกว่าหนึ่งพันฉื่อ หากก้มต่ำลงไปใกล้หน้าผาเป็นหลุมลึกจนมองไม่เห็นก้น
นอกจากนี้หลังจากที่เย่หยวนเดินทางมาถึงจุดสูงสุดของที่นี่ เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่า ฝีเท้าของเขาหนักขึ้นมาก
สนามแม่เหล็กอันทรงพลังได้ดึงดูดตรึงร่างของเขาไว้ ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ยังยากที่จะก้าวเดินบนนี้
ธารน้ำแห่งนี้ดูเหมือนจะมีความพิเศษโดดเด่นอย่างมาก
“สนามแม่เหล็กตรงจุดนี้ยังมิใช่จุดที่รุนแรงที่สุด บริเวณกลางเหวลึกแห่งนี้คือจุดที่สนามแม่เหล็กแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่า พวกปีศาจเหล่านั้นข้ามผ่านเข้ามาได้อย่างไร?”
เหลียงเฟิงกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้างุนงงฉงนใจ
เย่หยวนกล่าวขึ้นว่า
“ทางอ้อมมีระยะทางกล่าวหลายสิบลี้ การที่พวกมันสามารถข้ามธารน้ำมาได้ เช่นนั้นเราต้องระวังตัวให้มากขึ้น”
เหลียงเฟิงผงกศีรษะ และลบล้างความเชื่อเก่าๆทิ้งไป เพราะยามนี้เผ่าปีศาจสามารถข้ามฝั่งมาได้แล้ว
ทั้งสองเดินอ้อมออกไปกว่าหลายสิบลี้อย่างระมัดระวังตัว ในที่สุดสายตาของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนไปดูจริงจังขึ้นหลายส่วน ก่อนช้อนสายตามองไปยังหุบเขาอีกแห่งที่สูงกว่าหนึ่งพันฟุตเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ
ภาพฉากเบื้องหน้าปรากฏเป็น เรือเหาะลำหนึ่งจอดเทียบอยู่ พินิจจากขนาดน่าจะบรรทุกคนได้กว่าหลายสิบ
เรือเหาะลำนั้นลอยเคว้งอยู่กลางอากาศมิได้ถูกสนามแม่เหล็กดึงดูดลงมาแต่อย่างใด เป็นที่ชัดเจนว่า มันเป็นพาหนะลำเลียงทหารของเผ่าปีศาจข้ามมายังทางฝั่งดินแดนของเผ่ามนุษย์
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเรือเหาะลำนั้นคือ ขนาดของมันมิได้ใหญ่ จะขนส่งทีหนึ่งอย่างมากก็เก้าถึงสิบคนเท่านั้น
ยามนี้ได้ข้อสรุปเสียที เผ่าปีศาจพวกนั้นที่ปะทะกับเย่หยวนก่อนหน้า คือเผ่าปีศาจกลุ่มแรกที่ถูกส่งมา
“พวกมันสามารถข้ามธารน้ำสนามแม่เหล็กได้จริงๆ! นี่…นี่มันน่าประหลาดเกินไป! โชคยังดีที่พวกเราเจอปีศาจกลุ่มนั้นเสียก่อน จึงรู้ตัวได้ทัน มิฉะนั้นเมืองกระแสพิรุณอาจถูกพวกมันรุกรานครั้งใหญ่แน่นอน!”
เหลียงเฟิงลดเสียงเอ่ยกระซิบขึ้น
เย่หยวนมิได้เอ่ยกล่าวอันใด คู่สายตายังคงจับจ้องไปที่เรือเหาะลำนั้นราวกับกำลังจมอยู่กับความคิด
เหลียงเฟิงกล่าวต่อว่า
“ไม่มีทาง เราต้องรีบนำข่าวนี้กลับไปรายงานที่เมืองกระแสพิรุณโดยเร็ว มิฉะนั้นเมื่อกองทัพเผ่าปีศาจลำเลียงกองกำลังมาเสร็จสิ้น มีหวังพวกเราถูกปิดล้อมทั้งหน้าหลังแน่นอน!”
ด้วยความช่วยเหลือจากเรือเหาะลำนี้ ทำให้เผ่าปีศาจสามารถลำเลียงกองกำลังของตนได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
ในเวลานั้นกองกำลังของพวกมันจะครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เมืองกระแสพิรุณอาจพบเจอกับหายนะครั้งใหญ่
ดังนั้นเหลียงเฟิยจึงต้องการเดินทางกลับไปยังเมืองกระแสพิรุณก่อนโดยเร็วที่สุด เพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ
ทว่าทันใดนั้นเอง มียอดเซียนของเผ่าปีศาจปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาจากระยะไกล การมาถึงนี้ทำเอาเหลียงเฟิงกับเย่หยวนขมวดคิ้วแน่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...